ตอนที่ 271 ต้องเป็นฝีมือของเจียงป่าวชิงแน่

แม่สาวเข็มเงิน

เฉียนเซียงเซียงที่ตื่นขึ้นมารู้สึกเพียงว่ามีบางอย่างหนักมากกำลังกดทับอยู่บนตัวนาง ซึ่งมันใกล้จะกดทับจนนางขาดลมหายใจอยู่แล้ว

นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ แต่กลับสบตากับเฉียนจินหวู่ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาพอดี

“อ๊ะ! อ๊ายยยย! กรี๊ดดดด!”

เสียงกรีดร้องของเฉียนเซียงเซียงแทบทำให้หลังคาห้องเปิดออก

สองคนบนเตียงต่างรีบกุลีกุจอแยกออกจากกันอย่างทำอะไรไม่ถูก คอเสื้อของพวกเขายังคงไม่เป็นระเบียบอยู่หน่อย สีหน้าแววตาบ่งบอกชัดเจนว่าทั้งสองนั่งงุนงงกันอยู่บนเตียง

แต่ผู้คนที่กำลังมุงดูกันอยู่จะให้เวลาพวกเขานั่งงุนงงได้อย่างไร แต่ละคนต่างพูดเสียงเบาด้วยเพราะตกใจ “เกิดอะไรขึ้นน่ะ ข้าจำได้ว่านั่นลูกสาวคนเล็กของตระกูลเฉียนไม่ใช่รึ ?”

“เอ๊ะ! ประเดี๋ยวนะ ทั้งสองคน… ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันหรอกรึ ?”

“สวรรค์เล่นตลกแล้ว พวกเจ้าดูคอเสื้อที่ไม่เป็นระเบียบนั่นสิ! บัดสีบัดเถลิง ไม่คิดว่าพวกเขาจะแอบทำเรื่องแบบนี้ได้ลง”

“นี่มัน… นี่มันคือการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้องชัด ๆ”

สีหน้าตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน

เฉียนจินหวู่ได้ยินเสียงวิจารณ์ ในที่สุดสมองของเขาก็หมุนสักที ไม่ใช่สิ! ผู้หญิงที่เขานอนด้วยน่าจะเป็นเจียงป่าวชิงสิ แล้วทำไม… ทำไมถึงเป็นเซียงเซียงได้ล่ะ

เฉียนเซียงเซียงรีบห่อคอเสื้อที่ไม่เป็นระเบียบของตัวเองอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยจิตใจบอบช้ำ “ไม่ใช่! พวกข้าไม่ได้ทำเรื่องอะไรแบบนั้นนะ พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว เจียงป่าวชิง… ต้องเป็นฝีมือของเจียงป่าวชิงแน่ ๆ!”

ถ้าหากว่าชื่อเสียงไม่ดี ๆ นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ครอบครัวของพวกเขาคงไม่ต้องมีชีวิตอยู่กันแล้ว

สายตาของเฉียนจินหวู่ไปหยุดตรงเจียงป่าวชิงที่กำลังยืนอย่างสบายอกสบายใจอยู่ด้านข้าง เขาขมวดคิ้วแน่น ปากก็เอ่ยถามด้วยความโกรธขึ้ง “เจียงป่าวชิง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?!”

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เจียงป่าวชิงอีกครั้ง ทว่าเจียงป่าวชิงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่มีอาการสะทกสะท้านตกใจอะไรเลย

ยังมีหน้ามาถามอีกว่าเกิดอะไรขึ้น

เหอะ ๆ อันที่จริงนางก็แค่ใช้เข็มเงินแทงทั้งสองคนจนสลบ กัดฟันออกแรงมากหน่อยเพื่อนำร่างคนสองคนที่สลบไสลมาซ้อนทับกันให้สำเร็จ นั่นเกือบทำให้เหนื่อยจนขาดใจตายอยู่รอมร่อ

อ้อ ใช่แล้ว เพื่อให้เหมือนจริงมากยิ่งขึ้น นางยังตั้งใจฉุดดึงเสื้อผ้าของทั้งสองคนให้หลุดลุ่ยไม่เป็นระเบียบดูสุ่มส่อเหมือนคนเพิ่งทำเรื่องฉาวคาวโลกีย์ด้วย

นี่เกินไปไหม ? ขอตอบเลยว่าไม่! ก็ในเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาวางแผนจะทำกับนาง นี่เป็นเพียงของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากนางเท่านั้นเอง หึ ๆ เท่านี้น่ะมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ

เจียงหยุนชานมาขวางตรงหน้าเจียงป่าวชิงทันที

สองคนนี้พูดจาเหลวไหล ยังคิดจะหันหัวหอกไปที่น้องสาวของเขาอีก เด็กหนุ่มนิสัยดีอย่างเจียงหยุนชานรู้สึกโกรธเช่นกัน “เฮ้! ข้าไม่อยากรู้ว่าทำไมพวกเจ้าถึงตกอยู่ในสภาพน่าอับอายนี้ แต่พวกเจ้าอย่าลากน้องสาวข้าลงไปในน้ำขุ่นพร้อมกับพวกเจ้าสิ! ห้องนี้ปิดอย่างแน่นหนา พวกข้าต้องพังประตูด้วยซ้ำถึงจะเข้ามาได้ และน้องสาวข้าก็เพิ่งเข้ามาจากข้างนอก นางจะเกี่ยวข้องกับพวกเจ้าได้ยังไงเล่า ?”

ทุกคนคิดตามคำพูดของเจียงหยุนชานและพากันคิดว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เจียงป่าวชิงนางเดินเข้ามาจากนอกห้องดี ๆ และทุกคนก็เห็นอยู่ว่าประตูถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา เหตุใดปัญหาในห้องของสองคนนี้ถึงได้ไปอยู่ที่เจียงป่าวชิง

สายตาของทุกคนที่มองไปยังเฉียนจินหวู่กับเฉียนเซียงเซียงนั้นแฝงความหมายลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

พี่น้องคู่นี้ทำแย่นัก! แอบทำอะไรไม่พูด แถมคิดจะลากคนอื่นลงน้ำอีก

“ถุย! หน้าไม่อาย” ป้าคนหนึ่งถ่มน้ำลายลงพื้นโดยตรง

ถึงแม้จะไม่ได้พ่นไปที่บนใบหน้าของเฉียนจินหวู่กับเฉียนเซียงเซียง แต่เฉียนเซียงเซียงจะทนถูกดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ได้ที่ไหนกัน ดวงตาของนางแดงก่ำเป็นสีจัด นางร้องไห้โฮทันทีและปีนลงจากเตียงไปด้วย “ฮือ ๆ ๆ เจียงป่าวชิง นี่จะต้องเป็นฝีมือของเจ้าแน่ ๆ มา! ข้าจะสู้กับเจ้า!”

เจียงหยุนชานยังคอยปกป้องเจียงป่าวชิงอยู่ตรงหน้า และมีคุณป้าที่มีน้ำใจสองสามคนไม่ชอบการกระทำทุเรศ แบบที่ว่าสลัดเรื่องราวย่ำแย่ของตัวเองไปให้คนอื่น พวกนางจึงรุดเข้าไปผลักเฉียนเซียงเซียงให้ล้มลงไปบนเตียงตามเดิม ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพูดขึ้นด้วยหน้าตาบึ้งตึง “สาวน้อย เจ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะ ทำเรื่องไม่ดีเองแต่กลับใช้วิธีโยนขี้ไปให้คนอื่น แบบนี้มันน่าเกลียดเกินไปหน่อยไหม ?”

เฉียนเซียงเซียงร้องไห้หนักขึ้นจนเสียงแหบแห้ง “ไม่ใช่ข้า! ข้าไม่ได้ทำ!”

เฉียนจินหวู่ในตอนนี้ลุกขึ้นยืนอย่างโกรธจัด “หยุด! พวกป้าจะลงไม้ลงมือทำไม ?” พูดเสร็จ เขาก็ผลักพวกคุณป้าที่ผลักเฉียนเซียงเซียงจนเซไป

ทว่านี่ดูเหมือนจะเป็นการแทงรังแตนเสียแล้ว อารมณ์ร้อนคุกรุ่นของพวกชาวบ้านที่มาช่วยพลันฮึกเหิมขึ้นเท่าทวี “ไอ้โย! ไอ้เด็กเดรัจฉาน ทำไมต้องผลักคนอื่นด้วย ?”

สักพักเสียงของผู้คนในห้องดินเหนียวก็เดือดขึ้นทันที

แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวที่นี่เสียงดังเกินไป โจซื่อที่ได้ยินจึงมาตามเสียง ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก่อนหน้านี้เจียงเอ้อยาบอกนางว่าพวกนางจะเล่นงานเจียงป่าวชิง ผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ นางค่อยออกมาดูเรื่องสนุกได้เลยเมื่อถึงเวลานั้น

โจซื่อคิดว่านี่คงเป็นแผนการอะไรสักอย่างที่ทำให้เจียงป่าวชิงเกิดความอับอาย แต่นางมีความสุขเสมอที่ได้เห็นเจียงป่าวชิงเสียหน้า ยามนี้นางได้ยินเหมือนเสียงใครบางคนกำลังร้องไห้จึงรีบวิ่งไปทางนั้นอย่างตื่นเต้น

แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าพอมาถึงกลับมองอะไรไม่เห็นซะอย่างนั้น ภายในห้องดินเหนียวเล็ก ๆ เต็มไปด้วยผู้คนคลาคล่ำ ทุกคนเหมือนกำลังก่นด่าโจมตีใครบางคนอยู่ แต่นางกลับไม่ได้ยินเพราะเสียงมันดังอื้ออึงเกินไป

กว่าโจซื่อจะแหวกผู้คนเข้ามาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าสุดท้ายเมื่อพบเจอทางออกไปสู่เบื้องหน้า นางก็เห็นเฉียนเซียงเซียงนั่งร่ำไห้อยู่บนเตียงอย่างหนักจนแทบหายใจไม่ทัน ส่วนเฉียนจินหวู่ถูกพวกป้า ๆ กลุ่มหนึ่งชี้หน้าด่า เขาอดกลั้นอารมณ์จนหน้าแดงก่ำแต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ

ส่วนเจียงหยุนชานกับเจียงป่าวชิงน่ะหรือ สองพี่น้องเพียงยืนมองอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ

โจซื่อรู้สึกจี๊ด ๆ ในใจ นี่ไม่เหมือนเหตุการณ์ที่บ่งชี้ว่าเจียงป่าวชิงเสียหน้าเลย

“เกิดอะไรขึ้น ?!” โจซื่อตะคอกถามทันที

ถึงแม้ว่าเฉียนเซียงเซียงจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับโจซื่อสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ได้เจอญาติแล้วในขณะนี้ นางร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล โถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของโจซื่อ “ป้าโจ พวกเขา พวกเขารังแกข้า ฮือ ๆ ๆ ช่วยข้าด้วยนะเจ้าคะ”

โจซื่อมองดูเฉียนเซียงเซียงที่น้ำหูน้ำตาไหลด้วยสีหน้าแข็งทื่อ นางผลักเฉียนเซียงเซียงให้ห่างจากตัวเองอย่างนึกรังเกียจเล็กน้อยแต่กลับเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เจ้าหยุดร้องหยุดสะอื้นก่อนเถอะ บอกมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่อย่างนั้นหรือ… เฉียนเซียงเซียงถูกถามมาเช่นนี้ นางชะงักไปเล็กน้อย จู่ ๆ ก็พบว่าตนไม่สามารถพูดเรื่องนี้ออกไปได้

จะให้พูดยังไงได้เล่า

จะให้บอกว่าเดิมทีนางหลอกเจียงป่าวชิงมาที่นี่ เพื่อจะวางยาที่มีฤทธิ์ทำให้เจียงป่าวชิงสลบ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองไปทำอีท่าไหน ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกทีกลับพบว่าตัวเองกับพี่ชายกำลังนอนอยู่ด้วยกันซะอย่างนั้น

แล้วแบบนี้จะให้พูดยังไง…

นางกับเฉียนจินหวู่สบตากัน ความจริงที่ว่าไม่สามารถพูดเรื่องนี้ออกไปได้ ถาโถมเข้าใส่เต็มเปา

สีหน้าของเฉียนจินหวู่ดูจนตรอกอย่างที่สุด

เจียงป่าวชิงมองดูสีหน้าหลังถูกถามของเฉียนเซียงเซียงกับเฉียนจินหวู่ก็อดหัวเราะเยาะในใจไม่ได้ เพราะนางรู้ดีว่าทั้งเฉียนจินหวู่กับเฉียนเซียงเซียงต่างก็ไม่กล้าปริปากป่าวประกาศสิ่งที่พวกเขาทำให้คนอื่นรับรู้แน่อยู่แล้ว

โจซื่อเห็นสายตาของเฉียนเซียงเซียงกับเฉียนจินหวู่แปลกไป มันเหมือนมีความรู้สึกกังวลอยากจะหลบลี้หนีหน้าเล็กน้อย นางจึงรู้สึกหงุดหงิดจนต้องหันไปมองเจียงเอ้อยาและถามเจียงเอ้อยาแทน “เอ้อยา เจ้าบอกข้ามาหน่อยซิว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเสียงดังขนาดนี้ ?”

เจียงเอ้อยากำลังครุ่นคิดว่าจะสาดน้ำสกปรกให้เจียงป่าวชิงอย่างไรดี ก็มีป้าที่อยู่ด้านข้างคนหนึ่งพูดขึ้นมาก่อน “เจ้าถามพวกเขา สองพี่น้องของตระกูลเฉียนคงไม่กล้าบอกเจ้าอย่างแน่นอน ก็พวกเขาร่วมประเวณีระหว่างพี่น้องในตอนกลางวันแสก ๆ แบบนี้ยังไงล่ะ!”

สีหน้าของโจซื่อพลันยับยู่ยี่ย่น ตกใจกับคำพูดที่เพิ่งเข้าเต็มสองรูหู “ไอ้โย! ป้าหนิว ก่อนจะพูดอะไรก็ควรคิดก่อนสิ สิ่งที่ออกมาจากปากของป้าจะทำลายชีวิตของเด็กทั้งสองคนตลอดไปได้เลยนะ”

ป้าหนิวหัวเราะเยาะ “เหอะ ๆ เจ้าหาว่าข้าพูดจาเหลวไหลอย่างนั้นรึ ? ทุกคนต่างเห็นกันทั้งนั้น ไอ้ยา! พอพวกเข้าเข้ามาก็เห็นสองคนนี้กอดกันอยู่บนเตียง เสื้อผ้าหลุดลุ่ยยิ่งกว่าอะไร! ถ้าเจ้าได้รู้แบบนี้แล้ว และเจ้าบอกว่านี่ไม่ใช่เป็นการทำอะไรแผลง ๆ แล้วคือพวกเขากำลังทำอะไรล่ะ ?”

“ใช่ ๆ”

“ใช่เลย พี่น้องบ้านไหนเขากอดกันบ้าง ดูไม่ได้เลยจริงเชียว!”

เฉียนเซียงเซียงกับเฉียนจินหวู่อยากมุดลงไปใต้ดินให้รู้แล้วรู้รอด

ทว่าโจซื่อยืนกรานปฏิเสธ “เป็นไปไม่ได้! มันต้องไม่ใช่…” ปากขมุบขมิบรับไม่ได้ พลันสายตาของนางก็ไปหยุดที่เจียงป่าวชิง “นี่จะต้องเป็นฝีมือของเจียงป่าวชิงแน่!”

‘อีกแล้วสินะ…’ เจียงป่าวชิงส่ายศีรษะอย่างละเหี่ย