เจียงซวี่โมโหมาก

กู้ชูหน่วนไม่ได้คิดจะปล่อยเขา เพียงแค่แมวหยอกหนูล้อเขาเล่นเอง

“กรึกๆ…..”

เป็นอีกสองไหที่กรอกลงไป เจียงซวี่รู้สึกแน่นท้อง สมองมึนงงหน้ามืด

“เจ้าพูดกลับกลอกไม่รักษาคำพูด…อืม…..”

“เพล้ง….”

กู้ชูหน่วนทิ้งไหเหล้าลง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“มีกฏที่บอกว่าข้าจะต้องรักษาคำพูดหรือ?”

“เจ้า….เจ้าแกล้งหลอกข้า”

“ใช่ ข้าแกล้งหลอกเจ้า สิ่งที่เจ้าทำกับเยี่ยเฟิง แม้จะใช้การลงโทษที่โหดร้ายที่สุดในโลกก็ไม่สามารถชดเชยได้ นอกจากนี้… ข้ากู้ชูหน่วนไม่ใช่คนที่ใจดี ”

เจียงซวี่ยังอยากจะพูด กู้ชูหน่วนส่งสายตาให้อี้เฉินเฟย เขาเลยกดจุดเขาทันที แล้วเปลี่ยนชุดเขากับเยี่ยเฟิง

กู้ชูหนวนยิ้มอย่างเยือกเย็น กล่าวว่า“วางใจ หากเจ้าทำดี บางทีผู้นำกองธงกล้วยไม้อาจจะรักทะนุถนอมเจ้าก็ได้ เจ้าไม่ต้องอิจฉาเยี่ยเฟิงอีกแล้ว เจ้าต้องรู้สึกเป็นเกียรติถึงจะถูก”

เจียงซวี่พยายามกล่าวพูดออกมา แต่กลับไม่มีเสียงออกมาเลย เพียงแค่มองกู้ชูหน่วนกับอี้เฉินเฟยด้วยความอ้อนวอน

ผู้นำกองธงกล้วยไม้เป็นคนอย่างไร เขารู้ดี เขาไม่อยาก….ไม่อยากกลายเป็นคนคอยปรนนิบัติ

นึกถึงโชคชะตาหลังจากกลายเป็นคนปรนนิบัติแล้ว เจียงซวี่ถึงกับตัวสั่นเทิ้ม แต่กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยไม่แสดงความเมตตา พวกเขาเพียงแค่ช่วยนำเยี่ยเฟิงที่มึนเมามาไว้ด้านหลัง และกล่าวทิ้งประโยคไว้ว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าสัญญาตอนที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้โปรดปรานเจ้า พวกข้าจะเคลื่อนไหวโดยไม่รบกวนถึงเขาเด็ดขาด”

พูดจบ ทั้งสามคนเลยหลบทางด้านหลัง

ประตูหอคอยเปิดออก ได้มีผู้ถือธงเข้ามาคนหนึ่ง พอเขากวักมือ เลยมีคนยกเขาขึ้น ส่งเขาไปบนยอดสูงสุด

เจียงซวี่ขมวดคิ้วลิ่วตา อยากจะเตือนเขา แต่เขาไม่ได้สนใจสายตาของเขา เพียงแค่สั่งให้คนใช้หามเขาไป

ในหอคอยเงียบสงบกลับมา กู้ชูหน่วนยืนขึ้นและออกมา

อี้เฉยเฟยมองเจียงซวี่ที่ถูกหามเดินออกไปไกลแล้ว กล่าวอย่างลึกซึ้ง

“วันนี้ผ่านไป เสียงนี้ของเจียงซวี่จะหายถูกทำลายไปพอประมาณ หรือว่าท่านไม่รู้สึกผิดโทษตนเองหรือ?”

“ทำไมข้าจะต้องโทษตนเอง ? เมื่อตอนเขาทำลายเยี่ยเฟิง เขาเคยคิดเกี่ยวกับคำว่ารู้สึกผิดโทษตนเองหรือไม่ ? หรือ… ท่านทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ?ถ้าหากท่านทนไม่ได้ อยากจะช่วยเขา ตอนนี้ยังทันนะ”

“เด็กโง่ ข้าเกรงว่าท่านจะรู้สึกแบกรับภาระ ความเป็นความตายของเจียงซวี่ไม่เกี่ยวกับข้า”คนที่เขาใส่ใจมีเพียงแค่นางคนเดียวเท่านั้น

กู้ชูหน่วนประคองเยี่ยเฟิงที่เมาปวกเปียก กล่าวด้วยความกลัดกลุ้มใจว่า“เยี่ยเฟิงเมาขนาดนี้จะทำอย่างไรดี?”

“เขาถูกมอมเมามากเกินไปแล้ว ตอนนี้อยากให้เขาได้สติคิดว่ายาก ทำได้เพียงให้คนแบกเขากลับแล้ว”

อี้เฉินเฟยมองเวลา

วันนี้เป็นช่วงกลางคืน ไม่นานก็ถึงช่วงยามจื่อแล้ว เวลาที่เหลือไว้ให้พวกเขานั้นไม่มากแล้ว

“เอาอย่างนี้ ข้าปลอมตัวเป็นเจียงซวี่ก่อน ช่วยคนในหอคอยออกมา ท่านพาพวกเขาไปรอข้าที่หอคอยชั้นหนึ่ง แล้วข้าจะช่วยเหลือผู้คนในหอคอยอีกสองหอคอยที่เหลือ”

“มีความมั่นใจหรือไม่?”

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว ค่อนข้างกังวลใจ

เห็นนัยน์ตาของนางมีความกังวลใจ ภายในใจอี้เฉินเฟยร้อนวูบขึ้น

ไม่ว่าจะมีความมั่นใจหรือไม่ เส้นทางที่มานี้ คุ้มค่าแล้ว

“วางใจเถิด มีข้าอยู่ ท่านตามด้านหลังข้าก็พอแล้ว”

“ได้”

ทั้งสองฝ่ายสบตากันแล้วยิ้ม และเข้าใจสัญญาณลับกันโดยปริยายจากก้นบึ้งหัวใจ

กู้ชูหน่วนเขย่าเยี่ยเฟิง แล้วกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า“เยี่ยเฟิง หากว่าเจ้ายังมีสติอยู่ เจ้าก็เอามือกำไว้เป็นกำปั้น”

รออยู่พักหนึ่ง เยี่ยเฟิงยังคงไร้การเคลื่อนไหว

ตอนที่ทั้งสองคิดว่าเยี่ยเฟิงเมาจนไม่ได้สติไปแล้วนั้น กลับได้เห็นเยี่ยเฟิงกำหมัดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ดูเหมือน…..เยี่ยเฟิงเพียงแค่เมาจนไร้เรี่ยวแรง ไม่ได้เมาจนไม่ได้สติ