ตอนที่ 399 สมองของนายล่ะ
วันรุ่งขึ้น เฉินฝานซิงเป็นเจ้ามือเลี้ยงเป็ดย่างป๋อจิ่งชวนตามที่ตกปากรับคำไว้
ทั้งยังถือโอกาสพาสวี่ชิงจือและอินรุ่ยเจวี๋ยไปด้วย
แน่นอนว่านั่นจะต้องทำให้ป๋อจิ่งชวนหัวเสีย
เมื่อกลับมาถึงโรงแรมในตอนบ่าย เฉินฝานซิงก็เริ่มเก็บสัมภาระ พักผ่อนให้เต็มที่ตลอดทั้งบ่ายพร้อมที่จะกลับเมืองผิงเฉิงในเช้าวันพรุ่งนี้
ดูเหมือนป๋อจิ่งชวนจะมีงานค้างสะสมไว้ไม่น้อย หลังจากกลับถึงโรงแรมเขาก็นั่งลงบนโซฟา เริ่มโทรศัพท์ วิดีโอคอล แทบจะไม่ได้หยุดพักเลย
ทั้งสองคนมีกระเป๋าสัมภาระสองใบ ขนมพื้นเมืองที่ซื้อที่เมืองนี้
เฉินฝานซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอากระป๋าใบหนึ่งมาใส่ขนมพื้นเมืองโดยเฉพาะแล้วเอาเสื้อผ้าของเธอและป๋อจิ่งชวนใส่ไว้ในกระเป๋าใบเดียวกัน
ลงตัวพอดี
เมื่อมองกระเป๋าที่บรรจุเสื้อผ้าของพวกเขาทั้งสองคนไว้ เฉินฝานซิงก็เผลออมยิ้มออกมา
ห้องหนึ่งห้องพักสองคน เตียงหนึ่งเตียงนอนสองคน กระเป๋าหนึ่งใบใส่เสื้อผ้าของทั้งสองคน
เธอและป๋อจิ่งชวน…
ช่างดีเสียจริง
เธอนั่งกอดเข่าคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่บนพื้น ตรงหน้ามีกระเป๋าสัมภาระของทั้งสองคนวางไว้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้สองภาพ
ในวีแชทมีข้อความแจ้งเตือนเข้ามา เธอเปิดเข้าไปดู ทันใดนั้นเองก็บุ้ยปากมู่ทู่
เผยอวิ๋นเจ๋อใช้เบอร์โทรศัพท์ของเธอหาวีแชทเธอเจอจนได้
ผู้ชายคนนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่
แสร้งทำเป็นไม่รู้งั้นเหรอ
ยังไงก็แกล้งไม่รู้ไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ
นึกถึงเงินลงทุนที่เพิ่งได้รับมา อย่าไม่ทันไรก็ทำหลุดมือไปเสียก่อนสิ
จึงทำได้เพียงแค่กดตอบรับคำขอเป็นเพื่อนแต่โดยดี
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่โทรศัพท์จู่ๆ ก็มีสายเข้ากะทันหัน
เธอชะงักไปชั่วขณะ มองดูสายเรียกเข้า คิ้วพลันขมวดมุ่น
ก่อนจะหันไปมองป๋อจิ่งชวนปราดหนึ่งด้วยท่าทางตรึกตรอง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์แล้วลุกขึ้น
เธอเดินไปถึงบริเวณริมหน้าต่างห้องนอนถึงจะกดรับสาย
พลันเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างและเย็นชา
“มีธุระเหรอ”
“ฝานซิง วันนี้เผยซื่อถอนทุนออกจากซูซื่อแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” น้ำเสียงร้อนรนของซูเหิงดังขึ้น
เฉินฝานซิงยกมุมปาก “นายน่าจะถามผิดคนแล้ว”
ซูเหิงนิ่งไปครู่หนึ่ง “…เชียนโหรวบอกว่า เมื่อวานเธอไปเดินช้อปปิ้งกับคุณนายเผย”
“มีปัญหาอะไรเหรอ”
“ฝานซิง พวกเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไม่ได้เหรอ…เธอจะ…ไม่เหลือช่องทางให้ฉันบ้างเลยจริงๆ หรือไง”
เฉินฝานซิงหัวเราะเหยียดหยัน “ช่องทาง? เพราะงั้นตอนนี้นายคงจะกำลังเสียดายที่ตอนนั้นฉันไม่จมหายไปในทะเลเสียเลยสินะ”
ซูเหิงอ้าปากค้างแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ตอนนั้น นายเหลือช่องทางให้ฉันได้มีชีวิตต่อเหรอ”
“ฉัน…ไม่ได้ตั้งใจ ฝานซิง เชื่อฉันนะ ฉันไม่เคยอยากให้เธอตายเลย…”
เฉินฝานซิงสีหน้าเฉยชา “เชื่อนายงั้นเหรอ ตอนนั้นฉันเกือบจะตายเพราะความเชื่อใจที่มีต่อนายด้วยซ้ำ”
หลังจากถอนหายใจออกมา เธอก็ดึงสีหน้าจริงจัง “ซูเหิง สัญญาหลุดมือไปแล้ว นายไม่ผิด สกุลเผยเป็นนายทุนผูกขาดมาเนิ่นนาน จนถึงตอนนี้มั่นคงไม่สั่นคลอน นายคิดว่าพวกเขาโง่หรือยังไง”
ซูเหิงตะลึงงัน คิ้วขมวดมุ่น
“หมายความว่ายังไง”
แต่กลับได้ยินเสียงเฉินฝานซิงพูดขึ้น
“ให้เฉินเชียนโหรวช่วยนายตีสนิทภายใน เหอะ…รู้ไหมว่าประธานเผยเกลียดอะไรมากที่สุด เกลียดคนดึงเขาเข้าไปเกี่ยวกับข่าวฉาว เพราะข่าวฉาวในตอนนั้น ทำให้คุณนายเผยเสียใจไปไม่น้อย รูปฉันกับประธานเผยที่มีคนปล่อยว่อนเน็ตเพื่อพยายามจะแบล็คเมลฉัน นายคิดจริงๆ เหรอว่าฉันไม่รู้ว่าเฉินเชียนโหรวอยู่เบื้องหลังน่ะ เรื่องที่แม้แต่ฉันเองยังรู้แล้วสกุลเผยจะไม่รู้ได้ยังไง…
ใครก็รู้ว่าคุณนายเผยเป็นดวงใจสุดที่รักของประธานเผย นายให้เฉินเชียนโหรวที่เป็นต้นตอของปัญหานี้ไปตีสนิทกับคุณนายเผย…สมองนายคงไม่เหลืออยู่แล้วสินะ”
ตอนที่ 400 ตั้งตารอ
ซูเหิงนิ่งอึ้ง จุกจนพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่
“ตั้งแต่ที่เฉินเชียนโหรวแชร์รูปฉันกับประธานเผยลงในอินเทอร์เน็ต ก็ชี้ชัดได้แล้วว่าเงินลงทุนของเผยซื่อไม่ใช่ของนายอีก”
ซูเหิงเงียบไปนาน ก่อนจะยกมือขึ้นมือก่ายหน้าผาก “ฝานซิง ที่เธอกลายเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะเกลียดฉันหรอกเหรอ เพียงเพราะฉันเลยต้องเปลี่ยนแปลงจนไม่เหลือความเป็นตัวเองอยู่เลย เธอว่าแบบนี้ดีแล้วเหรอ”
“ฉันรู้สึกดีใจมาก เงินทองมากมายซื้อความสุขให้ฉันไม่ได้ เรื่องระหว่างเราคุยกันรู้เรื่องไปตั้งนานแล้ว อย่ามาทำอ่อนแอบีบน้ำตาแล้วโยนความรับผิดชอบให้ฉันเมื่อตอนที่ทำเงินลงทุนหลุดมือ เธอดึงเงินลงทุนมาไม่ได้เพราะเธอไม่มีความสามารถเอง อ้อ ไม่ใช่สิ จริงๆ เธอก็พอมีความสามารถอยู่ เธอบอกว่าจะทำให้ฉันขายหน้าคนทั้งโลกตอนงานแข่งปรุงน้ำหอม เหอะ…ฉันจะรอดูว่าเธอจะทำให้ฉันขายหน้าคนทั้งโลกยังไงกันแน่ ตั้งตารอเลยล่ะ”
พูดจบ เฉินฝานซิงก็ตัดสายอย่างไร้เยื่อใย
ซูเหิงฟังเสียงสัญญาณถูกตัดขาดไปในโทรศัพท์ คิ้วก็ขมวดมุ่นขึ้นเรื่อยๆ
เขาหันไปมองทางเฉินเชียนโหรวที่นั่งร้องไห้เสียใจอยู่ริมเตียงอย่างน่าสงสาร ดวงตาแดงก่ำของเธอทอดมองมา ก่อนจะเอื้อนเอ่ยเบาๆ
“พี่เหิงคะ พี่เธอ…เธอทำเกินไปจริงๆ ฉันอุตส่าห์พยายามหลบหน้าเธอแล้ว ทำไมเธอต้องตามรังควานฉันไปทุกที่ด้วย”
ซูเหิงถอนหายใจ ภายในสมองมีคำพูดของเฉินฝานซิงดึงขึ้นมา ‘อย่ามาทำอ่อนแอบีบน้ำตาแล้วโยนความรับผิดชอบให้ฉันเมื่อตอนที่ทำเงินลงทุนหลุดมือ’
เขาเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าเธอ เฉินเชียนโหรวรีบโผเข้าอ้อมกอดของเขาทันที พลันโอบกอดเขาไว้แน่นพร้อมกับร้องไห้ด้วยท่าทางเศร้าโศกเสียใจอย่างหนัก
“พี่เหิง พี่เข้าใจฉันผิดขนาดนี้ แถมพี่เธอยังเก่งกาจขนาดนั้น ฉันควรทำยังไงดีคะ ฉันกลัวจังเลย”
“กลัว” คำนี้เป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน การเปลี่ยนแปลงของเฉินฝานซิง ไม่ได้อยู่ในสิ่งที่เธอคาดคิดไว้
เธอจับทางเฉินฝานซิงไม่ถูกเลยสักนิด
“เอาละ ต่อไปก็พยายามอย่าไปหาเรื่องเธอก่อน ฝานซิงไม่ยอมถอยไปก้าวหนึ่ง งั้นเธอก็ถอยไปเองสองก้าว…”
เฉินเชียนโหรวกัดริมฝีปาก พยักหน้าด้วยความฝืนทน
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ ต่อไปเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือการแข่งขันปรุงน้ำหอม เตรียมตัวให้ดีล่ะ”
“อื้ม ฉันจะทำให้ดีที่สุด”
หลังจากที่วางโทรศัพท์ ความรู้สึกเมื่อครู่นี้ ในตอนนี้ถูกทำลายไปจนหมดแล้ว…
–
เมื่อกลับมาถึงผิงเฉิง เฉินฝานซิงก็นั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับการปรุงน้ำหอมอย่างขะมักเขม้นทุกวี่วัน เมื่อมีเวลาว่างก็จะเข้าไปขลุกอยู่ในห้องปรุงน้ำหอม
ทว่าเฉินเชียนโหรวกลับใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับงานในวงการบันเทิง นอกเหนือจากตอนที่เพิ่งกลับมาครึ่งเดือนแรกที่เธอไม่ได้ปรากฎตัวเลย แต่หลังจากนั้น เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็เป็นช่วงที่เรื่องในอินเทอร์เน็ตซาลงไปแล้ว เธอจึงเริ่มมีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ทำงานการกุศล ออกงานเลี้ยงการกุศลอยู่บ่อยๆ ทุกครั้งที่ออกสู่หน้ากล้องก็จะแต่งตัวเรียบร้อยสง่าดูสะอาดตาเสมอ
คนสมัยนี้ สิ่งที่ดูเป็นอย่างแรกก็คือหน้าตาภาพลักษณ์
หากว่าได้เห็นบ่อยๆ เป็นเวลานาน ภาพลักษณ์ของเธอก็จะเป็นไปอย่างที่ทุกคนเห็น
ดังนั้นการแต่งกายของศิลปินดาราจึงสำคัญมาก
ยังได้ข่าวมาอีกว่าช่วงนี้เธอกำลังเตรียมตัวปล่อยเพลงใหม่ออกมาอยู่ ช่วงนี้หลันอวิ้นจึงกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมการให้เธอ เฉินฝานซิงก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไร
จริงอยู่ที่เฉินเชียนโหรวร้องเพลงได้ไม่เลว แต่ถึงตอนนี้กลับมีแผนจะออกอัลบั้ม…
ในห้วงสมองของเฉินฝานซิงผุดภาพของหลินสื่อเจียคนที่ปรากฏตัวในงานเลี้ยงวันเกิดนายใหญ่สกุลเผยขึ้นมา
ในที่สุดก็เข้าใจอะไรบางอย่าง ใช้ประโยชน์ให้ถึงที่สุดสินะ
แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องพวกนั้น
เรื่องที่บริษัทเพิ่งเปลี่ยนทิศทางการดำเนินงานก็ยังไม่ลงตัว ตอนนี้ตรงหน้าก็ยังมีการแข่งขันระดับนานาชาติรออยู่อีก
แต่เธอรู้สึกข้องใจไม่น้อย เฉินเชียนโหรวไปเอาความมั่นใจมากจากไหนกัน จนถึงตอนนี้ยังคงยุ่งอยู่กับเรื่องออกอัลบั้มอยู่อีกเหรอ
หรือจะบอกว่า ในใจเธอคิดว่า เมื่อการแข่งขันมาถึง ขอแค่คะแนนของตัวเองชนะเธอได้ก็พอแล้วงั้นเหรอ