ตอนที่ 834 ความหึงหวงของประธานโม่

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

หลังจากวางสาย ถังหนิงกลับมาเลือกเสื้อผ้าให้ลูกทั้งสองคนของตัวเองต่อ ทว่าไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ได้รับสายจากลู่เช่อ “คุณผู้หญิงครับ เฉวียนจื่อเยี่ยต้องการขอพบคุณครับ”

 

 

“เขาเหรอ ฉันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาสักหน่อย”

 

 

“เขาอยากคุยเรื่องของหลินเฉี่ยนครับ” ลู่เช่ออธิบาย “ท่านประธานบอกว่าเขามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือ ถ้าคุณไม่อยากจะพบเขาก็ไม่ต้องไปก็ได้ครับ”

 

 

ถังหนิงสัมผัสได้ถึงความหึงหวงในคำพูดของโม่ถิง เธอจึงยกยิ้มขึ้น “ฉันจะไปที่บริษัทเดี๋ยวนี้แหละ”

 

 

แม้ว่าเธอจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องของเฉวียนจื่อเยี่ยเลยแม้แต่น้อย แต่เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับหลินเฉี่ยน เธอจึงจะไปคุยว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เธอก็เป็นหุ้นส่วนกับหลินเฉี่ยน หากแต่หลังจากที่พวกเธอใช้เวลาด้วยกันมา เธอรู้ถึงอารมณ์ของอีกฝ่ายและรู้ว่าเจ้าตัวไม่ใช่คนที่ยอมลงให้ใครง่ายๆ ด้วยนิสัยที่ดื้อรั้นเหลือเกิน จึงดูเหมือนจะไม่มีทางที่เฉวียนจื่อเยี่ยจะทลายกำแพงที่เธอก่อขึ้นมาได้เลย

 

 

ในไม่ช้าถังหนิงจึงฝากให้คุณแม่ทั้งสองดูแลลูกๆ ก่อนจะขับรถตรงมาที่ไห่รุ่ย

 

 

หลังจากเหตุการณ์เรื่องสวี่ซิน เธอห่างหายจากการปรากฏตัวสู่สายตาของสาธารณชนไปอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นคนในวงการจึงเริ่มให้ความสนใจเธอน้อยลง

 

 

ด้วยเหตุนี้เธอจึงออกจากบ้านมาได้อย่างไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ

 

 

ไม่นานจากนั้น ถังหนิงเข้ามาในไห่รุ่ยด้วยลิฟต์ส่วนตัวของโม่ถิง ทันทีที่เธอก้าวเข้ามาในห้องทำงาน เธอเห็นผู้ชายสองคนนั่งเผชิญหน้ากันอยู่ด้านในอย่างอึมครึม ถังหนิงหลุดขำออกมาเบาๆ และเอ่ยปลอบโม่ถิง จากนั้นจึงทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตรงข้ามเฉวียนจื่อเยี่ย

 

 

“แค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ” โม่ถิงเตือนเสียงเย็นเยียบข้างหูเฉวียนจื่อเยี่ย

 

 

“พูดมาสิ นายอยากคุยเรื่องอะไรกับฉัน” ถังหนิงถามเสียงเรียบขณะที่มองสำรวจชายตรงหน้า เฉวียนจื่อเยี่ยเป็นลูกครึ่ง เครื่องหน้าของเขาจึงดูแปลกตา หากแต่เสน่ห์เหลือร้ายที่สัมผัสได้จากสายตาเฉยชาของเขาก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว

 

 

ชายผู้เป็นที่ชื่นชอบของหญิงสาวมากมายแต่เจ้าตัวก็ยังคอยตามติดหลินเฉี่ยนไปทั่วโลกไม่เลิกรา

 

 

“ว่ากันแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะครับ เมื่อก่อนแม่ผมทำร้ายหลินเฉี่ยน ผมต้องทำยังไงถึงจะชนะใจเธอได้”

 

 

“ทำไมนายถึงมาถามฉันล่ะ” เทียบกับคำถามที่เขาถามแล้ว ถังหนิงกลับรู้สึกสงสัยสิ่งที่อยู่ในหัวเขามากกว่า “นายรู้ได้ยังไงว่าฉันจะมีทางออกให้นาย”

 

 

“เพราะคุณมองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง” เฉวียนจื่อเยี่ยว่าขึ้นพร้อมสายตาที่มองตรงมายังถังหนิง “มันไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ทำได้ ผมเลยมาหาคุณเพราะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมาหาคุณ”

 

 

“นายควรรู้เอาไว้ว่าฉันไม่ใช่คนดี ฉันต้องการข้อแลกเปลี่ยน” ถังหนิงแสดงจุดยืนของตัวเอง “พูดง่ายๆ เลยนะ ทำไมฉันต้องช่วยนายด้วย นายยิ่งเป็นคนก่อเรื่องเดือดร้อนให้ฉันและเกือบทำแผนฉันพัง”

 

 

“แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้พังนี่ครับ ใช่ไหมล่ะ” เฉวียนจื่อเยี่ยเหยียดยิ้ม “เดี๋ยวต่อไปคุณก็จะหาทางใช้ประโยชน์จากผมอยู่ดี”

 

 

“ยกตัวอย่างเช่น?”

 

 

“ยกตัวอย่างเช่น ผมสามารถปกป้องหลินเฉี่ยนได้”

 

 

ถังหนิงหัวเราะออกมาก่อนส่ายศีรษะ “ทุกอย่างที่หลินเฉี่ยนทำมาตลอดคือการพิสูจน์กับตระกูลเฉวียนว่าเธอไม่ได้ทำตัวไร้ประโยชน์…

 

 

“ส่วนเรื่องที่นายคิดว่าเธอซ่อนตัวจากนายเพราะแม่นายทำร้ายเธอ ส่วนตัวฉันคิดว่าเป็นเพราะว่านายไม่ได้แสดงความรู้สึกที่แท้จริงกับเธอมากกว่า ไม่อย่างนั้นเธอคงทิ้งทุกอย่างมาอยู่กับนายแล้ว หลินเฉี่ยนไม่ใช่คนที่จะกลัวกับอุปสรรคต่างๆ อย่างนั้นหรอกนะ”

 

 

“ถ้าอย่างนั้น ผมควรจะทำยังไง”

 

 

“ไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับเธอหรือฝืนตัวเอง ทำไมนายไม่ทำตัวเองให้เป็นประโยชน์กับเธอแทนล่ะ ส่วนต้องทำยังไง ฉันมั่นใจว่านายรู้ดีกว่าฉัน สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดน่ะ” สิ้นเสียงเอ่ยแนะนำ ถังหนิงก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ หากยังขืนกล่าวต่อเธออาจได้เปลี่ยนอาชีพเป็นแม่สื่อแน่

 

 

เฉวียนจื่อเยี่ยเงียบไปพร้อมพยักหน้ารับ

 

 

ดูเหมือนเขาจะเข้าใจขึ้นมาแล้ว

 

 

จากนั้นจึงออกไปจากห้องทำงานของโม่ถิงโดยไม่ได้กล่าวร่ำลาใดๆ

 

 

โม่ถิงว่าเหน็บแนมขึ้นมาให้ถังหนิงหัวเราะคิกคัก “ไม่มีสิ่งไหนจะดีไปกว่าการช่วยชีวิตคนนะคะ คุณอย่าโมโหไปเลยค่ะ”

 

 

“ดูเขาก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาว่าชีวิตตัวเองอยู่ในอันตรายเลยนี่”

 

 

“หัวใจเขาเกือบจะตายไปแล้วล่ะค่ะ” ถังหนิงปัดป่ายมือไปบนอกของโม่ถิง

 

 

“จากนี้ไปทุกๆ บทเรียนที่เราสั่งสอนจะมีค่าหนึ่งล้านหยวนครับ”

 

 

“ค่ะ เราควรเริ่มคิดเงินได้แล้วล่ะ จริงๆ แล้วเราควรเอาเงินที่ได้ไปซื้อของขวัญให้สามีฉัน” ถังหนิงโอบแขนลงบนไหล่โม่ถิง “ถิงคะ… คุณไม่รู้หรอกค่ะว่าฉันรู้สึกโชคดีแค่ไหนที่เราไม่ได้ทำร้ายจิตใจกันและกัน ไม่เข้าใจกันผิด แล้วก็โชคดีเหลือเกินที่คุณอยู่เคียงข้างฉันเสมอ”

 

 

โม่ถิงทำเหมือนยังโกรธอยู่ขณะที่ปล่อยให้ถังหนิงกอดเขาต่อไป ทว่าในจังหวะที่เธอไม่ทันเห็น ริมฝีปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

 

 

 

 

หลังจากหลี่ชั่นกลับมาที่บ้าน เธอขังตัวเองอยู่ในห้องและยังคงคุกรุ่นไปด้วยความโกรธอยู่ครู่หนึ่ง นั่นเป็นเพราะหลงเจี่ยพูดจาแทงใจดำในจุดที่เธออ่อนไหวมาตลอด

 

 

หลงเจี่ยหาว่าหลี่ชั่นเป็นหัวขโมยที่แท้จริงที่แย่งตำแหน่งของซิงหลานมา

 

 

สิ่งที่หลี่ชั่นกลัวที่สุดคือการที่คนอื่นจะรู้ความจริง เธอเกลียดมันมากที่สุด…

 

 

“หลี่ชั่น ออกมากินข้าวหน่อยเถอะ…” ผู้จัดการของเธอตะโกนเรียกจากด้านนอกห้อง

 

 

ในครู่ถัดมา หลี่ชั่นเปิดประตูออกมาและมองผู้จัดการของเธอ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ไปติดต่อคณะกรรมการ เสนอตัวประชาสัมพันธ์ให้พวกเขา และหาทางที่จะกำจัดนังนั่นทิ้งซะ”

 

 

หลังจากได้ยินดังนั้น ผู้จัดการของเธอเงียบไปชั่วขณะ ก่อนเธอกเงยหน้าขึ้นในท้ายที่สุดและตอบกลับไป “อย่าทำอะไรวู่วามเลย ไห่รุ่ยกำลังจับตาดูการประกวดนี้อยู่นะ”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ทำให้นังนั่นมาแข่งในการประกวดนี้ไม่ได้ซะ!” หลี่ชั่นสั่งด้วยท่าทีเลือดเย็น “ฉันจะปล่อยให้มันกลับมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นชีวิตของเราต้องอยู่ไม่สุขแน่ การคัดออกรอบสามร้อยคนสุดท้ายกำลังจะเริ่ม เตรียมตัวกำจัดหลี่ซินออกจากการแข่งขันได้เลย”

 

 

อันที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นเลย จะว่าไปแล้วตอนที่ซิงหลานเป็นครู เธอเองก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนักเรียนที่โรงเรียนสอนดนตรีอยู่แล้ว หากพวกเขาเล่นแง่เล็กๆ น้อยๆ และใช้ประโยชน์จากนักเรียน การกำจัดซิงหลานก็ดูจะไม่ใช่เรื่องยากนัก

 

 

“ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”

 

 

“พรางตัวดีๆ ล่ะ อย่างให้ใครจับได้”

 

 

ผู้จัดการของเธอตอบรับและบอกให้เธอรีบไปทานข้าว

 

 

“ถ้าแผนของเธอไม่ได้ผล ฉันจะขอให้พ่อแม่ช่วย ฉันไม่เชื่อหรอกว่านังนั่นจะรอดไปได้ทุกครั้ง”

 

 

 

 

ดูท่าทางแล้วไม่ว่าซิงหลานจะหันไปทางไหนก็คงหนีไม่พ้นเรื่องวุ่นวาย

 

 

โดยเฉพาะเมื่อการประกวดใกล้เข้ามา การแสดงของซิงหลานก็เริ่มเผยให้เห็นอาการตื่นตระหนก เธอมั่นใจว่าหลี่ชั่นจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แน่

 

 

โชคดีที่เธอรู้ว่าจะขอให้ช่วยอย่างไรจึงบอกกับหลินเฉี่ยน “ฉันกังวลว่าหลี่ชั่นจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ฉันเข้าประกวดได้ค่ะ เธออาจจะติดสินบนกรรมการเพื่อไม่ให้ฉันผ่านเข้ารอบถัดไป เธอทำแบบนั้นได้ไม่ใช่เหรอคะ”

 

 

หลินเฉี่ยนเข้าใจความกังวลของซิงหลาน เธอเองก็สันนิษฐานและคาดเดาเอาไว้มาก อย่างไรก็ตามเรื่องแบบนี้ก็ยากที่จะเตรียมรับมือได้ ด้วยความหมดสิ้นหนทาง หลินเฉี่ยนลงเอยด้วยการต่อสายหาถังหนิงในที่สุด “พี่หนิงคะ…”

 

 

“เธอจะถามฉันว่าต้องทำยังไงถึงจะทำให้ซิงหลานมั่นใจว่าจะได้เข้าประกวดใช่ไหม”

 

 

“สภาพจิตใจซิงหลานตอนนี้ไม่ค่อยดีเลยค่ะ”

 

 

“ส่งโทรศัพท์ให้ซิงหลานสิ” ถังหนิงสั่ง

 

 

หลินเฉี่ยนอึ้งไปแต่ก็ทำตามที่ปลายสายบอก ซิงหลานรู้สึกสงสัย โดยเฉพาะยิ่งเธอไม่รู้ว่าใครถือสายอยู่อีกฝั่งของคู่สาย

 

 

หากแต่เพียงแค่ถังหนิงพูดไม่กี่ประโยค พลันความกลัวของซิงหลานก็บรรเทาลง

 

 

“หลี่ชั่นติดต่อนักเรียนของเธอและบอกให้พวกเขามาตามรังควานเธอ เมื่อเวลานั้นมาถึงก็แสร้งว่าเธอรีบกลับไปที่โรงเรียนสอนดนตรี ระหว่างทางจะมีคนมาพาเธอหลบไปและช่วยพาเธอกลับไปที่งานประกวดเอง”

 

 

คนของถังหนิงกำลังจับตาดูผู้จัดการของหลี่ชั่นอยู่…

 

 

ดังนั้นเธอจะไม่รู้เรื่องเล็กๆ แค่นี้ได้อย่างไรกัน

 

 

“เข้าใจแล้วค่ะ ว่าแต่…คุณเป็นใครเหรอคะ”