ตอนที่ 241 ไล่คน

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

ซั่งกวนฮ่าวยังคงจัดงานเลี้ยงในบ้านขึ้นโดยไม่สนใจว่าพิงถิงจะเขินอายหรือไม่ ให้นางได้มีโอกาสพบกับสวีปิ่งฮุยครั้งหนึ่งอย่างเป็นทางการ และหลังจากที่สวีปิ่งฮุยได้พบเจอกับจิงอิ๋งและพิงถิง ก็ดีใจที่ตัวเองเลือกไม่ผิด…พิงถิงเป็นคนสุภาพเรียบร้อย รู้จักสังเกตสีหน้าคน ทั้งยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮูหยินซั่งกวนราวกับเป็นแม่ลูกอย่างแท้จริง แค่มองก็รู้แล้วว่านางเป็นที่โปรดปรานของผู้หลักผู้ใหญ่ กับคุณหนูรองตระกูลซั่งกวนก็มักจะใช้แววตาหยอกล้อให้แก่กัน ก็แสดงให้เห็นว่านางและพวกพี่น้องมีความสัมพันธ์ที่ดีไม่น้อย คุณหนูเช่นนี้จึงนับว่าเป็นคู่ครองที่ดีที่สุดของเขา ส่วนคุณหนูรองนั้น ไม่ใช่ว่าไม่ดีเพียงแต่ไม่เหมาะสมกับตัวเองเท่านั้น ดังนั้นสวีปิ่งฮุยจึงยังคงรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเล็กน้อยที่เขาอาศัยข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถวิเคราะห์นิสัยของคุณหนูทั้งสองออกมาได้อย่างแม่นยำ

แต่ว่า ความคิดของซย่าจื่อชิงกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง แววตาที่เขาใช้มองสวีปิ่งฮุยนั้นมีความเห็นอกเห็นใจเพิ่มเข้ามาโดยที่ตัวสวีปิ่งฮุยแทบมองไม่ออกแม้แต่น้อย…แต่งกับน้องภรรยาที่ปากคอเราะร้ายอย่างนางนับว่าน่าสงสารจริงๆ ชั่วชีวิตนี้คงจะถูกคุณหนูที่เก่งกาจผู้นั้นกัดกินจนไม่เหลือชิ้นดี ในยามที่จิงอิ๋งได้ยินความเห็นเช่นนี้ของเขาเป็นครั้งแรกก็แทบจะหัวเราะจนล้มพับไป

ด้านพิงถิงหลังจากพบกับสวีปิ่งฮุยก็ยิ่งมั่นใจในสายตาของตัวเอง คนผู้นี้ไม่เหมือนกับซย่าจื่อชิงที่บางครั้งบางคราวก็แสดงท่าทีเหลอหลาออกมา นับเป็นคนที่ไม่เลวคนหนึ่ง

ซั่งกวนฮ่าวมองจิงอิ๋งและซย่าจื่อชิง บนร่างของทั้งสองคนล้วนมีกลิ่นอายของความร่าเริงสดใส นับเป็นคู่ที่เหมาะสม มองที่พิงถิงและสวีปิ่งฮุยอีกครั้ง คนหนึ่งสุขุมใจกว้าง อีกคนน่ารักน่าเอ็นดู เข้าอกเข้าใจผู้อื่น ก็เป็นคู่ที่ดีเช่นกัน เรื่องที่เขากังวลใจมากที่สุด สุดท้ายก็หมดห่วงแล้ว ในใจนั้นรู้สึกดีจนไม่รู้จะพูดอย่างไร

วันที่สองหลังจากงานเลี้ยงเลิก ซย่าจื่อชิงและสวีปิ่งฮุยก็ออกจากตระกูลซั่งกวนไปติดๆ กลับไปเพื่อตระเตรียมเรื่องต่างๆ ด้านตระกูลซั่งกวนก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไรแล้ว สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็ล้วนเป็นปัญหาที่ไม่นับว่าเป็นปัญหาเท่านั้น

ซั่งกวนเจวี๋ยทยอยรับช่วงต่อภาระมากมายในมือของซั่งกวนฮ่าว ให้ซั่งกวนฮ่าวได้สามารถปลีกกายไปจัดการเรื่องงานแต่งของลูกสาวทั้งสอง ด้านเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็รับช่วงต่อจัดการเรื่องที่เดิมทีก็ควรจะอยู่ในความรับผิดชอบของนางเช่นกัน เพียงแต่ครั้งนี้ นางกลับพกจิงอิ๋งและพิงถิงไว้ข้างกายตลอดเวลา ถือโอกาสสั่งสอนพวกนางดีๆ ว่าจะควบคุมดูแลเรื่องในบ้านอย่างไร จำเป็นต้องทำให้พวกนางทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หลังจากแต่งเข้าตระกูลสามีแล้ว แม้ว่าจะไม่สามารถดูแลเรื่องในบ้านได้ทันที ก็ไม่อาจจะทำให้คนอื่นรู้สึกลำบากใจได้

ด้านทั่วป๋าซู่เยวี่ยที่เดิมทีคิดว่าจะกระโดดออกมาโวยวายเรื่องงานแต่งของพิงถิงอีกครั้งกลับไม่ได้ปรากฏตัวออกมาแต่อย่างใด พวกอวี่ไข่ก็ไร้ข่าวคราว ยังคงเงียบเชียบกว่าเมื่อก่อนมาก แต่สิ่งที่ทำให้ซั่งกวนฮ่าวอดหัวเราะไม่ได้ก็คือ พวกคนใช้ที่เขามอบให้ซั่งกวนฮ่าวพร้อมเรือนใหม่ล้วนถูกขับไล่ออกไปจากเรือนด้วยเหตุผลแปลกประหลาดอยู่บ้าง คนพวกนั้นต่างก็เป็นบ่าวไพร่ที่เกิดในตระกูลซั่งกวน ในเมื่ออวี่ไข่ไม่ต้องการ ก็ย่อมต้องกลับมารอรับคำสั่งที่ตระกูลซั่งกวน เหตุผลที่พวกเขาถูกขับไล่ก็พิลึกเหลือล้น บ้างก็ขี้เกียจสันหลังยาว บ้างก็ปากมากขี้นินทา ซั่งกวนฮ่าวเพียงแค่นยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้เก็บเอาเรื่องนี้มาใส่ใจ ทั้งไม่เชื่อว่าคนพวกนั้นได้ทำผิดอะไรนั่นจริงๆ เพียงแต่อวี่ไข่คงรู้ว่าในหมู่คนพวกนี้มีคนที่คอยเป็นหูเป็นตาให้ตัวเองมากกว่า อยากจะสลัดตัวให้พ้นจากการควบคุมของตัวเอง ดังนั้นจึงได้ขจัดคนออกไปเท่านั้น เขามอบเรื่องนี้ให้ซั่งกวนจิ่นไปทำโดยตรง ส่วนตัวเองก็รอคอยตระกูลซย่าและตระกูลสวีมาสู่ขออย่างสบายๆ

การกวาดล้างผู้รับใช้ในตระกูลเป็นทั่วป๋าฉินซินที่เอ่ยเรื่องนี้ออกมาเป็นคนแรก นางพูดกับอวี่ไข่ว่า ผู้รับใช้ที่ดูไม่รื่นหูรื่นตา บางครั้งกลับสามารถใช้งานในเรื่องที่สำคัญได้ ผู้ที่ปากไม่สงบเสงี่ยม ก็ย่อมสามารถทำให้เรื่องใหญ่ของเจ้านายเสียการเสียงาน ส่วนผู้ที่ฉลาดมีไหวพริบ เข้าใจคิดเพื่อเจ้านายก็สามารถนำประโยชน์มาให้เจ้านายได้มากมายเช่นกัน

เพียงแต่คำพูดของนางไม่ได้ดึงดูดความสนใจของอวี่ไข่ รวมถึงทั่วป๋าซู่เยวี่ยที่อยู่ในตระกูลซั่งกวนเกือบชั่วชีวิตแต่กลับไม่เคยรับผิดชอบเรื่องในบ้านอย่างจริงจังสักครั้งก็ไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้สำคัญเช่นกัน จึงมักเอาแต่ทำหูทวนลมกับคำพูดของนางอยู่ตลอดเวลา ฟังแล้วก็ลืม หลังจากทั่วป๋าฉินซินพูดหลายต่อหลายครั้งแล้วพบว่าพวกเขาต่างก็ไม่ใส่ใจ ทั้งไม่ให้การสนับสนุนนาง จึงไม่สนใจอีก จวบจนกระทั่งอนุภรรยาหนิงกลับจวนมาด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด เล่าเรื่องที่พวกตัวเองลอบปรึกษากับตระกูลหู แต่กลับถูกหวงฝู่เยวี่ยเอ้อล่วงรู้จนหมดเปลือก พวกเขาจึงค่อยถูกดึงความสนใจกลับมา ตัดสินใจผลัดเปลี่ยนผู้รับใช้ในเรือนใหม่ทีละคน

ยามนี้ทั่วป๋าฉินซินจึงกระโดดออกมาอีกครั้ง นางกล่าวว่าลี่โจวนั้นเป็นพื้นที่ของตระกูลซั่งกวน หากค่อยๆ เปลี่ยนทีละคน ผู้รับใช้ที่รับเข้ามาใหม่ก็ย่อมยังเป็นคนที่พวกซั่งกวนฮ่าวจัดการมาให้ ยังมิสู้เปลี่ยนใหม่ให้หมดเลยในครั้งเดียว ซื้อกลุ่มคนจากที่ใกล้ๆ หรือไกลๆ หน่อยเข้ามาแทน…ครั้งนี้ ความคิดของทั่วป๋าฉินซินจึงถูกรับไว้ ทั้งเรื่องนี้ก็อยู่ในความรับผิดชอบของนางทั้งหมด

ดังนั้นทั่วป๋าฉินซินจึงซื้อตัวคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาทันที หลังจากที่ทั้งในและนอกเรือนไม่ขาดแคลนคนแล้ว ก็เริ่มทยอยส่งตัวผู้รับใช้ที่ซั่งกวนฮ่าวเตรียมไว้ให้อวี่ไข่กลับไป ด้านทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็สนับสนุนต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แม่นมข้างกายที่นางเชื่อใจทั้งสอง แม่นมหนิงและแม่นมอี้ก็เห็นด้วยกับทั่วป๋าฉินซินเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ทำให้อวี่ไข่ไม่เข้าใจก็คือ หลังจากที่ทั่วป๋าฉินซินสับเปลี่ยนคนที่ซั่งกวนฮ่าวจัดหามาให้แล้ว ก็ปรึกษากับตนเองว่าจะเก็บกวาดสาวใช้และแม่นมข้างกายของทั่วป๋าซู่เยวี่ยอีกครั้ง

สำหรับเรื่องนี้ อวี่ไข่สับสนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเขาก็เผยความงุนงงของตัวเองออกไปอย่างชัดเจน ทั่วป๋าฉินซินนั้นชำเลืองมองเขา กล่าวด้วยท่าทีที่หลากหลาย “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าวางแผนอะไรอยู่ ฮูหยินใหญ่ไม่ใช่บุคคลธรรมดา หากจะเอาของมาจากมือนาง อันดับแรกก็ต้องเปลี่ยนคนข้างกายของนางให้เป็นคนของพวกเราก่อน มิฉะนั้น ของล้ำค่าที่เจ้าอยากครอบครองเหล่านั้น ก็คงต้องรอให้ฮูหยินใหญ่ตายไปก่อนแล้ว!”

“เช่นนั้นความหมายของเจ้าคือ?” ช่วงนี้ความอดทนและความมั่นใจของอวี่ไข่มีไม่มากนัก ตัวทั่วป๋าซู่เยวี่ยเข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ทรัพย์สินล้ำค่าส่วนมากเหล่านั้นนางก็เอามาด้วย ทว่ากลับเอาแต่เก็บไว้อย่างมิดชิด ไม่ยอมให้ตัวเองได้แตะต้องแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะได้สิ่งของอะไรหล่นออกมาจากมือของนางอีก ยามนี้นางไม่ได้ใจกว้างอย่างเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง

“แม่นมอี้นั้นภักดีต่อข้า แม่นมหนิงก็อยู่ข้างเจ้า ขอเพียงแค่ฉวยโอกาสนี้กำจัดคนข้างกายของฮูหยินใหญ่ที่ขวางหูขวางตาออกไปด้วย ก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว!” ทั่วป๋าฉินซินแย้มยิ้มเล็กน้อย “สิ่งของหลายอย่าง นางยังทำใจลำบาก ไม่อยากให้พวกเรามองด้วยซ้ำไป เอาแต่เก็บไว้ในตู้อย่างแน่นหนา หากคนข้างกายของนางล้วนเป็นคนของพวกเรา ไม่ว่าจะเคลื่อนย้ายสิ่งของเหล่านั้นออกมายามใด ก็เป็นแค่เรื่องที่เจ้าเอ่ยปากออกมาแค่คำเดียวเท่านั้นมิใช่หรือ?”

“ความหมายของเจ้าคือ…” อวี่ไข่ตาเป็นประกาย นี่เป็นความคิดที่ดี ยามนี้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยอยู่ข้างตนเอง แต่ภายหลังเล่า? ใครจะรู้ว่าจู่ๆ นางจะเปลี่ยนแปลงท่าทีหรือไม่ นิสัยของนางเอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่แล้ว!

“ก็เป็นแบบที่เจ้าเดานั่นแหละ!” ทั่วป๋าฉินซินนั้นรู้ว่าอวี่ไข่มีความคิดต่อทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างไร ไม่ใช่ความกตัญญูอย่างที่ปากเขาเอาแต่พร่ำบอก ด้านอนุภรรยาหนิง ชั่วชีวิตนี้ล้วนตกอยู่เบื้องล่างของทั่วป๋าซู่เยวี่ย ย่อมเบื่อหน่ายนานแล้ว หากไม่ใช่เพราะปรารถนาของในมือของทั่วป๋าซู่เยวี่ย ก็ย่อมไม่ปฏิบัติท่าทีเช่นนี้ต่อทั่วป๋าซู่เยวี่ยมาจนถึงตอนนี้

“แต่หากว่า…” อวี่ไข่ยังคงกังวลอยู่บ้าง หากทั่วป๋าซู่เยวี่ยพบว่าของของตัวเองอยู่ดีๆ ก็หายไป จากนั้นก็ทำเป็นเรื่องใหญ่โต ตัวเองก็คงจะต้องรับเพลิงโทสะจากซั่งกวนฮ่าวแล้ว

“หากอะไรเล่า?” ทั่วป๋าฉินซินไม่กังวลคำว่าหากนั่นแม้แต่น้อย ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ยิ่งดี กลับกันหลังจากของมาอยู่ในมือนางแล้วก็ย่อมไม่อาจนำออกไปได้อีก ไม่ว่าใครจะออกหน้าก็ล้วนเหมือนกัน เพียงแต่ตอนนี้ยังจำต้องทำให้อวี่ไข่มีความมั่นใจ นางคลี่ยิ้มบาง “ฮูหยินใหญ่เป็นคนที่รักหน้าตาตัวเองเป็นที่สุด หากถูกนางพบเข้าก่อน นางย่อมจะเอะอะโวยวาย แต่คงไม่ทำเป็นเรื่องใหญ่จนรู้ไปถึงหูทางด้านท่านพ่อได้หรอก นางเสียหน้าเช่นนั้นไม่ได้ ขอเพียงแต่พวกเรายืนกรานไม่ยอมรับ นางก็คงทำได้เพียงจำใจยอม ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้นั้นนางอาจจะโมโหอยู่บ้าง ต่อไปจะไม่ให้เจ้าเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า แต่สิ่งของเหล่านั้นกลับยังคงหลงเหลือไว้ให้พวกเราทั้งหมด”

“เจ้าคงจะไม่ใช้วิธีเช่นนี้มาจัดการกับข้าหรอกนะ?” อวี่ไข่ยังคงระแวงฉินซินอยู่ไม่น้อย แต่ว่าหลังจากใกล้ชิดสนิทสนมกันได้ราวๆ สี่เดือน เขาก็รู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้ไปแล้ว

“ข้าตั้งท้องแล้ว แม้ข้าจะใจร้ายแต่ก็ไม่อาจจัดการกับสามีของตัวเองหรือพ่อของลูกได้หรอก” ทั่วป๋าฉินซินพบว่าตัวเองตั้งครรภ์เมื่อครึ่งเดือนก่อน และสิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่พอใจคือ แม้ว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยจะดีใจมาก แต่กลับไม่มอบของขวัญล้ำค่าอันใดให้เลย

“เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าพูดเถิด” เมื่ออวี่ไข่คิดก็รู้สึกว่าเป็นเช่นนั้น หญิงสาวต่อให้จะเลวร้ายอย่างไรก็ย่อมมีความเมตตากับเลือดเนื้อของตัวเอง ทั่วป๋าฉินซินสามารถตั้งครรภ์กับเขาได้ ก็ย่อมคิดจะใช้ชีวิตกับตัวเองไปตลอดจริงๆ ทำไมตัวเองยังจะต้องระแวงนางถึงเพียงนี้ด้วย อีกทั้งยามที่นางพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ความดีใจและความรู้สึกปิติยินดีเช่นนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเสแสร้งออกมาได้ ทั้งยังมีน้ำใจแต่งหน้าเกล้าผมสาวใช้ใหญ่ทั้งสองคนข้างกายของนาง ส่งมาอุ่นเตียงให้ตัวเอง ฉินซินนั้นเปลี่ยนเป็นนิสัยดีแล้วจริงๆ

“เช่นนั้นสาวใช้พวกนั้นจะใช้เหตุผลอะไรมาเปลี่ยนเล่า?” หลังจากที่อวี่ไข่และฉินซินเห็นพ้องต้องกัน เขาก็ใส่ใจในเรื่องนี้มากกว่านางเสียอีก

“ที่จริงก็เป็นเรื่องง่าย” ฉินซินเผยยิ้มบาง “ข้างกายของฮูหยินใหญ่ ผู้ที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็มีเพียงสาวใช้ใหญ่สามคน ในนั้นมีเจียนี ผู้ที่อยากจะเหลือเป็นอนุให้เจ้า ข้าว่าเด็กคนนั้นชื่นชมเจ้าไม่น้อย หากเจ้าสามารถหว่านล้อมนาง ให้ใส่ความอีกสองคนที่เหลือได้ ทั้งหมดทั้งมวลก็ย่อมไม่มีปัญหา หากไม่ได้ ก็คงต้องค่อยๆ วางแผนแล้ว”

“ใส่ความอีกสองคนที่เหลือ?” อวี่ไข่สมองแล่นวาบ กล่าวทั้งยิ้มๆ “ข้าคิดว่าแบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป บางทีเจ้าต้องใจกว้างสักเล็กน้อย อย่างไรรับคนหนึ่งก็ถือว่ารับ แล้วรับสามคนจะแตกต่างอันใด ขอเพียงแค่พวกนางกลายเป็นคนของข้าทั้งหมด ยังต้องกลัวพวกนางจะไม่ช่วยเหลือพวกเราอีกอย่างนั้นหรือ? หากไล่คนออกไปหรือสับเปลี่ยน ท่านย่าย่อมจะเกิดความเคลือบแคลงใจ เจ้าก็รู้ดี นางนั้นเป็นโรคขี้ระแวง หากเตรียมการป้องกันขึ้นมา พวกเราคงคว้าน้ำเหลว” เขามองออก สาวใช้สามคนนั้นล้วนอยากจะมีหน้ามีตา ขอเพียงแค่ตัวเองลอบบอกเป็นนัยพวกนางเล็กน้อย เปลี่ยนพวกนางให้กลายเป็นหญิงสาวของตนเอง ความภักดีของพวกนางก็ย่อมเปลี่ยนเช่นกัน

“รับทั้งสามคน?” ทั่วป๋าฉินซินไม่สนใจเรื่องที่อวี่ไข่จะรับอนุหรือเมียบ่าวมากมายกี่คนแม้แต่น้อย อย่างไรก็ไม่อาจมีคนก้าวข้ามผ่านตัวเองไปได้อยู่แล้ว กระนั้นนางก็ยังคงเผยสีหน้าทะมึนไม่ยินดีออกมา กล่าวอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้! ยอมให้เจ้ารับเจียนีผู้นั้นเข้ามาคนเดียวเท่านั้น คนอื่นๆ ไม่ได้อีกแล้ว ข้าไม่อยากให้สามีของตัวเองมีอนุมากมายขนาดนั้น!”

“ใครบอกว่าจะรับเป็นอนุ? เพียงแค่รับเมียบ่าวเท่านั้น” สิ่งสุดท้ายที่กังวลในใจของอวี่ไข่ถูกใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหึงหวงของฉินซินทำให้มลายหายไปหมดแล้ว กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ารับปากเจ้า ย่อมจะระมัดระวัง ก่อนที่เรื่องยังไม่สำเร็จไม่อาจทำให้พวกนางตั้งครรภ์ได้แน่ หลังจากเรื่องเสร็จสิ้นแล้ว ความเป็นความตายของพวกนางล้วนให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจ ข้าย่อมไม่แสดงความคิดเห็นอันใด ถึงเวลานั้นจะตีให้ตายหรือไล่ออกไปก็ขอเพียงแค่เจ้าพูดออกมาคำเดียวเท่านั้น”

“ขอเพียงแค่พวกนางเชื่อฟัง ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อข้า ข้าก็ย่อมใจกว้างปล่อยพวกนางไปได้ แต่ชั่วชีวิตนี้ของพวกนางก็ทำได้เพียงเป็นเมียบ่าวเท่านั้น!” ทั่วป๋าฉินซินก็ไม่คิดเล็กคิดน้อย และอวี่ไข่ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ นี่จึงจะนับเป็นนิสัยของทั่วป๋าฉินซิน…