ตอนที่ 44 หมอโจวเจ๋อ!

“ไม่ได้ คุณต้องนอกใจต่อไป!”

“…” หมอหลิน

ริมฝีปากแดงระเรื่อของหมอหลินยิ้มเล็กน้อย เธอทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง ไม่ค่อยเข้าใจพอสมควร

นี่หมายถึง ‘สามี’ ของเธอให้อภัยเธอแล้วใช่ไหม

หรือว่า ‘สามี’ ของตัวเอง เดิมทีก็คิดที่จะนอกใจสวมเขาเธออยู่แล้ว

ภายใต้ความละอายใจและแรงกดดัน หมอหลินเลือกที่จะประนีประนอม อันที่จริงข้อเสนอสองข้อที่เธอพูด ขอเพียงฝ่ายที่เป็นคนเลือกไม่โง่หรือไม่ไร้เดียงสาปานนั้น ก็จะเลือกข้อสองแน่นอน

ข้อแรกเป็นเงินหนึ่งล้านหยวนบวกกับร้านหนังสือที่ขาดทุน

ข้อสองคือได้ทั้งตัวเธอและก็เงินของเธอไปพร้อมกัน มีคนอย่างเธอ คิดว่าจะขาดเงินล้านเหรอ

หนำซ้ำเธอก็ไม่ใช่เศรษฐีที่หน้าตาน่าเกลียด

ทว่าสำหรับโจวเจ๋อแล้ว สถานการณ์ที่เขาต้องเผชิญหน้ากลับลำบากยิ่งกว่า

‘ฉันอุตส่าห์ยุ่งมานานครึ่งค่อนวัน ผลสรุปคือคุณบอกว่าคุณจะลืมผม แล้วก็เตรียมยอมรับโชคชะตาอยากจะใช้ชีวิตที่สงบสุขกับไอ้เลวสวีเล่อเนี่ยนะ’

โจวเจ๋อไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด

เดิมทีเป็นเขาที่สวมเขาให้คนอื่น ก็รู้สึกมีความสุขแล้ว

ความรู้สึกสำเร็จพวยพุ่งขึ้นมา เยี่ยมจริงๆ

ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าตัวเองถูกสวมเขาแทน จึงไม่สวยงามขนาดนั้นแล้ว

โจวเจ๋อยื่นมือออกมา ชี้ไปที่ใบหน้าของตัวเอง แล้วพูดอย่างจริงจังว่า

“ผมไม่ใช่สวีเล่อ ผมคือโจวเจ๋อ”

หมอหลินตกตะลึงนิ่งอึ้ง

แล้วทั้งสองคนก็เงียบอยู่นาน

สุดท้าย หมอหลินจึงถอนหายใจก่อนเอ่ยว่า

“ไม่ว่าคุณจะเลือกข้อไหน ฉันยอมที่จะขอโทษคุณ แต่คุณไม่ควรแกล้งฉันแบบนี้ หรือว่าในใจของคุณยังโกรธแค้นฉันอยู่เหรอคะ”

โจวเจ๋อยักไหล่ “ผมเป็นโจวเจ๋อจริงๆ ผมโดนรถชนตาย แต่หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาอย่างงงๆ ก็ดันเข้ามาอยู่ในร่างของไอ้หมอนี่ ผมไม่รู้ว่าปกติแล้วคุณอ่านนิยายหรือดูละครบ้างหรือเปล่า แต่ไม่ว่ายังไงฉากพวกนี้น่าจะได้เห็นอยู่ไม่น้อยถึงจะถูก”

“คุณพูดยังไง…ก็เป็นแบบนั้น” หมอหลินเออออตามไปด้วย

แต่โจวเจ๋อรู้ดี ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคงจะติดต่อจิตแพทย์ให้ตัวเองแน่ ถ้าหากเป็นหนักอีกหน่อย ก็อาจส่งตัวเองเข้าไปในโรงพยาบาลจิตเวชก็เป็นได้

ทว่าจากที่ไม่ไกลมาก มีเสียงรถฉุกเฉิน 120 ดังมา ทางตึกใหญ่ของโรงพยาบาลก็เริ่มเดือดพล่านกันแล้ว

“ฉันจะไปดู” หมอหลินลุกขึ้นยืน เตรียมจะหยุดการสนทนากับ ‘สามี’ กับตัวเองไว้ชั่วคราว ในมุมมองของเธอจิตใจของ ‘สามี’ ของตัวเองถูกกระตุ้นอยู่ไม่น้อย

แต่ยิ่งเป็นเพราะแบบนี้ เธอจึงยิ่งละอายใจต่อสวีเล่อมากขึ้น

ศพผีสาวที่แอบฟังการสนทนาอยู่ตลอดเวลา หลังจากเห็นหลินหวั่นชิวเดินออกไปแล้ว นางจึงเดินมาอยู่ข้างหลังโจวเจ๋อแล้วเอ่ยว่า

“เถ้าแก่ ทำไมไม่ปล่อยให้นางดูเล็บของท่านละเจ้าคะ”

“หรือไม่ก็ให้เธอดูว่าคุณตัวเย็นหรือไม่เย็น” โจวเจ๋อย้อนถาม

ศพผีสาวเบ้ปากแล้วเอ่ยว่า “ดูเหมือนจะได้นะเจ้าคะ นางยื่นมือเข้ามาแตะนิดหน่อย ก็น่าจะเข้าใจแล้ว”

“ผมคิดดีกว่านั้นนิดหน่อย” โจวเจ๋อกล่าวว่า “จะพยายามทำให้ราบรื่นที่สุด”

“ดัดจริต” ศพผีสาวตอนนี้พูดแขวะเจ้านายตัวเองอย่างใจกล้า

“ใช่ คือดัดจริตนั่นแหละ ตอนแรกคุณก็เป็นคุณหนู แถมยังแอบนัดเจอกับบัณฑิตจนๆ ไม่ใช่เหรอ แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าดัดจริตเหมือนกันเหรอ” โจวเจ๋อบิดขี้เกียจ “ไป เข้าไปกับผม”

“ไปโรงพยาบาลหรือ”

“เพ้อเจ้อ ตรงนั้นมีการเคลื่อนไหวมาก จะต้องมีอุบัติเหตุใหญ่แน่นอน คนบาดเจ็บต้องมีไม่น้อย หมอประจำห้องฉุกเฉินคงมีคนช่วยไม่พอ หมอฝึกหัดพวกนั้นก็ประสบการณ์น้อยใจกล้าไม่พอ น่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้ไม่ไหว”

โจวเจ๋อพูดพร้อมกับพาศพผีสาวเดินเข้าไปในโรงพยาบาล จากนั้นก็เดินเลี้ยวเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของหมอและพยาบาล

“แต่ว่าเถ้าแก่ นี่มันเกี่ยวอะไรกับท่านหรือเจ้าคะ”

โจวเจ๋อเลือกเสื้อกาวน์ของหมอขนาดพอดีกับตัวเอง จากนั้นก็ใส่ผ้าปิดปาก

“ชาติที่แล้วผมเป็นหมอ หมอหลินตอนนั้นเป็นหมอฝึกหัดที่ผมต้องดูแล”

“ฮิๆ ความรักของอาจารย์กับลูกศิษย์” ศพผีสาวก็เปลี่ยนไปใส่เสื้อกาวน์ของหมอเช่นกัน และยังพูดด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น“เถ้าแก่ แล้วข้าต้องทำอะไรเจ้าคะ”

“เลือกเพลงประกอบให้ผม” โจวเจ๋อดึงถุงมือขึ้นขณะพูด

“เพลงประกอบหรือ” ศพผีสาวตกตะลึง

“เพราะว่าผมจะเริ่มทำเท่แล้ว”

โจวเจ๋อสูดลมหายใจลึกๆ แล้วจึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง

ความรู้สึกที่คุ้นเคย ฉันกลับมาแล้ว

“หมอยุคนี้กับหมอในยุคนั้นของข้าต่างกันมาก” ศพผีสาวใส่ชุดพยาบาลอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“อืม” โจวเจ๋อไม่ปฏิเสธ

“ทำเอาข้างงไปหมด” ศพผีสาวพูดอย่างทอดถอนใจ “รู้สึกว่าตัวเองกับโลกใบนี้เหมือนแยกออกจากกัน สงสัยจากนี้ไป ข้าคงต้องออกมาเดินเล่นเยอะๆ” ศพผีสาวพูดลองหยั่งเชิง

“อย่าโม้ไปหน่อยเลย คุณแม้แต่ท่าเรือหว่านไจ๋ก็ยังไม่รู้จัก และยังจะกล้าพูดว่าตัวเองเหมือนหลุดออกจากโลกไปแล้วเหรอ” โจวเจ๋อรีบตอกกลับทันที

ศพผีสาวแลบลิ้นออกมา บอกว่า “เถ้าแก่เจ้าคะ เมื่อก่อนท่านเป็นหมออะไรหรือ ข้าได้ยินว่าเป็นหมอทำคลอดดีมากเจ้าค่ะ”

“คุณนอนอยู่ในโลงศพก็อ่านนิยายด้วยเหรอ” โจวเจ๋อย้อนถาม

“อะไรนะเจ้าคะ” ศพผีสาวไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร

“หมอตารายได้ดีอันดับหนึ่ง หมอผ่าตัดทำรายได้อันดับสอง งานหนักงานเหนื่อยคือหมอทำคลอด”

โจวเจ๋อหัวเราะ “มีแต่คนข้างนอกเท่านั้นที่ไม่รู้ หรือไม่ก็มีคนที่ได้รับอิทธิพลจากผลงานวรรณคดีอื่น ถึงรู้สึกว่าหมอทำคลอดดูดีมาก สนุกและสบายมาก”

เวลานี้ ประตูลิฟต์เปิด รถเข็นพยาบาลคันหนึ่งถูกบุรุษพยาบาลสองสามคนเข็นเข้ามา

โจวเจ๋อรีบเดินเข้าไปหาทันที ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”

หมอฝึกหัดเหมือนตอบ ‘อาจารย์’ ของตัวเองโดยอัตโนมัติ “คนไข้หมดสติครับ”

โจวเจ๋อสายตาหยุดนิ่ง แล้วจึงพลิกตัวกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถเข็นพยาบาลทันที จากนั้นทำการปั๊มหัวใจให้คนไข้แล้วตะโกนว่า “เร็ว เข็นไปที่ห้องฉุกเฉิน!”

เวลานี้ บุรุษพยาบาลสองสามคนกับพยาบาลเข้ามาช่วยเข็นรถพยาบาลเข้าไปข้างในด้วยกัน คนไข้และครอบครัวที่อยู่ในทางเดินจำนวนไม่น้อยได้แต่รีบหลบทางให้

“คนข้างหน้าหลบทางหน่อยครับ!” โจวเจ๋อตะโกน

หมอหลินที่เพิ่งทำแผลให้คนไข้คนหนึ่งเสร็จเมื่อครู่ เช็ดเหงื่อที่หน้าผากแล้วเดินออกมา มองดูเงาร่างที่กำลังคุกเข่าปั๊มหัวใจอยู่บนรถพยาบาล เธอจึงตกตะลึงไปทั้งตัว

จากนั้นก็วิ่งไปทางนั้นทันที

เขากำลังทำอะไรกันแน่ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลนะ!

เมื่อมาถึงห้องฉุกเฉิน โจวเจ๋อจึงออกคำสั่งโดยตรง “เข็นรถพยาบาล แล้วเตรียมใส่ท่อหายใจ!”

“ครับ” หมอฝึกหัดขานรับหนึ่งที พยาบาลสองสามคนที่อยู่รอบๆ เห็นหมอฝึกหัดตอบรับทุกคน จากนั้นจึงทำตามคำสั่งโดยปริยาย

พวกเขาต่างคิดว่าคนรอบๆ ก็รู้จักหมอคนใหม่คนนี้ อันที่จริงก็คือเป็นความผิดที่ใหญ่หลวง แน่นอนว่า นี่เป็นเพราะเหตุการณ์ที่คับขัน บวกกับน้ำเสียงและคำสั่งการที่สมจริงให้ความรู้สึกว่าไม่ใช่ ‘หมอตัวปลอม’

โจวเจ๋อยืนอยู่บนหัวเตียง แล้วใส่ท่อหายใจด้วยตัวเอง

ขณะเดียวกันก็แบมือไปทางซ้าย “ดึงขดลวด”

“ค่ะ” พยาบาลสาวรีบยื่นของใส่ในมือของโจวเจ๋อทันที

โจวเจ๋อพูดกับหมอฝึกหัดที่อยู่ข้างๆ อีก “ฟังตำแหน่ง”

“ครับ” ก่อนหน้านั้นยังมีหมอฝึกหัดที่ตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่ตื่นเต้นแล้ว มีหมอวัยรุ่นมากมายที่เป็นแบบนี้ มีฝีมือยอดเยี่ยม แต่ไม่เหมาะสมที่จะรับมือคนเดียวจริงๆ เหมาะสมที่จะเป็นลูกมือช่วยภายใต้คำสั่งของคนอื่นมากกว่า

เขาใส่หูฟังของหมอ เริ่มฟังตำแหน่ง จากนั้นก็พยักหน้าให้โจวเจ๋อแล้วเอ่ยว่า “ตำแหน่งไม่มีปัญหาครับ”

โจวเจ๋อพยักหน้า “เปลี่ยนคน แล้วกดต่อ”

“ครับ”

พยาบาลอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ รีบเข้ามาแทนที่คนก่อนหน้าแล้วปั๊มหัวใจต่อ

เวลานี้มีพยาบาลอีกคนหนึ่งมองจอแสดงผลที่อยู่ถัดไป แล้วพูดอย่างตกใจว่า “คนไข้หัวใจเต้นผิดจังหวะค่ะ”

โจวเจ๋อเงยหน้า “เตรียมเครื่องกระตุกหัวใจ”

“เข้าใจแล้วครับ”

หมอฝึกหัดรีบหยิบกรรไกรตัดเสื้อผ้าของคนไข้ทันที โจวเจ๋อเข้ามาแทนที่พยาบาลคนก่อนแล้วเริ่มปั๊มหัวใจขณะเดียวกันก็พูดว่า

“ชาร์จสองร้อยจูล”

“เข้าใจค่ะ” พยาบาลสาวเตรียมพร้อมแล้ว จากนนั้นเอ่ยว่า “เตรียมชาร์จเรียบร้อยค่ะ”

เวลานี้ หมอหลินเปิดผ้าม่านแล้วเดินเข้ามา มองเห็นเงาร่างคนนั้นกำลังช่วยกู้ชีวิต

ถูกแล้ว เป็นสวีเล่อ เป็นสามีของตัวเอง

หมอหลินยื่นมือชี้ไปที่โจวเจ๋อ เธอโกรธมาก เธอไม่รู้ว่าสามีตัวเองมีปัญหาอะไรกันแน่ เมื่อครู่เขาพูดกับเธอว่าตัวเองเป็นโจวเจ๋อ ตัวเองจึงคิดว่าเขาอาจจะเป็นโรคประสาทฮิสทีเรีย[1] แต่ตัวเองจะไม่ยอมให้เขาเอาชีวิตของคนไข้มาล้อเล่นเด็ดขาด!

“เตรียมช็อต หลบไปนะครับ!” โจวเจ๋อพูดเตือนคนที่อยู่โดยรอบ จากนั้นก็จิกตามองหมอหลินอย่างแรง

หมอหลินสั่นไปทั้งตัว ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างโจมตีไปทั่วร่างกาย

ฉากภาพที่คุ้นชิน น้ำเสียงที่คุ้นเคย

สไตล์ที่เคยคุ้น และเวลานี้ เธอถึงขนาดที่ว่าพูดไม่ออก

หลังจากกระตุกหัวใจไปหนึ่งครั้งแล้ว โจวเจ๋อจึงทำการปั๊มหัวใจต่อ พร้อมกับสายตาที่จ้องมองหน้าจอแสดงผลตลอด

แต่เหตุการณ์กลับไม่ดีขึ้น โจวเจ๋อพูดต่อ “ลองอีกครั้ง ชาร์จสองร้อยจูล!”

“ค่ะ” พยาบาลสาวเตรียมอีกครั้ง จากนั้นเอ่ยว่า “เตรียมชาร์จเรียบร้อยค่ะ”

“หลบไปนะครับ” โจวเจ๋อทำการกระตุกหัวใจอีกครั้ง

ภายใต้การช็อตไฟฟ้า ร่างกายของคนไข้สั่นไปทั้งตัวครู่หนึ่ง

หมอฝึกหัดที่อยู่ข้างๆ ปั๊มหัวใจต่อไป

โจวเจ๋อมองหน้าจอแสดงผล บนนั้นแสดงให้เห็นว่าในที่สุดก็กลับสู่สภาพปกติ

“อัตราการเต้นของหัวใจฟื้นฟูกลับมาแล้ว ขอดูภาพคลื่นไฟห้าหัวใจหน่อยครับ” โจวเจ๋อพูดกับหมอฝึกหัดที่อยู่ข้างๆ

“ครับ” หมอฝึกหัดรีบตระเตรียมทันที จากนั้นจึงยื่นรายงานภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้โจวเจ๋อ

โจวเจ๋อหยิบมาดูแล้วเอ่ย “กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ติดต่อแผนกหัวใจ รีบเตรียมรักษาพีซีไอ[2]ด่วน”

“ครับ เข้าใจแล้วครับ” หมอฝึกหัดเช็ดเหงื่อ ถอนหายใจยาวโล่งอก

โจวเจ๋อเวลานี้ก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน

หมอหลินยืนอยู่ข้างนอก สายตาที่มองเขา แฝงไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ ความเหลือเชื่อ ความตื่นเต้นและแฝงไปด้วยความหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน

โจวเจ๋อพูดดุโดยตรง

“มัวยืนทำอะไรอยู่ คนไข้เยอะขนาดนี้ ไปช่วยคนสิ! อยากร้องไห้อยากกลัวรอเลิกงานกลับบ้านแล้วไปนั่งกอดตุ๊กตาแอบร้องไห้บนเตียงของตัวเองโน่น”

หมอหลินร้องไห้ออกมาทันที

เขาในตอนแรกก็อบรมตัวเองเช่นนี้

วินาทีต่อมา หมอหลินวิ่งพุ่งเข้าไป ใช้สองมือสวมกอดโจวเจ๋อ เอาใบหน้าของตัวเองแนบติดตำแหน่งตรงหน้าอกของโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อตกตะลึง

เขาเคยคิดล่วงหน้าหลายครั้งถึงการตอบสนองของหมอหลินหลังจากที่ตัวเองสารภาพความจริง

จะกลัว จะบ้า หรือจะหวาดผวา?

แต่มีสิ่งเดียวที่ไม่ได้คิดไว้ก็คือฉากนี้

แม่งเอ๊ย แบบนี้คือเสนอตัวเข้ามาเองใช่ไหม

แบบนี้ก็โอเคแล้วเหรอ

โจวเจ๋อสงสัยมาตลอด เมื่อก่อนตัวเองเป็นหนุ่มโสดน่าเบื่อคนหนึ่ง แต่ได้หัวใจของสาวน้อยน่ารักอย่างหมอหลินมาครอบครองได้อย่างไร

ตอนนี้เขาเหมือนจะเข้าใจแล้ว

หมอหลินคงไม่ได้เป็นโรคสต็อกโฮล์มซินโดรม[3]ใช่ไหม

สั่งสอนก็สั่งสอนแล้ว ด่าก็ด่าแล้ว แต่เธอกลับชอบตัวเองหรือ?

ดูเหมือนผู้หญิงที่มีอาการกลุ่มนี้จะสามารถยอมรับความสนุก…ของอารมณ์รักระหว่างที่อยู่บนเตียงได้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป

ฮิๆ

…………………………………………………………………………

[1] โรคประสาทฮิสทีเรียและบุคลิกภาพผิดปกติแบบฮิสทีเรีย อาการคือต้องการเป็นจุดเด่นหรือจุดสนใจ หากไม่ได้รับความสนใจจะอารมณ์แปรปรวน รู้สึกเบื่อหรือหงุดหงิดง่าย และมักแสดงอารมณ์ออกมาอย่างทันทีทันใด เป็นต้น

[2] PCI หรือ Percutaneous Coronary Intervention เป็นวิธีการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่ได้ผลวิธีหนึ่ง

[3] สต็อกโฮล์มซินโดรม (Stockholm Syndrome) คืออาการเมื่อคนที่ตกเป็นเชลยหรือตัวประกันเกิดความเห็นอกเห็นใจคนร้ายหลังจากต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง และอาจลงเอยด้วยการปกป้องคนร้ายหรือยอมเป็นพวกเดียวกัน