ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 34 ท่านอ๋องหงุดหงิดแล้ว
“หลานขออวยพรให้เสด็จย่ามีความสุขในวันเกิด ขอให้วันนี้และในทุกๆปีมีแต่ความรุ่งโรจน์ตลอดไป” กู้โม่หานอวยพรวันเกิดอย่างเคารพนบนอบ ไทเฮาเห็นหนานหว่านเยียนไม่ได้ออกหน้า ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม อย่างอารมณ์ดี “อ๋องอี้มีใจแล้ว ข้าชอบมันมาก”
หลังจากที่ไทเฮาพูดจบ กู้โม่หานก็นั่งลงไปใหม่ ขุนนางพิธีการถือรายการของขวัญ สีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังเอ่ยปากตะโกนกล่าวขึ้นมา “องค์ชายสิบ พระชายาสิบ มอบเนื้อวัวเนื้อแกะไม่แยกซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองของเป่ยเจียง ต้นตะบองเพชรหนานเจียงหกร้อยต้น ไข่มุกราตรีตงไห่สองเม็ด ปลาคาร์ฟห้าสีห้าคู่……”
ความยาวของรายการของขวัญ ทุกคนฟังจนต่างก็พากันอ้าปากค้าง ดูแคลนเล็กน้อย
คู่สามีภรรยาองค์ชายสิบเดิมทีก็ตะกละในเรื่องการกินอยู่แล้ว ความคิดในการมอบของขวัญก็แปลกประหลาดเช่นกัน ทั้งตะบองเพชรเอย ไข่มุกราตรีเอย ปลาคาร์ฟห้าสีเอย บางอย่างก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน บางอย่างก็แค่สิ่งของที่มีอยู่ทั่วไป
ดวงตาหนานหว่านเยียนกลับเป็นประกายขึ้นมา
ของอร่อยมากมายขนาดนี้ สามีภรรยาคู่นี้ช่างน่ารักดีจริงๆ
องค์ชายสิบกล่าวต่อไทเฮาด้วยรอยยิ้มตรงไปตรงมา: “เสด็จย่าไทเฮา หลานไม่ได้ฉลาดและรอบคอบอย่างพี่สาม และไม่ได้สุขุมและใจกว้างเหมือนพี่หก แต่หลานกับหยิงหยิงคิดว่าหากเสด็จย่าไทเฮาสามารถกินและดื่มอย่างดี ได้ชมของเล่นแปลกใหม่ทุกวันก็เรื่องที่ไม่เลวเช่นกัน”
ไทเฮาถูกคำพูดนี้หยอกจนมีความสุข ถึงแม้ในดวงตาจะตำหนิแต่กลับยิ้มด้วยความรัก “เจ้าสิบเอ่ย เจ้ามีใจเช่นนี้ ก็น่าชื่นชมยินดีมากแล้ว”
ทุกคนต่างก็พากันคล้อยตาม บอกว่าองค์ชายสิบมอบของขวัญด้วยวิธีแปลกใหม่ กลับขอโชคดีมาได้
เวลาผ่านไปอีกสักช่วงใหญ่ๆ ในที่สุดก็ถึงคราวของฝั่งสมาชิกสตรีมอบของขวัญแล้ว
“จวนแม่ทัพ หยุนอี่ว์โหรว มอบพระไตรปิฎกแกะสลักด้วยมือหนึ่งเล่ม!” กงกงพิธีการพูดจบ ก็มองไปที่หยุนอี่ว์โหรวที่อยู่บนที่นั่งอย่างมีความหมายครู่หนึ่ง
หยุนอี่ว์โหรวก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้ม นางรับหลอดไม้ไผ่มาจากมือของบ่าวรับใช้ชาย จากนั้นก็โค้งคำนับไปทางไทเฮาด้วยความเคารพนบนอบ
ภายในงานเลี้ยง ดวงตาของกู้โม่หานไม่ได้ละไปจากหยุนอี่ว์โหรวแม้แต่นาทีเดียว นัยน์ตาอ่อนโยนและอ่อนหวาน ใบหน้าที่เคร่งขรึมก็นุ่มนวลไร้ที่เปรียบ
หยุนอี่ว์โหรวกล่าวว่า: “หม่อมฉันรู้ว่าองค์ไทเฮาชอบในพระพุทธศาสนา และศึกษาพระไตรปิฎกมาโดยตลอด ดังนั้นหม่อมฉันจึงแกะสลักพระไตรปิฎกทั้งเล่มด้วยตัวเอง ถือเป็นของขวัญวันเกิดมอบให้กับองค์ไทเฮา หวังว่าองค์ไทเฮาจะทรงชอบมัน”
ขณะที่พูดไป แขนที่มอบของขวัญของนางค่อยๆยกขึ้นมาเบาๆ เผยให้เห็นนิ้วมือและแขนที่ถูกมีดแกะสลักบาดเป็นแผลออกมาอย่างดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจ
รูม่านตาของกู้โม่หานหดตัวขึ้นมา รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที สีหน้าเอ็นดูสงสารมาก
ทุกคนก็ถูกความตั้งใจของหยุนอี่ว์โหรวพิชิตใจในชั่วพริบตาเช่นกัน ต่างก็พากันชมว่านางเป็นเด็กดี ตั้งใจ และมีความจริงจังอย่างมาก
ไทเฮาที่เดิมทียังยิ้มอยู่ สีหน้าขรึมลงมากะทันหัน นางเหลือบมองหยุนอี่ว์โหรวอย่างราบเรียบครู่หนึ่ง เห็นนางจงใจเผยบาดแผลออกมา “อืม” ออกมาคำหนึ่งอย่างดูหมิ่นอย่างมาก ไม่มีแนวโน้มที่จะพูดอะไรมาก
หยุนอี่ว์โหรวเห็นดังนั้น อดที่จะกัดริมฝีปาก แล้วก้มหน้าลงเล็กน้อยไม่ได้
กู้โม่หานนั่งไม่ติดในทันใด ลุกยืนขึ้นมากะทันหันโดยไม่สนใจอะไรอย่างอื่น
“เสด็จย่า โหรวเอ๋อร์รู้ว่าท่านหลงใหลในพระพุทธศาสนา เพื่อของขวัญชิ้นนี้แล้ว บนมือก็มีแผลเป็นแล้ว และยังอดหลับอดนอนหลายคืนด้วยซ้ำ ของขวัญวันเกิดชิ้นนี้เป็นความอุตสาหะของโหรวเอ๋อร์ ท่านโปรดรับเอาไว้ด้วยเถอะ”
หนานหว่านเยียนมองดูลักษณะท่าทางที่กู้โม่หานยืดอกเผชิญหน้าเพื่อหยุนอี่ว์โหรว
นางไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นหยิบลูกท้อขึ้นมาอีกหนึ่งลูก เช็ดเล็กน้อย แล้วก็ส่งเข้าไปในปาก กะพริบตามองดูการกระทำ “ลักษณะที่สร้างขึ้นมาใหม่ไม่ซ้ำแบบใคร” ของหยุนอี่ว์โหรว จะนำมาซึ่งผลลัพธ์แบบไหน
ไทเฮาย่อมสังเกตเห็นการกระทำของหนานหว่านเยียนอยู่แล้ว
นางแอบถอนหายใจเจ็บใจที่ไม่สามารถทำให้หนานหว่านเยียนได้ดิบได้ดีจริงๆ สามีวิ่งไปช่วยพูดแทนผู้หญิงอื่นแล้ว นังเด็กโง่คนนี้ทำไมยังสามารถเอาตัวออกห่างเช่นนี้ได้อีก?
กู้โม่หานออกหน้าช่วยนาง หยุนอี่ว์โหรวก้มหน้าเอาไว้ เกี่ยวริมฝีปากแดงขึ้นมาอย่างได้ใจในมุมที่คนอื่นมองไม่เห็น แอบสะใจในใจเงียบๆ
หนานหว่านเยียนหน้าตางดงามแล้วอย่างไร?
ไทเฮาไม่ชอบนางแล้วอย่างไร ขอเพียงแค่กู้โม่หานชอบนางอย่างสุดจิตสุดใจ เจ้าก็แค่ชายาผู้ถูกทิ้งที่ไม่มีคนรักคนหนึ่ง ที่ไร้ค่าราวกับหญ้าเท่านั้นแหละ
ดังนั้น น้ำเสียงของหยุนอี่ว์โหรวน้อยใจอย่างมาก “ไทเฮา หม่อมฉันรู้ดีว่าของขวัญที่มอบให้ไร้ค่าไร้ราคา แต่หม่อมฉันก็มอบของขวัญด้วยความจริงใจ หวังว่าไทเฮาจะรับเอาไว้ หม่อมฉันก็รู้ว่าไม่อาจสู้พระชายาอี้ได้ ถ้าอย่างไรก็นำของขวัญวันเกิดของพระชายาอี้ขึ้นมาก่อนดีไหม หม่อมฉันกับสมาชิกสตรีคนอื่นๆจะได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วขึ้นมา ในดวงตามีความเย็นชาปรากฏขึ้นมาเล็กน้อยในชั่วพริบตา
หยุนอี่ว์โหรวคนนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ลืมที่จะลากนางเข้าไปเอี่ยวด้วย!
ตอนที่เพิ่งมาถึงก็ใช่ ตอนที่ช่วยคนก็ใช่ ตอนนี้ก็จะลากนางลงน้ำอีก…….
เดิมทีไทเฮาก็ไม่พอใจอยู่แล้ว หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหยุนอี่ว์โหรว กลับเห็นด้วยขึ้นมาอย่างหาได้ยาก อย่างไรเสียนางก็รอคอยของขวัญวันเกิดของหนานหว่านเยียนในวันนี้จริงๆ
“ตกลง มาดูของขวัญของพระชายาอี้กันก่อน!”
ทุกคนต่างก็อดที่จะยืดคอมุงดูกันขึ้นมาไม่ได้
หนานหว่านเยียนในคืนนี้สร้างความประหลาดใจและความไม่แน่ใจให้กับพวกเขามากมายเกินไป ต่างก็อยากจะเห็นว่าหนานหว่านเยียนจะสามารถมอบของขวัญอะไรได้
กู้โม่หานไม่ได้มีความคาดหวังอะไร เขารู้ว่าของขวัญที่หนานหว่านเยียนมอบให้ยากจนข้นแค้นมาก
ในตอนที่ขุนนางพิธีการนำของขวัญขึ้นมา หนานหว่านเยียนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าขนาดของวัตถุที่อยู่ใต้ผ้าสีแดงนั้นผิดปกติ จู่ๆในใจก็เต้นตึกตักขึ้นมา แย่แล้ว!
นางกำลังคิดจะส่งเสียงหยุดเอาไว้ แต่วินาทีต่อมาขุนนางพิธีการก็เปิดผ้าแดงออก
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ภายใต้ผ้าสีแดง มีกระถางต้นไม้ธรรมดาๆต้นหนึ่งวางอยู่
รูม่านตาของหนานหว่านเยียนหดตัวลงเล็กน้อย แอบกัดฟันเงียบๆ สายตากวาดมองทุกคนอย่างเฉียบคมรอบหนึ่ง
ใครเป็นคนเปลี่ยนของขวัญของนางกัน? !
ตอนนั้นนางก็รู้สึกว่ากระถางต้นไม้ดูยากจนมาก ดังนั้นจึงจงใจมอบให้ขุนนางพิธีการโดยเฉพาะ รอกลับไปค่อยไปเอา คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนสับเปลี่ยน เห็นได้ชัดว่าต้องการจะทำร้ายนางชัดๆ!
ทุกคนเห็นของขวัญ ต่างก็มีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงในชั่วพริบตา
มีคนมากมายกำลังกลั้นหัวเราะ และก็มีคนมากมายรอดูเรื่องตลกของหนานหว่านเยียน ยิ่งมีบางคน กลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ส่งเสียงหัวเราะออกมาในตำหนักใหญ่โดยตรง!
ต้องบอกว่า ของขวัญของหนานหว่านเยียนทำให้ทุกคน “ตาเป็นประกาย” จริงๆ
ของขวัญเช่นนี้ สู้ไม่ให้ดีกว่าไหม!
หนานหว่านเยียนอยากจะมอบกล่องยาอะไรนั่นไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมอบกระถางหญ้าต้นนี้ได้?
แสงในดวงตาของกู้โม่หานทำให้คนกลัว คนทั้งคนเย็นยะเยือกราวกับธารน้ำแข็ง เขาจ้องมองหนานหว่านเยียนอย่างไม่ละสายตา แต่กลับเห็นนางไม่แสดงสีหน้าใดๆเลย จู่ๆไฟโกรธก็โหมกระหน่ำมากขึ้น
หลังจากงานเลี้ยงในวังครั้งนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ หนานหว่านเยียนล้วนทำให้เขาอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน เหตุใดนางถึงได้เจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ให้ของขวัญวันเกิดซอมซ่อขนาดนี้ จงใจอยากให้จวนอ๋องอี้ของเขาอับอายใช่ไหม!
ฮ่องเต้เลิกคิ้วสูง นัยน์ตาคลุมเครือไม่ชัดเจน
ฮองเฮาตบไปที่เก้าอี้อย่างแรงกะทันหัน ซักถามหนานหว่านเยียนด้วยความโกรธ
“หนานหว่านเยียน! เสียแรงที่ปรกติไทเฮาโปรดปรานเจ้าขนาดนี้ เจ้าถึงกับใช้เศษหญ้าต้นหนึ่งมาหลอกไทเฮาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ได้! ช่างเป็นการกระทำที่อาจหาญ กำเริบเสิบสานชัดๆ!”