“ขอรับๆๆ”
ที่หอคอยชั้นแรกผ่านไปได้ด้วยดี พวกกองธงเหล่านั้นคุมตัวทุกคนไปยังป้อมปราการตามที่พวกเขาต้องการ
กู้ชูหน่วนเป็นห่วงอี้เฉินเฟยที่ต้องไปนำผู้ปรนนิบัติจากทั้งสองหอคอยที่เหลือด้วยตัวคนเดียว นางจึงให้ผู้ปรนนิบัติคนอื่นประคองเยี่ยเฟิงไปที่ป้อมปราการ ส่วนตัวเองก็ตามหลังอี้เฉินเฟยไป
ที่หอคอยแห่งที่สองผ่านพ้นไปด้วยดี
เมื่อลงไปถึงชั้นหนึ่งของหอคอยหลังที่สาม พวกเขาไม่ได้เจอกับปัญหาอะไรมากมายและคิดว่าน่าจะพาทุกคนไปที่ป้อมปราการได้
แต่ทันใดนั้นเอง ใครบางคนก็ตะโกนเรียกพวกเขา
“หยุดอยู่ตรงนั้น พวกเจ้าจะพาคนมากมายเช่นนี้ไปไหนกัน”
“ถอยไปเถิดปรมาจารย์หลิน ท่านผู้นำกองธงมีคำสั่งให้นำคนปรนนิบัติทุกคนไปส่งที่ยอดเขาหลัก”
“คนปรนนิบัติทุกคนเลยน่ะรึ เหตุใดข้าจึงไม่ได้รับคำสั่ง”
“นี่มัน…”
คนถือธงมองอี้เฉินเฟยอย่างลำบากใจ
พวกเขาเองก็ไม่ได้รับคำสั่งและไม่อยากจะปล่อยคนเหล่านี้ออกไปเช่นกัน แต่ปรมาจารย์เจียงมีท่าทีแข็งกร้าว ถ้าพวกเขาไม่ปฏิบัติตาม ทุกคนจะต้องซวยแน่นอน จากที่เห็นท่าทีของปรมาจารย์เจียง ก็ดูไม่เหมือนว่านี่จะเป็นคำสั่งปลอม ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตาม
“ที่แท้ก็ปรมาจารย์เจียงนี่เอง ข้าคิดว่าใครซะอีก เจ้าออกจะยืดมือยาวไปหน่อยนะปรมาจารย์เจียง แม้แต่ผู้ปรนนิบัติจากหอคอยลมเมฆก็ยังคิดจะมายุ่ง”
อี้เฉินเฟยที่ปลอมตัวกับกู้ชูหน่วนหันไปมอง
พวกเขาเห็นว่าปรมาจารย์หลินที่ว่านี้อายุเพียงแค่สามสิบกว่าๆ ทว่าหน้าตาดูชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่ง แค่มองแวบแรกก็รู้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องดี
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บแสบ ราวกับกำลังเหน็บแนมพวกเขาที่ดูแลหละหลวมเกินไป ถึงขนาดโยกย้ายคนจากหอคอยที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขาโดยไม่ถามความยินยอมจากเขาก่อน
อี้เฉินเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้นำกองธงให้รีบพาพวกผู้ปรนนิบัติไป ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก ต้องโยกย้ายคนไปก่อนแล้วค่อยมาแจ้งท่านทีหลัง”
ปรมาจารย์หลินหัวเราะอย่างเหยียดหยาม น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัย
“หอคอยลมเมฆอยู่ภายใต้การดูแลของข้า หากผู้นำกองธงต้องการคน เหตุใดจึงไม่เรียกหาข้า แต่ไปเรียกหาเจ้า”
อี้เฉินเฟยชักสีหน้า “ท่านกำลังสงสัยว่าข้าโกหกงั้นสิ”
“จะโกหกหรือไม่ แสดงใบคำสั่งมาเดี๋ยวก็รู้”
ได้ยินเช่นนั้นอี้เฉินเฟยจึงสาวเท้าเข้าไปหาและจ้องตรงไปที่ปรมาจารย์หลิน มองเขาอย่างโอหัง “ท่านผู้นำกองธงต้องการคนเพียงแค่ไม่กี่คน ถึงกับต้องให้ใบคำสั่งกับข้าด้วยตัวเองเพื่อมานำตัวคนไปเลยงั้นรึ”
ถ้าแค่ต้องการตัวคนปรนนิบัติก็ไม่จำเป็นต้องมีใบคำสั่งใดๆ อย่างที่เขาบอก เพียงแค่ผู้นำกองธงเอ่ยมาคำเดียว คนที่เหลือย่อมต้องส่งคนไปให้ตามคำสั่ง
แต่ผู้นำกองธงไม่มีเหตุผลที่จะสั่งให้เจียงซวี่มาพาคนที่อยู่ภายใต้อาณาเขตของเขาไป
“หากไม่มีใบคำสั่งของท่านผู้นำกองธง ไม่ว่าใครก็พาผู้ปรนนิบัติออกไปไม่ได้”
“หากมันส่งผลต่อความเพลิดเพลินของท่านผู้นำกองธง ท่านรับผิดชอบได้สินะ”
“ข้ารู้แค่ว่าถ้าไม่มีคำสั่งโดยตรงจากท่านผู้นำกองธง ไม่ว่าผู้ใดก็พาตัวผู้ปรนนิบัติเหล่านี้ไปไม่ได้ รวมถึงเจ้าด้วย”
อี้เฉินเฟยมีท่าทีแข็งกร้าว แต่ปรมาจารย์หลินกลับแข็งกร้าวยิ่งกว่า
ทั้งสองยืนคุมเชิงกันอยู่อย่างนั้น
ตอนนี้ใกล้จะถึงยามจื่อ*แล้ว
กู้ชูหน่วนก้าวออกมาข้างหน้า นางประสานมือและพูดอย่างจริงจัง “ปรมาจารย์หลินบอกว่าผู้นำกองธงไม่ได้ออกคำสั่งกับท่านโดยตรง เป็นแบบนี้แล้ว ท่านไม่คิดจะลองทบทวนดูสักหน่อยหรือ”
“สารเลว เจ้าเข้ามายุ่งอะไรด้วย คนถือธงชั้นล่างอย่างเจ้าถึงกับกล้าพูดกับข้าเลยอย่างนั้นรึ”
“ข้าน้อยเพียงแต่อยากเตือนท่านปรมาจารย์หลิน ถ้าท่านปรมาจารย์คิดว่าความหวังดีของข้าไม่ใช่เรื่องน่าฟัง เช่นนั้นข้าน้อยจะไม่พูดอีก”
คำพูดของกู้ชูหน่วนล้ำลึกยากจะคาดเดา
ปรมาจารย์หลินฟังแล้วรู้สึกแปลกขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เขามองอี้เฉินเฟยซึ่งมีแววตาที่โอหังอวดดี
เขารู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที
หรือว่าผู้นำกองธงจะรู้ว่าเขาแอบส่งมอบผู้ปรนนิบัติจำนวนมากไปให้กับผู้นำกองธงคนอื่นลับหลัง ดังนั้นจึงไม่พอใจและไม่ยอมสั่งให้เขาพาผู้ปรนนิบัติไปให้เองโดยตรง
ดังนั้นก็เลย…
จะเอาผู้ปรนนิบัติจากหอคอยลมเมฆไปทั้งหมด?
ปรมาจารย์หลินยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นว่าเป็นไปได้
ใบหน้าของเขาดูแย่ลงอย่างห้ามไม่อยู่
กู้ชูหน่วนส่งสายตาให้อี้เฉินเฟย ให้คะแนนเต็มกับสายตาที่แสดงถึงความจองหองอวดดีของเขาในตอนนี้
รอยยิ้มของอี้เฉินเฟยเป็นประกายวาบ ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มเยาะ “ปรมาจารย์หลิน อีกเดี๋ยวก็จะถึงยามจื่อแล้ว ท่านจะยอมให้ไปหรือไม่ ถ้าไม่ยอมก็ไม่เป็นไร เมื่อไปถึงยอดเขาหลัก เราก็แค่บอกเหตุผลแก่ท่านผู้นำกองธงเท่านั้น ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ผู้ปรนนิบัติจำนวนหยิบมือเดียว เชื่อว่าถ้าปรมาจารย์หลินปฏิเสธ เดี๋ยวท่านผู้นำกองธงก็ไปเลือกผู้ปรนนิบัติในความดูแลของคนอื่นเอง”
ยามจื่อ คือช่วงเวลาระหว่าง 23:00-1:00