เมื่อเผชิญหน้ากับรอยยิ้มล้อเลียนของเพื่อนร่วมกลุ่ม โจวเหว่ยชิงจึงรีบเผ่นหนีออกจากห้องพร้อมกับพูดเร็วๆ ว่า “ข้าไปฝึกปราณล่ะ” ทันทีที่ออกจากห้อง เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังไล่หลังมาเป็นพรวน ในสายตาของพวกเขา โจวเหว่ยชิงต้องพยายามจีบผู้หญิงคนหนึ่งและถูกตบกลับมาแน่ พวกเขาจึงรู้สึกขบขันในโชคชะตาของเขาเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงไม่ได้พยายามบอกความจริงกับพวกเขาว่าตนถูกตบเพราะจำคนรักของตัวเองผิด…
การมีผิวหน้าหนานั้นมีประโยชน์อย่างมาก เมื่อถึงเวลาที่โจวเหว่ยชิงกลับไปที่ห้องของเขา เขาก็สามารถลืมคำล้อเลียนเหล่านั้นได้ทันที
พลังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ตัวเอง และถ้าเขาสามารถแสดงพลังที่แท้จริงของตนออกมาให้อีกฝ่ายเห็น สักวันซ่างกวนเทียนเยว่ก็คงจะยอมรับในตัวเขาเอง
‘รองเจ้าวังสวรรค์ไพศาล’ สถานะและอำนาจของเขาจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันนะ? อย่างน้อยเขาควรจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชาหรือสูงกว่านั้น บางทีอาจจะเป็นระดับจักรพรรดิหรือเทพเจ้าก็ได้! ไม่น่าแปลกใจที่เขาดูถูกจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุดที่ต่ำต้อยเช่นเขา ในวังสวรรค์ไพศาล คนที่มีอายุเท่าเขาและยังมีมณีเพียง 3 ดวงคงมีกลาดเกลื่อนอย่างน้อยก็หลายร้อยคน
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเพิ่มระดับพลังปราณของตนในช่วงเวลาสั้นๆ เขาเองเพิ่งจะมาถึงขั้นทะลวงพิภพเมื่อไม่นานมานี้ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าวิชาเทพอมตะนั้นทรงพลัง เนื่องจากได้สำเร็จวิชาส่วนที่สองไปเรียบร้อย ทำให้ในร่างของเขามีหลุมดำพลังปราณ 13 แห่งที่ทำงานตลอดเวลา อีกทั้งการฝึกปราณ ฝึกร่างกาย และอัตราการฟื้นฟูของเขาก็เร็วกว่าจ้าวมณีสวรรค์ทั่วๆไป นี่ยังไม่นับรวมเกราะเทพอมตะก็พัฒนาประสิทธิภาพขึ้นเช่นกัน แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างหนักในการยกระดับพลังขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาไม่ได้ขึ้นสู่ระดับที่ 13 ด้วยความพยายามของตัวเอง แต่เพราะการวิวัฒน์ของเจ้าแมวอ้วน แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้ว่าในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เนื่องจากพลังปราณสวรรค์ของเขาไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ จึงมีเพียง 2 วิธีที่เขาจะใช้เพิ่มพลังต่อสู้ หนึ่งคือการใช้สถานะปีศาจกลายร่าง และอีกอย่างคือการพัฒนาความสามารถของทักษะกักเก็บของเขา
ข้อได้เปรียบของเขาคืออะไร? โดยธรรมชาติแล้วมันคือทักษะธาตุทั้ง 6 ชนิดจากไพฑูรย์ตาแมวสองสีนั่นเอง ถังเซียนผู้ซึ่งเป็นภรรยาของซ่างกวนเทียนเยว่ ในฐานะที่เป็นผู้ทรงพลังคนหนึ่งเช่นกัน เธอต้องเคยพบเจอสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ มามากมาย หากแม้แต่เธอยังต้องประหลาดใจเมื่อได้เห็นทักษะธาตุทั้ง 6 ในไพฑูรย์ตาแมวสองสีของเขา นั่นก็หมายความว่ามณีพลังเช่นนี้ต้องหายากมาก แม้แต่ในวังสวรรค์ไพศาลก็ตาม
ในบรรดาทักษะธาตุทั้ง 6 ชนิดของเขา ธาตุที่เขาใช้มากที่สุดได้แก่ทักษะธาตุมืด ทักษะธาตุมิติ ทักษะธาตุลม และทักษะธาตุสายฟ้า จากทักษะธาตุทั้ง 4 นี้ มีทักษะทั้งหมด 12 ชนิดที่เขากักเก็บไว้ และในบรรดาทักษะทั้งหมด ตราประทับธาตุมืด พิธีเลือดนั้นไม่อาจใช้ในการต่อสู้โดยตรงได้ เมื่อรวมกับทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ของทักษะธาตุกาลเวลา เขาก็จะมี 12 ทักษะที่ใช้บ่อยที่สุดในการต่อสู้
ก่อนหน้านี้ ระหว่างที่พวกเขาเดินทางมายังเมืองจ้งเทียน โจวเหว่ยชิงได้ขอคำแนะนำจากหลินเทียนอ้าว เซียวเอี๋ยนและคนอื่นๆเกี่ยวกับวิธีการใช้ทักษะกักเก็บให้ได้เต็มประสิทธิภาพ ในเวลานั้นเซียวเอี๋ยนได้บอกเขาว่า เมื่อเรียนหนังสือ เจ้าอ่านหนังสือเป็นร้อยๆ ครั้งกว่าจะเข้าใจ ดังนั้นเมื่อฝึกทักษะ เจ้าก็ต้องฝึกฝนเป็นพันๆ ครั้งกว่าจะเข้าใจ
เมื่อโจวเหว่ยชิงได้ฟังเรื่องนี้ในเวลานั้น เขาไม่ได้ใส่ใจการฝึกนี้รมากนัก นั่นเป็นเพราะการฝึกใช้แต่ละทักษะเป็นพันๆครั้งอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนจะต้องใช้เวลายาวนานมาก นอกจากนี้เซียวเอี๋ยนได้กล่าวว่าเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด เขาจะต้องฝึกทั้งหมด 1,000 ครั้งโดยไม่มีการหยุดพัก จึงจะสามารถเข้าใจและเรียนรู้ถึงความหมายที่แท้จริงในการใช้ทักษะนั้นๆได้ แต่ทุกครั้งที่เรียกทักษะออกมา มันก็คือการสูบพลังปราณสวรรค์ออกจากร่างกายดีๆ นี่เอง สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ ธรรมดาๆ หากสามารถใช้ทักษะประมาณสิบชนิดหรือมากกว่านั้นได้อย่างต่อเนื่องโดยที่พลังปราณสวรรค์ไม่หมดก็ถือว่าดีมากแล้ว บางทีด้วยศาสตรามณียุทธ์ชนิดพิเศษที่ช่วยลดการใช้งานปริมาณพลังปราณสวรรค์ พวกเขาอาจใช้ทักษะได้ต่อเนื่องประมาณยี่สิบกว่าครั้ง ทว่าหลังจากใช้พลังปราณสวรรค์จนหมดแล้ว พวกเขาก็จะต้องทำสมาธิเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ดังนั้นหากฝึกใช้ทักษะอย่างต่อเนื่องเป็นพันๆ ครั้ง แม้จะใช้เวลา 3 วันและ 3 คืนก็ไม่น่าจะเพียงพอ นอกจากนี้ หากไม่ได้กินนอนเป็นเวลานานขนาดนั้น ใครคนไหนจะทนไหวบ้าง?
ในเวลานั้น หลินเทียนอ้าวได้ให้ความเห็นว่าผลของวิธีการฝึกดังกล่าวนั้นดีมาก แต่ผลข้างเคียงก็ยังหนักหนามากเช่นกัน เพราะนั่นจะส่งผลกระทบต่อจิตใจและร่างกายของผู้ฝึกอย่างหนักหน่วง โดยทั่วไปทุกคนจะผ่านการฝึกฝนเช่นนี้หนึ่งครั้งต่อหนึ่งทักษะ และไม่มีครั้งที่สองเนื่องจากครั้งแรกมักจะให้ผลดีที่สุด แน่นอนว่าจ้าวมณีสวรรค์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มพลังปราณสวรรค์ของพวกเขามากกว่า และไมเสียเวลาไปกับการฝึกใช้วิธีอัดทักษะดังกล่าวมากนัก วิธีการฝึกนี้ไม่เพียงแต่น่าเบื่อและยากลำบากเท่านั้น แต่การไม่ได้นอนหลับและไม่ได้รับประทานอาหารอย่างต่อเนื่องจะส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก แน่นอนว่าย่อมก่อให้เกิดความเสียหายในระยะยาว ในเวลานั้น หลินเทียนอ้าวจึงได้แนะนำว่าให้ใช้ลองใช้วิธีนี้กับทักษะทั้งหมดของเขาภายในครั้งเดียวก็ยังดี
เดิมทีโจวเหว่ยชิงเคยคิดที่จะลองใช้วิธีนี้หลังพวกเขากลับจากงานประลองมณีสวรรค์ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม การได้พบกับซ่างกวนเทียนเยว่ก็ยั่วยุเขาคิดถึงวิธีการฝึกเช่นนี้ขึ้นมาทันที บางทีนี่อาจเป็นวิธีเดียวที่เขาจะเพิ่มพลังได้ในเวลาเพียง 3 วัน หึ มันก็แค่อัดทักษะ 1,000 ครั้งเองนี่? เพื่อปิงเอ๋อร์ ข้ายอมเสี่ยงได้ทุกอย่างอยู่แล้ว!
เมื่อคิดถึงจุดนี้ โจวเหว่ยชิงก็พุ่งออกจากห้องของเขา วิ่งไปที่ห้องอาหารของโรงเตี๊ยมเพื่อจ้วงกินอาหารมื้อใหญ่ จากนั้นเขาก็ฉวยน้ำดื่มสองขวดใหญ่กลับห้องและบอกคนอื่นๆ ว่าอย่ารบกวนการฝึกของเขา ก่อนที่จะเริ่มต้นเส้นทางการฝึกที่ค่อนข้าง ‘วิปริต’ เป็นครั้งแรก
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถหยุดพักได้ในระหว่างการฝึก ไม่มีอาหารและการนอนหลับพักผ่อน แต่เขาก็ยังต้องอาศัยดื่มน้ำเร็วๆ สักครั้ง เพราะถ้าหากไม่มีน้ำ เขาคงทนวิธีฝึกที่หนักหน่วงเช่นนี้ได้ไม่เกินหนึ่งวันแน่
หลังจากเตรียมการทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย โจวเหว่ยชิงก็ไล่เรียงทักษะทั้งหมดในใจของเขา ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกทักษะกระชากมิติเป็นทักษะที่เขาจะฝึกฝนในครั้งนี้ เหตุผลที่เขาเลือกทักษะนี้เป็นเพราะว่ามันคือทักษะที่มีระดับดาวสูงสุดในบรรดาทักษะทั้งหมดของเขา นอกจากนี้มันยังเป็นทักษะที่มีทั้งความสามารถในการโจมตีและการป้องกันในหนึ่งเดียว ที่สำคัญกว่านั้นคือทักษะนี้ยังเป็นทักษะที่สามารถหลอมรวมเข้ากับทักษะสะบัดปีกเฉือนซึ่งเป็นทักษะโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาได้!
แน่นอนว่าการประเดิมทักษะนี้ก่อนจะทำให้เขาได้รับประโยชน์สูงสุด
ในความเป็นจริง ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโจวเหว่ยชิงคือวิชาเทพอมตะของเขานั่นเอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ต้องนั่งทำสมาธิเพื่อฟื้นฟูปราณสวรรค์ หากเขาใช้พลังปราณสวรรค์ไปเรื่อยๆ หลุมดำพลังปราณที่จุดตายของเขาก็จะดึงพลังจากชั้นบรรยากาศเข้ามาอย่างต่อเนื่องเอง มันจะช่วยเติมเต็มและฟื้นฟูพลังปราณสวรรค์ในร่างกายอย่างต่อเนื่อง เมื่อสะสมในปริมาณที่มากเพียงพอแล้ว เขาก็จะสามารถทะลวงจุดตายจุดแล้วจุดเล่าต่อไปได้เรื่อยๆ แม้ว่าทุกครั้งที่พยายามทะลวงจุดตายจะทำให้เขาเข้าใกล้ความตายทุกครั้ง แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นกระบวนการที่ง่ายกว่าวิธีฝึกปราณแบบอื่นๆมาก ดังนั้นแม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะกำลังฝึกอัดทักษะอยู่ แต่นั่นก็จะไม่ส่งผลต่อความเร็วในการเพิ่มขึ้นของพลังปราณสวรรค์ด้วย!
แม้แต่โจวเหว่ยชิงเองก็ไม่รู้ว่าเขาได้บังเอิญค้นพบวิธีการฝึกที่เหมาะกับเขามากที่สุดโดยไม่รู้ตัว!
แสงสีเงินปรากฏขึ้นรอบๆมือของโจวเหว่ยชิงขณะที่ทักษะกระชากมิติได้สร้างรอยแยกกว้าง 3 ฉื่อกลางขึ้นมาอากาศ ทักษะนี้คงอยู่ประมาณ 3 วินาทีก่อนจะหายไปอย่างช้าๆ
ในการอัดทักษะไม่ใช่แค่การใช้ทักษะอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะที่ใช้ทักษะนั้น เราต้องพยายามสัมผัสถึงความลึกลับและกลไกที่อยู่เบื้องหลังทักษะเพื่อทำความเข้าใจมันให้ได้อย่างถ่องแท้
เมื่อโจวเหว่ยชิงรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของทักษะกระชากมิติ เขาก็ค่อยๆ ตระหนักได้ว่าเมื่อทักษะกระชากมิติปรากฏขึ้น มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อองค์ประกอบอื่นๆ ในอากาศ ทว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อวัตถุจริง อย่างไรก็ตาม มันก็ยังเป็นเหมือนโล่ที่แปลกประหลาดชิ้นหนึ่ง หากมีวัตถุจริงพุ่งเข้าโจมตีมัน มิติกระชากก็จะมีแรงตัดที่ทรงพลัง แม้แต่โลหะธรรมดาก็จะถูกหั่นจนสะบั้นออกจากกันในทันที หากนำไปใช้กับร่างกายมนุษย์ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงพลังและประสิทธิภาพที่แท้จริงของมันแล้ว
นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ทักษะกระชากมิติสามารถหลอมรวมเข้ากับทักษะสะบัดปีกเฉือนเพื่อเพิ่มพลังในการโจมตีได้ ถึงอย่างไรทักษะระดับราชาอย่างทักษะสะบัดปีกเฉือนก็มีพลังทำลายล้างสูงอยู่แล้ว อีกทั้งมันยังคมกริบมาก เมื่อเสริมพลังตัดของทักษะกระชากมิติและระเบิดหลังจากที่ตัวมิติถูกฉีกกระชากออกจากกันเข้าไป พลังของมันจึงแข็งแกร่งขึ้นมหาศาล
เวลา 3 วินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และโจวเหว่ยชิงก็ปล่อยทักษะกระชากมิติออกมาอีกเป็นครั้งที่สอง เขาแผ่ประสาทสัมผัสของตนออกไปอย่างเต็มที่เพื่อค้นคว้าเกี่ยวกับมันขณะที่เรียกออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า มิติฉีกกระชากปรากฏขึ้นในอากาศต่อหน้าเขาเรื่อยๆ พลังปราณสวรรค์ของเขาเริ่มหมดลงอย่างรวดเร็วและหลุมดำพลังปราณทั้ง 13 แห่ง ณ จุดตายของเขาก็เริ่มหมุนวนด้วยความเร็วเต็มพิกัดเพื่อช่วยให้เขาฟื้นฟูพลังได้เร็วขึ้น
เขาปล่อยทักษะกระชากมิติออกมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก โจวเหว่ยชิงยังต้องการทดสอบว่าเขาสามารถปลดปล่อยทักษะนี้ออกมาต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักได้หรือไม่
ระยะฟื้นตัวของทักษะกระชากมิติอยู่ที่ประมาณ 6 วินาที กล่าวคือหลังจากใช้ทักษะกระชากมิติซึ่งกินเวลา 3 วินาที เขาจะต้องรออีก 3 วินาทีถึงจะใช้ได้อีกครั้ง นั่นคือความเป็นไปได้สูงสุดในการใช้ทักษะนี้ รวมถึงพลังปราณสวรรค์ที่ใช้ควบคู่กันด้วย
ในบรรดาทักษะทั้งหมดของโจวเหว่ยชิง ทักษะกระชากมิติไม่ใช่ทักษะที่สูบพลังปราณสวรรค์ออกไปมากที่สุด นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มันมีระดับดาวสูงมาก ไม่ใช่ว่ายิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็ต้องใช้พลังปราณสวรรค์มากขึ้นเท่านั้น แต่ยิ่งมีพลังมากขึ้นและใช้พลังปราณน้อยลง ระดับดาวก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
หลังจากใช้ทักษะนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โจวเหว่ยชิงก็ค้นพบว่าเมื่อเขาใช้ทักษะอย่างต่อเนื่อง ทุกๆ 9 ครั้งที่เขาใช้ทักษะนี้ อัตราการฟื้นตัวของหลุมดำพลังปราณก็จะฟื้นตัวได้มากพอให้เขาจะใช้ทักษะนี้เพิ่มได้อีกหนึ่งครั้ง แน่นอนว่านี่เป็นไปไม่ได้สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ทั่วไป แต่ด้วยวิชาเทพอมตะของเขา โจวเหว่ยชิงกลับสามารถทำได้
หลังจากเรียกใช้ไป 17 ครั้ง ในที่สุดพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงก็หมดลง และเขาก็ทำสำเร็จได้โดยไม่ต้องใช้ศาสตรามณียุทธ์ชนิดพิเศษใดๆ เข้าช่วยเลยแม้แต่น้อย! ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะนี้ยังจัดอยู่ในระดับ 3 มณีและพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงก็อยู่ในระดับที่ 13 เท่านั้น เห็นได้ชัดว่ายังค่อนข้างห่างไกลจากขั้นที่ 16 อยู่มาก! ดังนั้นการที่เขาสามารถใช้ทักษะกระชากมิติได้มากถึง 17 ครั้งก็เป็นตัวเลขที่น่าประทับใจมากทีเดียว
ที่สำคัญกว่านั้นคือโจวเหว่ยชิงไม่จำเป็นต้องนั่งทำสมาธิและฟื้นฟูพลังปราณสวรรค์ของเขา เขาแค่ต้องยืนรอสักพัก และทันทีที่เขามีพลังปราณเพียงพอ เขาก็จะปล่อยทักษะกระชากมิติได้อีกครั้งทันที สิ่งนี้ยังทำให้พลังงานสวรรค์ของเขาตกอยู่ในสภาวะหมดเกลี้ยงอย่างต่อเนื่องโดยที่หลุมดำพลังปราณทั้ง 13 ของเขาถูกเปิดใช้ในระดับสูงสุด
เพียงแค่อาศัยหลุมดำพลังปราณในการฟื้นฟูพลังปราณสวรรค์ โจวเหว่ยชิงก็สามารถใช้ทักษะได้ทุกนาทีแล