บทที่ 230 พ่อครัวเงาผู้มาเพื่อสำแดงเดช แต่กลับถูกอัดน่วม

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

ปู้ฟางไม่ผ่านการประเมินอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ที่เขาเคยคาดการณ์เอาไว้ว่าภารกิจนี้น่าจะไม่ง่ายนั้นเป็นจริงเสียด้วย

“ดูเหมือนว่าเกณฑ์หลักที่ใช้ประเมินคือปริมาณพลังปราณที่อยู่ในอาหาร รวมถึงอัตราส่วนในการช่วยให้ตื่นรู้…” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองพร้อมเอามือลูบคาง

เขาใช้มีดทำครัวกระดูกมังกรทองผ่าผลไม้ จึงทำให้พลังปราณในผลไม้ถูกเก็บรักษาไว้ภายใน แต่พลังปราณที่สูญเสียไประหว่างนั้นเกิดจากกระบวนการทำอาหาร เนื่องจากเขาไม่ได้ควบคุมกระแสการไหลของพลังปราณเที่ยงแท้ในกายให้ดีพอ

“แปลว่าอาหารจานนี้ใช้ไม่ได้แล้ว…” ปู้ฟางมองกลุ่มเมฆบนจานอาหารที่กำลังกระจายตัว แล้วก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ

“สำหรับนายท่านที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นพ่อครัวเทพในโลกจินตนาการแห่งนี้ อาหารที่ถูกประเมินว่าไม่ผ่านเกณฑ์จะนำไปขายในร้านไม่ได้เป็นอันขาด” เสียงที่เข้มงวดของระบบดังขึ้น

การนำอาหารที่ไม่ผ่านเกณฑ์ไปขายนับว่าเป็นการกระทำที่ไม่เคารพทั้งลูกค้าและฝีมือการทำอาหารของตนเอง อาหารจานที่พ่อครัวนำออกสู่สาธารณะชนนั้น ต้องเป็นจานที่สมบูรณ์แบบและดีกว่าอาหารจานก่อนๆ ที่เคยทำมา

ปู้ฟางถอนหายใจออกมา เจ้าขาวมาปรากฏตัวข้างกายเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบได้ ชายหนุ่มแตะพุงอ้วนกลมของมัน ดวงตาของเจ้าขาววาววับขณะเปิดพุงอ้วนๆ ออก เผยให้เห็นหลุมดำไร้ก้นที่อยู่ภายใน

นี่เป็นหลุมที่เจ้าขาวเอาไว้เก็บของเหลือของเสีย…ปู้ฟางยกจานอาหารขึ้น ขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียวัตถุดิบไปโดยเปล่าประโยชน์ กระนั้นเขาก็สะกดความรู้สึกนั้นเอาไว้ในใจแล้วโยนอาหารที่ไม่ผ่านเกณฑ์ลงท้องเจ้าขาวไป

แปลว่าผลตื่นรู้ทางห้าสายหนึ่งผลกลายเป็นขยะไปเรียบร้อยแล้ว

หลังจากทำอาหารจานแรกพลาดไป ชายหนุ่มก็ไม่ได้หยุดพัก แต่กำลังคิดอย่างหนักว่าจะทำอาหารจานใหม่ที่เก็บรักษาทั้งพลังปราณและพลังแห่งการตื่นรู้เอาไว้ครบถ้วนได้อย่างไรดี

ระบบไม่ได้มอบสูตรอาหารมาให้ แต่ปู้ฟางก็ชินกับสถานการณ์นี้เสียแล้ว อาหารหลายจานที่ขายอยู่ตอนนี้เขาก็เป็นคนคิดค้นเอง การคิดค้นอาหารจานใหม่ด้วยตนเองนั้นนับเป็นสิ่งสำคัญของการเป็นพ่อครัวอยู่แล้ว เนื่องจากถือเป็นการแสดงความคิดสร้างสรรค์ออกมานั่นเอง

ในที่สุดเขาก็ได้ความคิดใหม่ แล้วจัดการหยิบวัตถุดิบสองสามชนิดออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ ของที่ชายหนุ่มนำออกมานั้นคือเนื้อวัวมังกรพเนจร ปลาตัวอ้วนจากหนองน้ำปราณมายา และผลไม้กับสมุนไพรพลังปราณหลายชนิด ตอนนี้เขาเหลือผลตื่นรู้ทางห้าสายอยู่สองผล หากอยากทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ เขาจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว

ชายหนุ่มมองวัตถุดิบที่กองอยู่ตรงหน้า สายตาไปหยุดอยู่ที่เนื้อวัวมังกรพเนจรกับปลาตัวอ้วน เขาควรเลือกวัตถุดิบใดระหว่างสองชนิดนี้ดี

เป๊าะ!

ชายหนุ่มดีดนิ้วเมื่อคิดบางอย่างออก เขาไม่เลือกเนื้อวัวมังกรพเนจรระดับเจ็ด แต่กลับเลือกปลาตัวอ้วนจากหนองน้ำปราณมายาแทน

มันเป็นปลาที่เหล่ามนุษย์อสรพิษจับมา เนื้อของมันอวบอ้วนเป็นอันมาก และรสชาติหลังจากนำไปย่างก็อร่อยล้ำ

แต่คราวนี้ปู้ฟางไม่ได้วางแผนจะย่างปลา เพราะเขามั่นใจว่าการนำผลตื่นรู้ทางห้าสายไปย่างนั้นไม่เข้ากับรสชาติของผลไม้ชนิดนี้อย่างแน่นอน

เขาเริ่มจากการทำความสะอาดปลาแล้วผ่าท้องมันออก ชายหนุ่มจับมีดทำครัวกระดูกมังกรทองเอาไว้มั่น จากนั้นก็ใช้ด้ามมีดกระแทกเข้าไปที่เนื้อปลา พลังปราณไหลจากร่างกายผ่านมีดทำครัวกระดูกมังกรทองเข้าไปในเนื้อปลา ทำให้เนื้อปลาเรืองแสงขึ้น แล้วปู้ฟางก็ใช้มีดสลักลวดลายบางอย่างลงบนตัวปลา

เขาหันไปจัดการผลตื่นรู้ทางห้าสายต่อ ชายหนุ่มผ่าผลไม้ออกเป็นสองซีก รองน้ำจากผลไม้ใส่ไว้ในชามกระเบื้องก่อนจะหั่นผลไม้เป็นชิ้นๆ พลังปราณหนาแน่นเริ่มกระจายตัวไปทั่วห้องครัวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตื่นตัวเป็นอันมาก หลังจากที่แยกน้ำผลไม้เสร็จ เขาก็ค่อยๆ ทาน้ำผลไม้ลงบนเนื้อปลาอย่างประณีตบรรจง เขาดูจนแน่ใจว่าปลาทั้งตัวชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำผลไม้ และน้ำซึมเข้าไปในเนื้อปลาเรียบร้อยดี

จากนั้นชายหนุ่มก็หยิบชามกระเบื้องสีฟ้าขาวออกมา แล้วยัดเนื้อผลตื่นรู้ทางห้าสายสองชิ้นใส่ปากปลา ทำให้อากาศไหลเข้าไปในตัวปลาไม่ได้ ส่วนเนื้อผลไม้ที่เหลือเขานำไปวางเรียงไว้บนตัวปลาจนปิดเนื้อปลามิด

ปู้ฟางเปิดฝาหม้อแล้วเริ่มติดไฟ จากนั้นก็นำซึ้งใส่เข้าไปในหม้อ

เขาใส่ปลาตัวอ้วนที่เตรียมเอาไว้ลงในซึ้ง ดูเหมือนว่าคราวนี้ตั้งใจจะทำปลานึ่ง

การนึ่งนั้นไม่ได้ง่ายกว่าการต้มแต่อย่างใด เขาต้องบังคับพลังปราณเที่ยงแท้ให้คงที่ เพื่อควบคุมการเปลี่ยนแปลงของพลังปราณภายในตัวปลา

ยิ่งใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ยิ่งต้องใช้ความสามารถในการควบคุมพลังปราณอย่างล้ำลึก ผลตื่นรู้ทางห้าสายนั้นเป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงยิ่งยวด และมีระดับพลังปราณปริมาณมหาศาล ทั้งยังพรั่งพร้อมไปด้วยคุณสมบัติการตื่นรู้ เพื่อที่จะไม่ทำลายสองสิ่งนี้ระหว่างกระบวนการประกอบอาหาร ปู้ฟางต้องควบคุมพลังปราณเที่ยงแท้โดยไม่ให้มีจุดผิดพลาดแม้แต่น้อย

นี่ถือเป็นการประกอบอาหารโดยใช้พลังปราณเที่ยงแท้ประเภทหนึ่ง และเป็นบททดสอบความสามารถในการฝึกปราณของพ่อครัวเป็นอย่างดี

ปู้ฟางเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่กระบวนการนี้ พลังปราณเที่ยงแท้ไหลออกจากแก่นพลังของเขา กระจายจากฝ่ามือเข้าไปครอบซึ้งเอาไว้

….

พ่อครัวเงากระหยิ่มยิ้มย่องขณะก้าวเข้าประตูร้าน เขามั่นใจว่าตอนนี้คนในร้านคงกำลังแบ่งสันปันส่วนผลตื่นรู้ทางห้าสายกันอยู่แน่นอน และเขาจะต้องชิงผลไม้หนึ่งผลมาเป็นของตนให้ได้

หลังจากกินน้ำแกงเนื้อที่แอบทำไว้เข้าไป พ่อครัวเงาก็บรรลุทักษะการทำอาหารโดยใช้พลังปราณในระดับเทพเจ้า นอกจากนี้เขายังกลับมาหนุ่มแน่น พรั่งพร้อมไปด้วยพละกำลังและความมั่นใจ

แต่ทันทีที่เดินเข้าร้านมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

ผู้คนในร้านมองเขาด้วยสายตาสงสัย ไม่รู้ว่าชายที่เข้ามาใหม่ด้วยท่าทางกร่างเต็มที่ผู้นี้ต้องการอะไรกันแน่

พ่อครัวเงาเลิกคิ้วขึ้นแล้วเดินไปที่มุมร้านซึ่งมีต้นตื่นรู้วางอยู่ จากนั้นเขาก็ต้องตัวแข็งทื่อ 

ใบของต้นตื่นรู้ทางห้าสายเขียวชอุ่มโตเต็มวัย มันเรืองแสงสว่างไสวเจิดจ้าอัดแน่นไปด้วยพลังปราณปริมาณมาก ดูเหมือนว่าต้นไม้ต้นนี้จะเติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรง ทว่า…ผลตื่นรู้ทางห้าสายนั้นได้อันตรธานไปเป็นที่เรียบร้อย ดูเหมือนว่าผู้คนในร้านจะพากันแบ่งผลไม้เสร็จสรรพแล้ว

“เวรแท้…แปลว่าข้ามาช้าไปจริงๆ หรือนี่!” พ่อครัวเงาสบถออกมาเบาๆ จากนั้นก็หันมองผู้คนที่นั่งอยู่ในร้าน

“พวกเจ้าแบ่งผลตื่นรู้ทางห้าสายกันเรียบร้อยแล้วรึ ข้าจะไว้ชีวิตใครก็ตามที่ส่งผลไม้มาให้ข้า!” พ่อครัวเงากระวนกระวายเป็นอันมากเนื่องจากต้องการผลไม้นี้จริงๆ นั่นเพราะเขาเดิมพันเอาไว้ด้วยชีวิตตนเอง โดยการใช้น้ำแกงเนื้อพลังชีวิตที่แอบปรุงขึ้นมาเพื่อเพิ่มพลังในการมาแก่งแย่งผลตื่นรู้โดยเฉพาะ

ตอนนี้เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ผลตื่นรู้ทางห้าสายมาไว้ในครอบครอง

มีผู้คนมากมายนั่งรออยู่ในร้าน ทุกคนต่างกำลังรออาหารที่ทำจากผลตื่นรู้ทางห้าสายฝีมือปู้ฟาง แต่ตอนนี้กลับมีไอ้โง่หน้าไหนก็ไม่รู้เดินดุ่มๆ เข้าร้านมาแล้วขู่เข็ญให้พวกเขาส่งผลตื่นรู้ให้…

ไว้ชีวิตกับผีมารดาเจ้าสิ! พวกข้าก็อยากได้ผลตื่นรู้เหมือนกันโว้ย!

จ่านคงและเปี้ยนฉางกงหันไปจ้องพ่อครัวเงาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ ก่อนหน้านี้ทั้งสองเตรียมพร้อมจ่ายราคาแพงหูฉี่ แต่กลับยังซื้อผลไม้มาจากเถ้าแก่ปู้ไม่ได้ แล้วไอ้บ้านี่กลับเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาขู่ให้พวกเขาส่งผลไม้ไปให้เสียได้ คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนกัน

จ่านคงลุกขึ้นยืน ตัวเขาเองอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วเนื่องจากถูกเถ้าแก่ปู้ใส่อารมณ์ ตอนนี้จึงรู้สึกอยากระบายความเดือดพล่านในใจออกมาเช่นกัน

เปี้ยนฉางกงเองก็ลุกขึ้นยืน หลังจากกินโอสถทิพย์เข้าไปเมื่อครู่ เขาก็แทบจะหายดีเป็นปกติ

ทั้งสองเดินหน้าตาบูดบึ้งไปยังทางเข้าร้านตรงที่พ่อครัวเงายืนอยู่

ชายชราขี้เมาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีจากนั้นก็กลืนสุราลงท้องอีกหนึ่งอึก เตรียมตัวดูฉากบันเทิงที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างสุขใจ

“พวกเจ้าสองคนอยากตายเช่นนั้นรึ!” พ่อครัวเงาข่มขู่ด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมหรี่ตามอง

ตอนนี้เขามีพลังเทียบเท่าขั้นเทพแห่งสงคราม ในความคิดของเขา นี่เป็นระดับพลังปราณสูงสุดที่คนคนหนึ่งจะทำได้แล้ว แล้วไอ้มดปลวกสองตัวนี้มันยังจะกล้าแส่หาเรื่องตายอีกหรือ

ตอนนี้เขารู้สึกมั่นใจในตนเองเป็นอันมาก

“เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังข่มขู่ใครอยู่!”

เปี้ยนฉางกงเปิดปากถามเสียงเย็น จากนั้นก็ฟาดมือใส่พ่อครัวเงาพร้อมผิวปากไปด้วย

พ่อครัวเงาอึ้งไปทันที ก่อนตะโกนตอบอย่างโกรธเกรี้ยว “รนหาที่ตายแท้!”

ปัง!

แต่เขาก็ต้องอึ้งไป เนื่องจากแม้จะปัดป้องฝ่ามือของเปี้ยนฉางกงเอาไว้ได้ แต่กลับกันจ่านคงไว้ไม่อยู่ ใบหน้าของเขาบวมปูดออกมาเป็นลูกทันที

“แม่เจ้า! นี่มันบ้าอะไรกัน เหตุใดข้าที่มีพลังปราณขั้นเทพแห่งสงครามถึงถูกตบเอาได้”

พ่อครัวเงาโกรธแค้นเป็นอันมาก พลังในร่างกายที่เพิ่มขึ้นพลันระเบิดออกมาในรูปแบบพลังปราณเที่ยงแท้

ปัง!!

จ่านคงตบอีกครั้ง ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะเมตตาชายตรงหน้าแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขานิ่งขรึม แต่ภายใต้หน้ากากสีเงินกลับซ่อนแววเย้ยหยันเอาไว้

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาข่มขู่ยอดขุนพลอย่างข้า” จ่านคงตอบเสียงเย็น เขาเอาชนะสุนัขสีดำตัวนั้นไม่ได้ แต่จะไม่มีวันแพ้ไอ้คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเช่นนี้แน่นอน

“ไอ้เวรนี่! ไปตายเสีย!” ควันสีดำพวยพุ่งออกจากร่างพ่อครัวเงา เขาตะโกนขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวปนกระวนกระวาย

ปัง!!

ทว่าควันสีดำยังพุ่งออกมาไม่ทันหมดดี เปี้ยนฉางกงก็จัดการเตะพ่อครัวเงาเข้าเต็มรัก จนเขาปลิวออกจากร้านไปนอนพังพาบอยู่ในตรอกด้านนอก

“ท่าทางจะปัญญานิ่ม”

เปี้ยนฉางกงและจ่านคงหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะ ก่อนจะพุ่งออกจากร้านไป

ตอนนี้พวกเขากำลังหดหู่ใจมากและรู้สึกอยากระบายอารมณ์เสียหน่อย แล้วไอ้โง่บ้าเซ่อนี่ก็โผล่มาพอดี…ช่างพอเหมาะพอเจาะกับการเป็นกระสอบทรายโดยแท้

เจ้าดำนอนอืดอยู่หน้าร้าน เหลือบตามองฉากการตะลุมบอนฝ่ายเดียวอย่างง่วงงุน ก่อนจะอ้าปากหาวออกมา

เสียงโหยหวนของพ่อครัวเงาดังมาไม่ขาดสาย เขามั่นใจมาตลอดว่าตนเองจะสามารถแสดงทักษะที่แสนยอดเยี่ยมออกมาได้ แต่ตอนนี้กลับถูกสองคนนี้อัดเสียน่วม

การที่เขาโต้กลับอะไรไม่ได้เลย แสดงให้เห็นว่าสองคนนี้เป็นขั้นเทพแห่งสงครามตัวจริงเสียงจริง

เซียวเหมิงยืนพิงประตู ดวงตามองไปยังพ่อครัวเงาที่มีสภาพน่าอดสู ในใจก็รู้สึกยินดีปรีดาขึ้นมาทันที

“ใช้ให้ข้าทาสของตัวเองไปกระจายข่าว ทำเอาทั่วทั้งนครหลวงตกอยู่ในความโกลาหล สุดท้ายก็มีคนจัดการไอ้เวรนี่ได้เสียที คนแบบเจ้ามันต้องโดนเช่นนี้ถึงจะสาสม”

เซียวเหมิงดีใจกับการที่อีกฝ่ายถูกรุมสกรัมเป็นอันมาก

ทันใดนั้นกลิ่นหอมก็ลอยออกจากห้องครัวมาพร้อมไอประหลาดในอากาศ ทุกคนชะงักแล้วหันไปมองต้นทางของกลิ่นเป็นตาเดียว แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังแรงกล้า ดูเหมือนว่าอาหารของเถ้าแก่ปูใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว