บทที่ 205-2 สวี่ชีอัน ‘องค์หญิงคงใกล้จะได้รับข้อความอันคลุมเครือของข้าแล้ว’

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

บทที่ 205-2 สวี่ชีอัน ‘องค์หญิงคงใกล้จะได้รับข้อความอันคลุมเครือของข้าแล้ว’

สวี่ชีอันจึงพูดว่า “อักษรโม่ เมื่อแยกออกจากกันก็คือคำว่า ‘สีดำ’ และ ‘สุนัข’ และข้อมูลของถนนหวงป๋อก็คือเบาะแสที่โจวหมินทิ้งไว้ในอักษรปริศนาตัวแรก ข้าคิดว่าตอนนี้สามารถเชื่อมโยงได้แล้ว”

“เจ้าคิดว่ารหัสบ่งชี้ไปที่ตลาดสุนัข?” ซ่งถิงเฟิงขมวดคิ้ว “ถ้าเช่นนั้นคำว่าสีดำนี้หมายถึงอะไร แค่คำว่าสุนัขคำเดียว ก็ตัดสินว่ารหัสบ่งชี้ไปที่ตลาดสุนัข เป็นการตัดสินที่แคบเกินไปหน่อยหรือไม่”

“ข้ามีความคิดอย่างหนึ่ง” สวี่ชีอันยังพูดไม่ทันจบ ก็ออกไปตะโกนเรียกทหารประจำจุดพักเปลี่ยนม้า

“ใต้เท้าทั้งหลาย มีอะไรจะสั่งการหรือขอรับ?” ทหารประจำจุดพักเปลี่ยนม้าเอ่ย

“เจ้ารู้จักถนนหวงป๋อมากแค่ไหน” สวี่ชีอันเอ่ยถาม

“ถนนหวงป๋อหรือ ที่นั่นวุ่นวายมาก กลางวันจะค่อยยังชั่วหน่อย เงียบสงบดีขอรับ แต่พอตกค่ำที่นั่นจะจอแจมาก มีคนทุกประเภท ทั้งโจรขโมย ทั้งชาวยุทธ์ หรือแม้กระทั่งโจรจากข้างนอกก็ยังไปที่ถนนสายนั้น” ทหารประจำจุดพักเปลี่ยนม้าตอบ

ที่นั่นขายเนื้อสุนัข หรือเนื้ออะไรกันแน่…สวี่ชีอันเหยียดหยาม แล้วคิดหาคำตอบว่า “พวกโจรและชาวยุทธ์ไม่น่าจะไปที่นั่นเพียงเพื่อกินเนื้อสุนัขเท่านั้นกระมัง”

“ย่อมไม่ใช่อย่างแน่นอน ถนนหวงป๋อเบื้องหน้าขายเนื้อสุนัข แต่ความจริงแล้วเป็นตลาดมืด ขายของที่ให้ใครรู้ไม่ได้ ทำการค้าที่บอกใครไม่ได้” ทหารประจำจุดพักเปลี่ยนม้าอธิบาย

“เจ้าเคยไปตลาดมืดงั้นรึ?” สวี่ชีอันเอ่ยถาม

ทหารประจำจุดพักเปลี่ยนม้ามีสีหน้าละอาย พูดอ้ำอึ้งว่า “เคยไปซื้อเนื้อสุนัขเท่านั้นขอรับ”

แค่ไปซื้อเนื้อสุนัขทำไมต้องทำท่าทางเก้อเขินเหมือนถูกจับได้…สวี่ชีอันขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “พูดมาตามตรง”

ทหารประจำจุดพักเปลี่ยนม้าจึงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ข้าน้อยเคยไปเที่ยวโสเภณีที่ร้านซินหมายเลขหก การซื้อเนื้อสุนัขหมายถึงแบบนี้น่ะขอรับ”

เขายังเด็กเกินไป ไปเที่ยวโสเภณียังเหนียมอายไม่กล้าพูดเช่นนี้…ทั้งสามคนส่ายหน้าและถอนหายใจพร้อมกัน

“ซินหมายเลขหก?” สวี่ชีอันถามกลับ

“ร้านค้าในตลาดมืดตั้งชื่อตามระบบคำนวณเวลาในสมัยโบราณขอรับ” ทหารประจำจุดพักเปลี่ยนม้าที่อายุยังน้อยหน้าแดง รู้สึกเหมือนตัวเองถูกตัดสินลงโทษต่อหน้าสาธารณชน

สวี่ชีอันพยักหน้า “เข้าใจแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ”

เมื่อทหารประจำจุดพักเปลี่ยนม้าปิดประตูแล้วจากไป ได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆ ไกลออกไป สวี่ชีอันยักไหล่ “สถานการณ์ชัดเจนมาก สุนัขสีดำ หมายถึงตลาดมืดในนามตลาดเนื้อสุนัขนั่นเอง”

ส่วนเหตุใดเมืองไป๋ตี้จึงมีสถานที่เช่นนี้ ทำการค้าที่บอกใครไม่ได้ต่อหน้าทางการ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย แม้แต่ในเมืองที่ดีที่สุดในใต้หล้านยังมีตลาดมืดอยู่หลายแห่ง

ถนนหวงป๋ออยู่ไม่ไกลจากจุดพักเปลี่ยนม้า แต่ถือว่าเป็นเมืองชั้นนอก และไม่มีการห้ามออกจากบ้านตามเวลาที่กำหนดในตอนกลางคืน

“แล้วรหัสอื่น ๆ หมายถึงอะไร” ซ่งถิงเฟิงถามเองตอบเองว่า “น่าจะเป็นการบอกพวกเราว่า ไปตลาดมืดควรไปหาใคร หรือจะหาได้อย่างไร”

“ซึ่งคำตอบก็อยู่ในปฏิทินดาราศาสตร์” น้ำเสียงสวี่ชีอันเต็มไปด้วยความมั่นใจ

“เมื่อครู่พวกเราได้พิสูจน์แล้ว” จูกว่างเสี้ยวมองหน้าเขา

“ความคิดเรื่องปฏิทินดาราศาสตร์นั้นถูกต้อง แต่โจวหมินจะทิ้งร่องรอยสำคัญไว้ในของที่ทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิตได้อย่างไรน่ะหรือ” สวี่ชีอันกล่าว “เป็นปฏิทินดาราศาสตร์ของปีก่อน ไม่ใช่ของปีนี้ ”

“เป็นของปีไหน” จูกว่างเสี้ยวกล่าวเสียงขรึม

กว่างเสี้ยวเอ๋ย วันนี้เจ้าฉลาดสู้ถิงเฟิงไม่ได้เลย ปีก่อนมีมากมายขนาดนั้น ต้าฟ่ง สถาปนาประเทศมาตั้งหกร้อยปี จะหาปฏิทินดาราศาสตร์ให้ถูกเล่มก็เท่ากับงมเข็มในมหาสมุทรโดยไม่ต้องสงสัย โจวหมินไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้น ในเมื่อไม่ใช่ปฏิทินดาราศาสตร์ของปีนี้ ข้าเดาว่าปฏิทินดาราศาสตร์เล่มนั้นจะต้องมีความหมายที่ไม่ธรรมดาสำหรับเขา

“แน่นอนว่าปฏิทินดาราศาสตร์ไม่น่าจะมีความหมายพิเศษอะไร แต่ภายในปีจะต้องมีบางอย่าง เช่น เดือนปีเกิด วันแต่งงาน เป็นต้น ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นปฏิทินดาราศาสตร์เมื่อสิบสี่ปีก่อน เพราะนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการแต่งตั้งโจวหมินไปอวิ๋นโจว”

ปฏิทินดาราศาสตร์เก่าเมื่อสิบสี่ปีก่อน ตอนนี้จุดพักเปลี่ยนม้าก็ไม่มีแล้ว มีแต่ที่ทำการปกครองและคลังหนังสือที่ยังเก็บรักษาไว้ เพื่อไม่ให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ซ่งถิงเฟิงไม่ได้ไปที่ทำการปกครองแต่ไปที่คลังหนังสือแทน

เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยน้ำชา เขาก็ขี่ม้าและนำปฏิทินดาราศาสตร์กลับมา

สวี่ชีอันหากระดาษและพู่กันมากางออกวางบนโต๊ะ ครั้นนึกขึ้นได้ว่าลายมือของตัวเองไม่เอาไหน จึงผลักให้จูกว่างเสี้ยวออกไปเพื่อทำหน้าที่เขียนแทน

พวกเขาใช้วิธีก่อนหน้านี้ โดยใช้วิธี ‘อักษรตัวที่เท่าไหร่’ ในการถอดรหัส พบว่ายังคงไม่ถูกต้อง ตัวอักษรที่คัดลอกออกมาเป็นคนละเรื่องกัน

ต่อจากนั้นก็ใช้ ‘วิธีหมายเลขหน้า’ หน้าที่หนึ่งร้อยหกสิบสอง คือวันที่สิบสอง เดือนห้า เหมาะสำหรับการเปิดตลาด แต่งงาน เข้าบ้านใหม่ หรือออกเดินทาง

ข้อห้าม คือห้ามสวดมนต์ เปิดโกดัง ขุดบ่อน้ำ

“เปิดตลาด!” สวี่ชีอันจับข้อมูลสำคัญ “อาจจะให้พวกเราไปตลาดในตอนกลางคืนหลังจากที่ตลาดเปิดแล้ว”

คำพูดของเขาได้รับการเห็นด้วยจากซ่งถิงเฟิง

ต่อจากนั้นก็เป็นรหัสชุดที่สอง สามร้อยสี่สิบเจ็ด สี่ หนึ่ง สอง

สวี่ชีอันพลิกไปที่หน้าสามร้อยสี่สิบเจ็ด วันที่ในหน้านี้คือวันที่สิบห้า เดือนหนึ่ง เขากวาดสายตามองปฏิทินดาราศาสตร์ของวันนั้น ในที่สุดก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง ความคิดพลันสว่างโล่งขึ้นทันที พร้อมพูดว่า

“ข้าเข้าใจแล้ว! หนึ่งร้อยหกสิบสองและสามร้อยสี่สิบเจ็ดหมายถึงหมายเลขหน้า ส่วนสี่ หนึ่ง และสองหมายถึงลำดับคำ ถิงเฟิงเจ้าดูสิ คำที่สี่ หนึ่ง และสองของหน้านี้ เมื่อเชื่อมต่อกันแล้วคืออะไร”

ซ่งถิงเฟิงหรี่ตาและกล่าวว่า “ติง สิบห้า…”

เมื่อนึกถึงข้อมูลที่ทหารประจำจุดพักเปลี่ยนม้าเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ เขาโพล่งออกมาทันที “ร้านค้าในตลาดมืด ติงหมายเลขสิบห้างั้นหรือ?”

ปริศนาได้รับการคลี่คลายแล้ว…

สวี่ชีอันและซ่งถิงเฟิงรู้สึกโล่งใจ เอนหลังพิงเก้าอี้แล้วถอนหายใจยาว

จูกว่างเสี้ยวก็วางพู่กันลงเช่นกัน รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว

สวี่ชีอันเดินไปที่ข้างโต๊ะ เพ่งดูอีกครั้ง แล้วก็พูดด้วยท่าทางตกใจว่า “กว่างเสี้ยว ลายมือเจ้าน่าเกลียดมาก”

ซ่งถิงเฟิงวิ่งเข้าไปผสมโรง แล้วตะโกนว่า “ดูไม่ได้เลย ดูไม่ได้เลย…”

จูกว่างเสี้ยวไม่ยอมรับ “ลายมือของพวกเจ้าดีนักหรือ”

ซ่งถิงเฟิงพูดด้วยท่าทางเย่อหยิ่งว่า “ลายมือของข้าดีไม่ด้อยไปกว่าปัญญาชน สมัยข้ายังเป็นเด็ก เพื่อที่จะฝึกคัดลายมือ ข้ายอมประหยัดเงินเพื่อซื้อกระดาษและหมึก”

สวี่ชีอันกลับพูดว่า “สมัยยังเป็นเด็กครอบครัวของข้ายากจน เพื่อที่จะฝึกคัดลายมือ ข้าใช้พู่กันจุ่มน้ำฝึกคัดลายมือในลานบ้าน ฝึกฝนมายี่สิบปีแล้ว”

จูกว่างเสี้ยวเหลือบมองพวกเขาอย่างสงสัย แล้วยื่นพู่กันให้ “เช่นนั้นพวกเจ้าลองเขียนให้ข้าดูสักสองสามตัวเป็นไร”

สวี่ชีอันและซ่งถิงเฟิงหันหลังกลับพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งยังกอดคอกัน

“ไปก่อนล่ะ กลับห้องไปพักผ่อน การคัดตัวอักษรไม่ได้มีไว้โอ้อวด”

“ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน”

มองดูด้านหลังของทั้งสองคนที่จากไป จูกว่างเสี้ยวก็อ้าปากค้าง ก้มลงมองลายมือของตัวเอง แล้วตัดสินใจอย่างเงียบๆ ว่านับแต่นี้ต่อไปต้องเริ่มฝึกคัดลายมือ จะล้าหลังพวกเขาในกลุ่มเล็กๆ นี้ไม่ได้

เมื่อกลับมาถึงห้อง สวี่ชีอันก็ถอดรองเท้าแล้วก้าวขึ้นเตียงไปนั่งสมาธิ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะมีสภาพร่างกายและจิตใจที่ดีเมื่อไปตลาดมืดในคืนนี้

อาจเป็นเพราะสมองเหนื่อยล้าเกินไป เขาจึงไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้เป็นเวลานาน ความคิดแตกซ่านกระจัดกระจายอย่างควบคุมไม่ได้ ยากที่จะบังคับให้สงบลง

…เมื่อลองนับเวลาดู ฮว๋ายชิ่งและหลินอันคงใกล้จะได้รับจดหมายของข้าแล้วสินะ…หวังว่าจดหมายฉบับนั้นจะทำให้ฮว๋ายชิ่งเปลี่ยนความโกรธเป็นความสุขได้ ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าตัวเองไปล่วงเกินอะไรนางก็ตาม…ยายตัวร้ายจอมทึ่มคนนั้นจะต้องซาบซึ้งอย่างแน่นอน นางดูจีบง่ายกว่าฉู่ไฉ่เวยนักกินที่ไม่ประสีประสาเรื่องความรัก…

ส่วนองค์หญิงทั้งสองจะแลกเปลี่ยนจดหมายกันเป็นการส่วนตัวหรือถูกคนอื่นพบเห็นหรือไม่ สวี่ชีอันคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้

ประการแรก ฮว๋ายชิ่งและหลินอันนั้นไม่ลงรอยกัน จึงไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะแลกเปลี่ยนจดหมายกัน ยิ่งไปกว่านั้นจดหมายที่เขาเขียนมีเนื้อความค่อนข้างคลุมเครือ ผู้หญิงในยุคนี้รักเกียรติของตัวเองยิ่งสิ่งใด เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกเรื่องจดหมายประเภทนี้ให้ใครรู้

ประการที่สอง ฮว๋ายชิ่งและยายตัวร้ายต่างเป็นองค์หญิงที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว โตพอที่จะตั้งครรภ์ได้ มีอิสระและอำนาจที่จะรับหรือส่งจดหมาย จักรพรรดิและนางสนมจะไม่ทรงถาม ส่วนคนอื่นคงไม่กล้าเปิดจดหมายขององค์หญิงโดยพลการ

ดังนั้นเรื่องที่ฆ้องทองแดงเล็กๆ อย่างเขาจะเขียนจดหมายเนื้อความคลุมเครือถึงองค์หญิงทั้งสองพระองค์ จึงแทบไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะถูกเปิดโปง

สวี่ชีอันค่อยๆ มีสมาธิมากขึ้น

………………………………………………………