ภาพลักษณ์ภายนอกและท่าทีของเธอดูเรียบง่าย หากแต่มีพื้นฐานที่แข็งแรงและความสามารถในการสร้างสรรค์การแสดงที่แท้จริง
การแสดงของซิงหลานถูกผู้คนบนอินเทอร์เน็ตตัดต่อและแพร่สะพัดไปทั่ว
หากแต่สิ่งที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงกลับไม่ใช่เพราะความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการปรับรูปแบบการร้องของเธอ แต่เป็นเพราะเธอเป็นเพียงคนเดียวที่ผ่านเข้ารอบล่วงหน้าไปในรอบถัดไป
[ผู้เข้าแข่งขันหน้าตาธรรมดาๆ คนนี้ดูมีความสามารถดีนะ]
[ฉันกลับไปดูการแสดงของเธอในรอบก่อนหน้านี้ ความสามารถของเธอยังดูกลางๆ อยู่เลย แต่ครั้งนี้อยู่ๆ เธอก็เฉิดฉายขึ้นมาซะงั้น]
[เจ้าลูกเจี๊ยบนี้ดูเจ๋งดี เธอเซ็นสัญญากับเอเจนซี่ไหนหรือยังนะ]
เพราะมีคนมากมายให้ความสนใจกับการประกวดนี้ ซิงหลานจึงพอได้สัมผัสรสชาติของชื่อเสียง หากถังหนิงไม่เปลี่ยนชื่อหรือรูปลักษณ์ของเธอ อาจถูกจับได้ว่าเธอคือหลี่ซินแล้ว โชคดีที่ตอนนี้ภาพลักษณ์ใหม่นี้ทำให้คนจำเธอไม่ค่อยได้นัก
คืนนั้นหลินเฉี่ยนตัดสินใจฉลองให้กับซิงหลาน “ฉันสัญญากับคุณก่อนหน้านี้ว่าจะพาคุณไปเจอใครบางคนหลังจากคุณผ่านเข้ารอบหนึ่งร้อยคนสุดท้าย”
ซิงหลานรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าตอนประกวดเสียอีก จนในตอนนี้เธอเหงื่อออกเล็กน้อย
“เป็นอะไรไปเหรอคะ คุณกลัวเหรอ” หลินเฉี่ยนกลั้นขำระหว่างที่พวกเขาอยู่ในรถ “ฉันจะให้คำใบ้กับคุณให้ลองทายว่าคนคนนี้เป็นใคร จะได้ไม่ตกใจจนเกินไปนักเวลาเจอเธอ”
“เร็วสิคะ บอกฉันมาค่ะ”
“นางแบบ นักแสดงหญิง แต่งงานแล้ว”
“ไม่มีคำใบ้มากกว่านี้เหรอคะ” ซิงหลานกลอกตามองบนใส่อีกฝ่าย
หลินเฉี่ยนหัวเราะและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ไม่นานหญิงสาวทั้งสองคนก็มาถึงโรงแรมที่นัดกันไว้ เป็นจังหวะที่ถังหนิงเพิ่งมาถึงเช่นกัน ซิงหลานยืนอยู่ด้านหลังถังหนิง และทันทีที่เห็นเธอก็เอ่ยกระซิบกับหลินเฉี่ยน “เธอใช่ถังหนิงหรือเปล่าคะ ใช่นักแสดงที่ลาวงการไปเพราะเกี่ยวข้องกับการตายหรือเปล่าคะ”
“ทำไมถึงถามล่ะ” หลินเฉี่ยนถาม “คุณไม่ชอบเธอเหรอ”
“สำหรับคนอย่างฉัน เธอเป็นเหมือนดวงดาวที่เอื้อมไม่ถึงค่ะ ฉันชอบความคิดและวิธีจัดการเรื่องต่างๆ ของเธอ หนังของเธอก็ดีมากเลยค่ะ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่เก่งและยังตั้งใจทำงานด้วย ฉันว่าใครๆ ก็คงชอบเธอแหละค่ะ”
“โชคดีจังเลยนะคะ” หลินเฉี่ยนตอบกลับ
“ใครโชคดีเหรอคะ”
“ยินดีด้วยค่ะ เธอเป็นเจ้านายของคุณ” หลินเฉี่ยนเอ่ยพร้อมเปิดประตูเข้าไปในห้องที่ถังหนิงก้าวเข้าไปด้านในก่อนหน้าพวกเขา
ซิงหลานนิ่งอึ้งไปขณะที่ยืนงงอยู่หน้าประตู เธอรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในความฝัน หากแต่สิ่งที่รู้สึกกลับเหมือนจริงเมื่อเธอได้พบกับถังหนิงต่อหน้า
“เข้ามาสิ” ถังหนิงพูดกับหญิงสาวทั้งสองคน
ซิงหลานอยู่ในอาการตกตะลึง หญิงสาวแสนสง่างามคนนี้เป็นเจ้านายของเธอจริงๆ หรือนี่
ว่ากันตามจริงนี่ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินการคาดเดา จะว่าไปหลงเจี่ยเองก็ปรากฏตัวให้เห็นก่อนหน้านี้แล้ว หากแต่การที่ซิงหลานไม่รู้ก็พอจะเข้าใจได้เพราะไม่มีใครรู้ว่าหลงเจี่ยยังคงทำงานให้กับถังหนิงอยู่
“นะ…นั่น…”
“เธอเรียกฉันว่าพี่หนิงก็ได้” ถังหนิงเอ่ยกับซิงหลาน “ยินดีด้วยกับการผ่านเข้ารอบร้อยคนสุดท้ายนะ”
“ฉันไม่คาดฝันเลยว่า…” เมื่อซิงหลานมองถังหนิงใกล้ๆ รู้สึกว่าอีกฝ่ายสวยและอ่อนโยนกว่าที่เห็นผ่านหน้าจอเป็นร้อยเท่า
“เธอจะยืนอึ้งอยู่แบบนี้อีกนานไหมเนี่ย” ถังหนิงว่าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นจึงพูดกับซิงหลาน “การเข้ารอบร้อยคนสุดท้ายหมายความว่าหลี่ชั่นจะตามเล่นงานเธอหนักขึ้น เธอต้องเตรียมตัวที่จะถูกขุดคุ้ย ปัญหานั้น”
ปัญหานั้น…
…หมายถึงเรื่องที่ซิงหลานโดนใส่ความว่าเป็นหัวขโมย
พลันสีหน้าซิงหลานก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด “ฉันจะทำยังไงดีคะ”
“เธอแค่ต้องอดทนกับมันให้ได้ อย่ายอมแพ้เพราะเรื่องนี้ ที่เหลือจู้ซิงมีเดียจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง” ถังหนิงตอบ “เธอไม่มีทางเลือกนอกจากเผชิญหน้ากับมัน แม้ว่ามันจะบั่นทอนใจของเธอก็ตาม ทำได้ใช่ไหม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าล้มเลิกเด็ดขาด”
ซิงหลานมองถังหนิงอยู่ครู่หนึ่ง
พระเจ้าช่วย นี่คือเจ้านายของเธอสินะ
คิดได้ดังนั้น ความหวาดกลัวของเธอก็ลดลงไปครึ่งหนึ่ง แม้ซิงหลานจะไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสเอาคืน
หลี่ชั่นเมื่อไร สำหรับถังหนิงแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายๆ เหมือนกับการบี้มดไม่ใช่หรือ
“ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณค่ะ”
“การเข้ารอบร้อยคนสุดท้ายหมายความว่าการแข่งขันของเธอเพิ่งจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ อย่าประมาท เธอจะทำพลาดไม่ได้เด็ดขาด”
ในเวลานี้ซิงหลานไม่รู้ถึงความกดดันที่ถังหนิงกำลังเผชิญหน้าอยู่ เธอคิดแค่ว่าถังหนิงตั้งความหวังกับเธอไว้สูงเท่านั้น จึงสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าจะต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้ เพื่อไม่ให้โอกาสครั้งที่สองที่ถังหนิงมอบให้ต้องสูญเปล่า
หญิงสาวทั้งสามคนทานอาหารและพูดคุยกันอย่างถูกคอ ก่อนถังหนิงจะได้รับสายด่วนจากประธานโม่กลางดึก
“หลินเฉี่ยน ดูแลซิงหลานด้วยล่ะ ฉันต้องกลับบ้านก่อน ใครบางคน กำลังรอฉันอยู่ด้านล่าง”
“โอเคค่ะ พี่หนิง”
“หลินเฉี่ยน ใครบางคน หมายถึงประธานโม่เหรอคะ” ซิงหลานถามด้วยความสงสัย
หลินเฉี่ยนเหลือบมองเธอ “จะเป็นใครไปได้อีกล่ะคะ ความปลอดภัยของพี่หนิงเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวของประธานโม่อยู่แล้วค่ะ”
“น่ารักจังเลยนะคะ…”
…
เป็นไปตามที่ถังหนิงคาดการณ์ไว้ ความตั้งใจของหลี่ชั่นตอนนี้คือการเปิดเผยเรื่องหัวขโมยในอดีตของซิงหลานกับสาธารณชน
เธอไม่ได้แค่ตั้งใจจะก่อเรื่องระหว่างการประกวด แต่ยังโน้มน้าวพ่อแม่ตัวเองให้ร่วมมืออีกด้วย เธอแค่ต้องการมั่นใจหลังจากมีแผนรับรองสองชั้น
จากนั้นหลี่ชั่นเล่าแผนของตัวเองให้ผู้จัดการของเธอฟัง ทว่าอีกฝ่ายกลับเป็นกังวลเพราะคำเตือนของหลงเจี่ยที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้
“ทำไมเธอไม่ปล่อยให้นังนั่นประกวดไปล่ะ เธออาจจะไม่ชนะก็ได้ ถ้าเธอทำตัวเป็นศัตรูกับไห่รุ่ย อนาคตของเธอจบไม่สวยแน่ ต่อให้พี่สาวเธอได้แจ้งเกิดแต่ก็ไม่มีทางดังเท่าเธอหรอก”
“ไม่ เธอไม่รู้จักพี่สาวของฉัน เธอมีความสามารถจริงๆ ถ้าเราไม่หยุดเธอไว้เหมือนเมื่อสามปีก่อน เธอต้องชนะอย่างแน่นอน”
หลี่ชั่นไม่ได้พูดเกินจริงไปเลย “ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเธอผ่านเข้ารอบร้อยคนสุดท้ายไปได้ยังไง ระหว่างเราสองคน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะรอด ฉันไม่มีทางเลือก”
ผู้จัดการของเธอสูดหายใจลึกก่อนพยักหน้ารับ “โอเค เราจะทำตามที่เธอบอก แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเธอทำไม่สำเร็จ เธอต้องเลิกซะไม่อย่างนั้นเธอได้ทำลายตัวเองในท้ายที่สุดแน่”
หลี่ชั่นพยักหน้ารับ เธอมั่นใจว่าซิงหลานไม่มีทางทนความเจ็บปวดจากเรื่องนี้ได้แน่ เธอเป็นคนทะเยอทะยานแต่เรื่องนี้จะตราหน้าว่าเธอเป็นหัวขโมย
แต่ทว่าหลี่ชั่นยังชั่วช้าได้มากกว่านั้น เพื่อรับประกันว่าแผนของเธอจะสำเร็จจึงต่อสายหาพ่อแม่ของเธอ “พ่อคะ พี่กำลังเข้าร่วมการประกวดค่ะ ถ้าข่าวที่เธอเป็นหัวขโมยถูกเปิดเผยขึ้นมา อะไรจะเกิดขึ้นกับศักดิ์ศรีตระกูลของเราล่ะคะ…
“พ่อกับแม่ไปห้ามเธอดีกว่านะคะ ไม่อย่างนั้นหนูก็จะเสียชื่อไปด้วย หนูมีคู่แข่งเยอะแยะถ้าพวกเขารู้ว่าพี่สาวขี้ขโมยเสนอหน้าออกมา หนูต้องติดร่างแหไปด้วยแน่ๆ ค่ะ”
หลังจากได้ยินดังนั้น คุณพ่อหลี่ก็แทบจะหัวใจวาย “นังนี่พยายามฆ่าฉันด้วยความโกรธหรือยังไง พ่อจะไปพูดกับเธอเอง”
“ตอนนี้เธอมีผู้จัดการที่เก่งมากๆ อยู่ค่ะ ระวังด้วยนะคะ” หลี่ชั่นเตือนด้วย ความหวังดี
“ไม่ต้องห่วง ชั่นเอ๋อร์ พ่อรู้ว่าต้องทำยังไง…”
…