จตุรัสจ้งเทียนยังคงเต็มไปด้วยผู้คน เพื่อให้ได้สถานที่เหมาะๆ ในการรับชมการประลอง หลายคนจึงรีบมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนเพื่อจับจองพื้นที่
วันนี้เป็นวันที่ 2 ของงานประลองมณีสวรรค์ หลังจากผ่านการต่อสู้รอบแรกไปแล้ว ประชาชนและผู้ชมต่างรู้สึกตื่นเต้นและกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น
อาณาจักรจ้งเทียนไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชม แต่พวกเขาได้ออกกฏไม่ให้มีการตั้งโต๊ะรับพนันอย่างเคร่งครัดและจัดหอพนันขึ้นอย่างเป็นทางการโดยเฉพาะ โดยธุรกิจนี้ทางการเป็นคนควบคุมดูแลเอง ผู้คนในเมืองจ้งเทียนมีกี่คนกันน่ะหรือ? มีอย่างน้อยสิบล้านคนน่ะสิ! และการเดิมพันนี้ก็ดึงดูดผู้คนจำนวนมาก; ไม่ใช่แค่กับประชาชนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงขุนนางและพวกคหบดีผู้มั่งมีด้วย นี่เป็นการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรจ้งเทียนซึ่งเกิดขึ้นทุกๆ 3 ปี
นอกจากนี้ อาณาจักรจ้งเทียนยังถือว่าค่อนข้างใจกว้าง พวกเขาไม่อนุญาตให้มีการเดิมพันสำหรับรอบแรกของการแข่งขัน ทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับกลุ่มที่ตนจะวางเดิมพันได้ดียิ่งขึ้น การเดิมพันครั้งแรกจึงเริ่มตั้งแต่รอบที่ 2 เป็นต้นไป ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้คนมาเยือนที่นี่เพื่อรับชมจำนวนมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับรอบแรก ทั้งจตุรัสอัดแน่นไปด้วยผู้ยาวเหยียดไปจนถึงใจกลางเมือง เพื่อรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ได้ให้ทหารหลายร้อยคนประจำการเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย มีหอพนันเกือบ 3,000 แห่งกระจายอยู่ทั่วเมืองจ้งเทียน อำนวยความสะดวกให้ผู้คนสามารถเข้าไปวางเดิมพันได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ในความเป็นจริงมีหอพนันตั้งอยู่ทั่วอาณาจักรจ้งเทียน ไม่ใช่แค่ในเมืองหลวงจ้งเทียนเท่านั้น!
โจวเหว่ยชิง หลินเทียนอ้าว อู่หยาและเย่เป่าเปาออกจากโรงเตี๊ยมในช่วงเช้าตรู่ ทันทีที่พวกเขารู้ว่าหอพนันเปิดให้บริการ ทุกคนก็เอาเงินออมทั้งหมดไปวางเดิมพันข้างกลุ่มของตัวเองโดยไม่ลังเล
วันนี้คู่ต่อสู้ของกลุ่มนักรบเฟยหลี่คือกลุ่มนักรบเตี่ยเซิง และอัตราต่อรองของกลุ่มนักรบเฟยหลี่คือ 1 ต่อ 1.3 ส่วนอัตราต่อรองของกลุ่มนักรบเตี่ยเซิงคือ 1 ต่อ 3 กล่าวคือถ้าเดิมพัน 10 เหรียญทองข้างกลุ่มนักรบเฟยหลี่และชนะ คนๆ นั้นจะได้รับเหรียญทอง 13 เหรียญ (สรุปคือได้กำไร 3 เหรียญทอง) แต่ถ้าหากเดิมพันข้างกลุ่มนักรบเตี่ยเซิงและชนะ ผลตอบแทนจะเป็น 30 เหรียญทอง (กำไร 20 เหรียญทอง!)
ดูจากสิ่งนี้ ความแตกต่างระหว่างอัตราต่อรองยังเป็นการบ่งบอกความแข็งแกร่งของแต่ละกลุ่มอีกด้วย
โจวเหว่ยชิงขายม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางที่เหลือทั้งหมดเพื่อที่จะหาเงินให้ได้มากที่สุด และเขาก็ได้เงินมาทั้งหมด 400,000 เหรียญทอง นั่นเป็นข้อดีของการเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ หลังจากผ่านไประดับหนึ่ง เขาจะไม่ขาดแคลนเหรียญทองอีกต่อไป
เมื่อเทียบกับโจวเหว่ยชิง คนที่เหลือไม่ได้ร่ำรวยมากนัก นอกจากเย่เป่าเปาแล้ว เงินของคนที่เหลือรวมเข้าด้วยกันแล้วยังแทบจะไม่ถึง 200,000 เหรียญทองด้วยซ้ำ แน่นอนว่าสำหรับเย่เป่าเปานั้น ในฐานะลูกชายของอัครมหาเสนาบดี เขาได้พกเงินติดตัวมา 500,000 เหรียญทองอย่างไม่ได้ตั้งใจ!
ผู้เข้าแข่งขันมีหอพนันเป็นของตัวเองอยู่ข้างๆ พื้นที่ลานประลอง และพวกเขาไม่จำเป็นต้องต่อคิวเหมือนคนอื่นๆ สมาชิกในกลุ่มจึงรีบวางเดิมพันและมุ่งหน้าไปที่เรือนพักของพวกเขาทันที
เย่เป่าเปากล่าวอย่างค่อนข้างเศร้าหมอง “ถ้าข้ารู้เรื่องการเดิมพัน ข้าจะนำเงินมามากกว่านี้แน่ๆ ดูสิ ข้านำเงินมาแค่ 500,000 เอง”
หลินเทียนอ้าวมองไปที่เย่เป่าเปาอย่างหมดคำพูด ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมาในที่สุด “เจ้าบ่นว่าเงิน 500,000 น้อยเกินไปงั้นหรือ? ข้านำเหรียญทองมาเพียง 20,000 เหรียญ และนั่นก็คือเงินออมชีวิตของข้า ส่วนใหญ่คือเงินรางวัลที่ได้มาจากการทำงานหนักในโรงเรียน พวกขุนนาง…คนที่ได้รับอาหารอย่างดีๆ ย่อมไม่รู้ว่าผู้อดอยากต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน”
โจวเหว่ยชิงไม่ได้คิดมากกับการเดิมพัน แม้ว่าเงินจะสำคัญ แต่ตอนนี้งานประลองและการต่อสู้ก็สำคัญสำหรับเขามาก เขากล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางจริงจังอย่างหาได้ยาก “วันนี้ข้าจะเป็นคนแรกที่ขึ้นไปต่อสู้” ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายและอัตราการฟื้นฟูของเขา เขาจึงกลับมามีร่างกายสมบูรณ์พร้อมหลังจากฝึกอย่างหนักหน่วงได้อย่างรวดเร็ว และในช่วงเวลานั้น อาการบวมบนใบหน้าก็ลดลงพอดีด้วย
หลินเทียนอ้าวพยักหน้าและกล่าวว่า “เอาล่ะ งั้นเจ้าออกไปสู้ก่อน ส่วนอู่หยาเป็นคนถัดไป รอดูผลการประลอง 2 ครั้งแรกก่อนค่อยตัดสินใจว่าใครจะขึ้นไปต่อสู้แบบคู่รอบที่ 3 ส่วนข้าจะลงมือเมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น”
โจวเหว่ยชิงถามว่า “หัวหน้า ร่างกายของท่านฟื้นกลับมามากเท่าไหร่แล้ว?”
หลินเทียนอ้าวกล่าวว่า “ข้าฟื้นพลังได้ประมาณ 8 ใน 10 ส่วนแล้ว แม้ว่าวันนั้นข้าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ข้าก็ยังมีสภาพดีกว่าขี้เมาเป่า สี่น้อยเพียงแค่เหนื่อยเกินไป เขาจึงน่าจะฟื้นตัวในไม่ช้า ส่วนขี้เมาเป่าน่าจะฟื้นตัวได้ 7 ใน 10 ส่วนแล้ว แต่เซียวเอี๋ยนอาจฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก เพราะเขาได้เผาผลาญพลังชีวิตไปอย่างหนักหน่วงและตอนนี้เขาฟื้นฟูได้เพียงแค่ 6 ใน 10 ส่วนเท่านั้น รอบต่อไปที่เราจะต้องเผชิญหน้ากับอาณาจักรป่ายต้า ถ้าเป็นไปได้ เราควรพยายามอย่าให้เขาและขี้เมาเป่าทะเลาะกันจะดีที่สุด”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะหลับตาลง เมื่อเผชิญกับการต่อสู้ตรงหน้า เขากลับสงบนิ่งมาก นั่งอยู่อย่างเฉยเมยราวกับไม่สนใจโลก ไม่สนใจการต่อสู้อื่นๆที่กำลังเริ่มขึ้นเบื้องหน้าเขา เนื่องจากตอนนี้โจวเหว่ยชิงยังคงดื่มด่ำกับสิ่งที่เขาเพิ่งรับรู้เกี่ยวกับทักษะกระชากมิติ ราวกับเป็นรางวัลที่ได้รับหลังจากผ่านการฝึกที่หนักหน่วงมาถึง 2 วันเต็ม เขากำลังเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงในแบบของตัวเอง เตรียมร่างกายให้พร้อมอยู่ในสถานะสูงสุด วันนี้ไม่ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นใคร แม้ว่าอาจจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 5 มณีอีกคน เขาก็จะไม่หันหลังหนีอีกต่อไป เขาเชื่อว่าซ่างกวนเทียนเยว่จะส่งคนมาติดตามดูความคืบหน้าของเขา และเขาก็ต้องการพิสูจน์ตัวเองกับพ่อตาในอนาคตว่าเขามีพลังมากเพียงพอจะแต่งงานกับปิงเอ๋อร์
เมื่อเสียงโห่ร้องจากผู้ชมดังขึ้น ในที่สุดงานประลองมณีสวรรค์วันที่ 2 ก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เช่นเดียวกับวันแรก การต่อสู้รอบแรกเป็นกลุ่มตัวเต็งทั้งหมด และวันนี้ก็เป็นเหมือนเคย คู่ต่อสู้ของพวกเขาทั้งหมดเลือกที่จะยอมแพ้โดยไม่มีการขึ้นไปต่อสู้
ในรอบคัดเลือก ระบบการเดิมพันของทางการมีวิธีเฉพาะในการจัดการกับกลุ่มตัวเต็ง ก่อนอื่นคือในช่วงเวลานี้กลุ่มที่เผชิญหน้ากับกลุ่มตัวเต็งต้องตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการจะยอมแพ้หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น คนนอกสามารถเดิมพันได้ว่าพวกเขาจะยอมหรือไม่ โดยมีอัตราต่อรอง 1 ต่อ 2 แน่นอนว่ากลุ่มที่เป็นผู้เลือกไม่สามารถวางเดิมพันได้ หากพวกเขาพยายามทำกำไรจากสิ่งนี้ ไม่เพียงแต่จะถูกตัดสิทธิ์จากงานประลอง พวกเขายังจะถูกขึ้นบัญชีดำและไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงานประลองต่อไปในอนาคต ดังนั้นจึงไม่มีอาณาจักรใดยอมเสี่ยงเพียงเพื่อกำไรจากการเดิมพันรอบเดียว ไม่ต้องพูดถึงความเสี่ยงในการมีปัญหากับอาณาจักรจ้งเทียนและผลลัพธ์ที่อาจเลวร้ายยิ่งกว่านั้นด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าหากกลุ่มนั้นเลือกที่จะไม่ยอมแพ้จริงๆ และขึ้นไปต่อสู้ การเดิมพันก็จะเปลี่ยนไป อัตราต่อรองของกลุ่มตัวเต็งจะเป็น 1 ต่อ 0.001 ในขณะที่กลุ่มตรงข้ามจะเป็น 1 ต่อ 100! กล่าวคือ แม้ว่าจะมีคนเดิมพันในกลุ่มตัวเต็งและชนะ แต่เงิน 1,000 เหรียญทองก็จะทำให้เขาได้รับกำไรเพียงเหรียญเดียว ด้วยอัตราดังกล่าว แทบไม่มีใครเลือกที่จะเดิมพันข้างพวกเขา ในความเป็นจริง ในกรณีเช่นนี้หลายคนอาจจะวางเงินจำนวนเล็กน้อยในกลุ่มที่ใม่ใช่กลุ่มตัวเต็ง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ด้วยอัตราต่อรอง 1-100 การเดิมพันเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล!
แน่นอนว่าวิธีการเดิมพันแปลกๆ เช่นนี้มีไว้สำหรับรอบอุ่นเครื่องเท่านั้น เมื่อการแข่งขันเข้าสู่รอบ 8 อันดับแรก อัตราต่อรองจะถูกจัดเรียงใหม่
การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้รอบแล้วรอบเล่าก็ผ่านพ้นไป สมาชิกในกลุ่มเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลลำดับต้นๆของอาณาจักรที่พวกเขาจากมา และพวกเขาทั้งหมดก็ต่อสู้อย่างสุดความสามารถ ตั้งแต่รอบแรกจนถึงตอนนี้ ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป ไม่มีม้ามืดปรากฏขึ้นสวนทางกับความคิดของคนส่วนใหญ่แม้แต่กลุ่มเดียว กว่าจะถึงเวลาที่สายที่ 3 และกลุ่มนักรบเฟยหลี่จะได้ออกไปต่อสู้ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในช่วงเช้า และจะมีเวลาหยุดพักก่อนที่การต่อสู้ที่เหลือจะกลับมาแข่งอีกครั้งในช่วงบ่าย
“เหว่ยชิง…ตาพวกเราแล้ว!” หลินเทียนอ้าวตบไหล่โจวเหว่ยชิงเบาๆ
โจวเหว่ยชิงลืมตา ลุกขึ้นจากที่นั่งและยืดตัวก่อนจะเดินไปที่เวที
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเขา หลินเทียนอ้าวก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่าง หลังจากที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ถูกครอบครัวพาตัวไป โจวเหว่ยชิงก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ลักษณะนิสัยของเขา ในอดีตเขาดูเป็นคนประเภทไร้ยางอายและเจ้าเล่ห์ซุกซนมาโดยตลอด แม้กระทั่งปฏิบัติต่อสิ่งต่างๆ อย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้เขาดูเคร่งขรึมและหนักแน่นมาก ในบรรดาสมาชิกในกลุ่มทั้งหมด หลินเทียนอ้าวอาจเป็นคนเดียวที่รู้ว่าโจวเหว่ยชิงทรงพลังแค่ไหน เพราะถึงอย่างไรเขาก็ได้เห็นพลังของไพฑูรย์ตาแมวสองสีของโจวเหว่ยชิงมาแล้ว! ไม่เพียงแค่นั้น เขายังมีศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า ดังนั้นจะนับประสาอะไรกับจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 มณีทั่วๆ ไป แม้แต่จ้าวมณีสวรรค์ระดับ 4 มณีก็ยากที่จะเอาชนะเขาได้ ตราบใดที่โจวเหว่ยชิงไม่ได้เผชิญหน้ากับจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 5 ชุด เขาก็ยังมีโอกาสสูงที่จะชนะ แน่นอนว่าแม้จะต้องต่อสู้กับจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 5 ชุด ศัตรูที่โจวเหว่ยชิงหวาดกลัวที่สุดก็คงจะเป็นเพียงบุคคลที่มีมณีประเภทป้องกันขั้นสูงสุดเช่นหลินเทียนอ้าว เพราะความแตกต่างของระดับพลังมีมากเกินไปนั่นเอง
โจวเหว่ยชิงเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างช้าๆ และเมื่อเขาขึ้นไปถึงบนเวที คู่ต่อสู้ของเขาก็ยืนรออยู่ที่นั่นแล้ว
“กลุ่มนักรบเฟยหลี่ โจวเหว่ยชิง”
“กลุ่มนักรบเตี่ยเซิง ลี่ฉวน”
ด้วยคำประกาศจากผู้ตัดสิน การต่อสู้จึงเริ่มขึ้นทันที
ฉับพลันนั้นหยกอำพัน 4 ดวงก็ปรากฏขึ้นรอบข้อมือของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าลี่เฉิง เขามีรูปร่างสมส่วน อายุประมาณ 20 ต้นๆ ทันทีที่เสียงตะโกนของผู้ตัดสินดังออกมา เขาก็พุ่งตัวไปข้างหน้า ราวกับว่าใช้เท้าไถลไปกับพื้นเพื่อมุ่งเข้าหาโจวเหว่ยชิง
ในงานประลองวันแรก แม้โจวเหว่ยชิงไม่ได้เฝ้าดูการต่อสู้ของคนอื่นๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นไม่ได้ดูหรือสังเกตเห็นเขา แม้ว่าพวกเขาจะแพ้ในการต่อสู้แบบคู่ แต่สำหรับกลุ่มนักรบเตี่ยเซิงนั้น การมีส่วนร่วมของโจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้ถูกละเลยไป แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุด ทักษะการยิงธนูของเขาก็มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นทันทีที่ลี่ฉวนเห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือโจวเหว่ยชิง เขาก็ไม่ลังเลและตัดสินใจที่จะใช้การต่อสู้ระยะประชิดทันที เพราะเขาเป็นจ้าวมณีประเภทความยืดหยุ่นและเขาก็เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้จุดแข็งของตนเองที่คิดว่าเป็นจุดอ่อนของโจวเหว่ยชิงเข้าต่อสู้
ในขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้า มือซ้ายของลี่ฉวนก็เหวี่ยงไปในทิศที่โจวเหว่ยชิงยืนอยู่ ในเวลาเดียวกันกงจักรวายุทั้ง 7 ก็พุ่งออกไปหาอีกฝ่ายทันที กงจักรวายุพลันแยกตัวออกจากกันคล้ายดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานกลางอากาศ จากนั้นแต่ละกลีบก็กระจายตัวกันพุ่งโค้งออกไปหาโจวเหว่ยชิงในมุมอับสายตาทั้ง 7 มุม
นี่เป็นการแสดงฝีมือควบคุมทักษะกักเก็บที่ยอดเยี่ยม และกว่าเขาจะสามารถควบคุมได้ดีเช่นนี้ แสดงว่าลี่ฉวนต้องใช้เวลาและความพยายามไปกับทักษะระดับต่ำทักษะนี้อย่างหนักหน่วง
โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่ค่อยชำนาญในแง่ของการควบคุมและใช้งานทักษะกักเก็บของพวกเขา นั่นเป็นเพราะในช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ พวกเขามุ่งความสนใจไปที่การฝึกทักษะยิงธนูเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พวกเขาจึงได้เรียนรู้ทักษะการยิงธนูและวิธีการลอบสังหารที่น่าทึ่งมากมาย ทว่าเพราะไม่มีสมาชิกหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์คนใดเป็นจ้าวมณีสวรรค์เลย ดังนั้นในแง่ของวิธีการฝึกของจ้าวมณีสวรรค์ พวกเขาจึงไม่อาจให้คำแนะนำคนทั้งคู่ได้มากนัก
หากเป็นโจวเหว่ยชิงเมื่อ 3 วันก่อน ถ้าต้องเผชิญกับการโจมตีเช่นนี้ เขาอาจจะใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาเพื่อหลบกงจักรวายุ ตามด้วยการโจมตีสวนกลับโดยใช้ทักษะของเขาที่มีทั้งจำนวนและคุณภาพเหนือกว่าในการกำราบศัตรู บางทีเขาอาจจะชนะด้วยทักษะควบคุมบางชนิดก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงในตอนนี้ไม่ใช่โจวเหว่ยชิงคนเดิมอีกต่อไป 3 วันที่เขาได้เรียนรู้และความเข้าใจสิ่งต่างๆ ไม่เพียงแต่ทำให้เขาเข้าใจเกี่ยวกับทักษะกระชากมิติได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังรวมถึงการควบคุมทักษะต่างๆ ด้วย
ในเวลาต่อมา มือซ้ายของเขาก็วาดวงกลมเล็กๆ ขึ้นกลางอากาศ แสงสีเงินสลัวๆ ก็ค่อยๆ สว่างวาบขึ้นขณะที่วงกลมสีดำซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีเงินปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา