บทที่ 201 ความวุ่นวายในวงการใต้ดิน

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

ในขณะที่หวังเหยียนและลูกน้องของเขาอีกหลายคนกำลังตกตะลึงกับภาพที่เห็น จู่ ๆ ใครบางคนตะโกนขึ้นทักดึงสติพวกเขากลับมา

“นั่นใครน่ะ!?”

หวังเหยียนหันไปมองเจ้าของเสียงทันทีซึ่งก็คือหนึ่งในลูกน้องของเขาที่กำลังชี้นิ้วไปที่มุมห้องโถงอีกด้านหนึ่งด้วยสีหน้าประหม่า

ที่มุมห้องจุดที่ลูกน้องของเขาชี้ หวังเหยียนสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนกำลังนั่งคุดคู้ตัวสั่นอยู่!

เมื่อเห็นเช่นนี้ หวังเหยียนและลูกน้องคนอื่น ๆ ของเขาค่อย ๆ เดินเข้าไปหาชายที่กำลังนั่งอยู่มุมห้อง

“ม…ม..ม…ไม่! อย่าทำผมเลย ๆ ผมขอโทษ ๆ ๆ ม….ม..ไม่ ฮือ…!”

“นั่นมันเฉินซิว…ลูกน้องคนสนิทของหยวนหลงนี่นา!”

เมื่อเข้าไปใกล้ ทุกคนก็เพิ่งจะรู้ว่าอีกฝ่ายคือเฉินซิว!

หวังเหยียนและพรรคพวกไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่พวกเขาได้เห็นเฉินซิวผู้โชกโชนในวงการใต้ดินต้องมามีสภาพน่าสังเวชแบบนี้

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะกลายเป็นคนเสียสติไปเรียบร้อยแล้ว!

หวังเหยียนขมวดคิ้วแน่นมากกว่าเดิม จากนั้นเขาก็มองดูร่องรอยความเสียหายทั่วห้องโถงซึ่งเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่ากำแพงรอบด้านมีแต่รอยแตกร้าว เสาบางต้นถึงกับหักเลยด้วยซ้ำ!

“นี่…อวี้ฮ่าวหรานแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?!”

หวังเหยียนพึมพำกับตัวเองอย่างลืมตัว

ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งจนคนในวงการใต้ดินให้การยอมรับว่าเป็นอันดับต้น ๆ แต่เขาก็มั่นใจว่าตัวเขาเองไม่มีทางสร้างความหวาดกลัวจนเฉินซิวเสียสติได้แบบนี้และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสร้างความเสียหายให้กับสิ่งก่อสร้างจนเละเทะขนาดนี้เขายิ่งทำไม่ได้

“ผ..ผ..ผมไม่กล้าแล้ว ๆ ด..ได้โปรดอย่าฆ่าผม…ได้โปรด!”

เฉินซิวยังคงร้องไห้เสียสติอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างก็ถอนหายใจอย่างเวทนา

“ลูกพี่หวัง ในเมื่อเฉินซิวเป็นแบบนี้ไปแล้วถ้างั้นพวกเราควร…”

หนึ่งในลูกน้องของหวังเหยียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับแสดงท่าทางปาดลำคอ

หวังเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจส่ายหัวปฏิเสธไป

สาเหตุที่เขาไม่ใช้โอกาสนี้ฆ่าอีกฝ่ายเป็นเพราะเขากำลังนึกถึงความตั้งใจของอวี้ฮ่าวหราน ในเมื่อเฉินซิวยังคงมีชีวิตอยู่ทั้ง ๆ ที่คนอื่น ๆ ตายไปหมดแล้วมันก็แปลว่าอวี้ฮ่าวหรานจงใจไว้ชีวิตเอาไว้

เขาไม่ต้องการทำอะไรที่ขัดต่อความตั้งใจของอวี้ฮ่าวหราน เขาไม่ต้องการทำให้อีกฝ่ายโมโห!

มีแต่คนปัญญาอ่อนเท่านั้นที่กล้ายั่วยุอวี้ฮ่าวหราน ผู้ที่สามารถสร้างความวินาศได้ถึงระดับนี้!

“ไปกันเถอะ พวกเรารีบกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้กับหัวหน้าแก็งค์ฟังกันดีกว่า” หลังจากตัดสินใจแล้ว หวังเหยียนก็มองไปรอบ ๆ อีกครั้งหนึ่งด้วยแววตาเคร่งเครียดก่อนที่จะเดินออกไป

ก่อนเขาจะมาที่นี่ ชายหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเห็นภาพที่ไม่ต่างอะไรกับนรกบนดินแบบนี้!

เหตุการณ์ในวันนี้มันย่อมส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ตามมาอีกแน่นอน

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ณ ร้านน้ำชาไม่ไกลออกไปเท่าไหร่นัก

“นี่พวกแกพูดเรื่องจริงงั้นเหรอ!”

น้ำเสียงที่ตื่นตระหนกชัดเจนเล็ดลอดออกมาจากห้องvipห้องหนึ่งของร้านน้ำชา

ในห้องvip โจวเฟยหู่ยืนขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึงและที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ หวังเหยียนกำลังยืนแสดงสีหน้าเคร่งเครียด

“เป็นความจริงครับหัวหน้า ผมเห็นทุกอย่างด้วยตาตัวเอง จากที่ผมนับดูคร่าว ๆ จากชิ้นส่วนอวัยวะที่กระจัดกระจายไปทั่วห้อง คนที่ตายในนั้นน่าจะมีไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบถึงร้อยคน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! นี่เป็นผลดีกับเราจริง ๆ! หวังเหยียน! แกทำผลงานได้วิเศษมากคราวนี้ฉันสัญญาว่าฉันจะตอบแทนแกอย่างงาม!”

เมื่อได้รับคำยืนยัน โจวเฟยหู่ก็ตบโต๊ะพร้อมกับหัวเราะอย่างสะใจ

อย่างไรก็ตาม หวังเหยียนไม่อยากจะเอาหน้ามากเกินไปจากเรื่องนี้เพราะเขาแทบไม่ได้ทำอะไรเลย ดังนั้นเขาจึงก้มหัวและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“หัวหน้าไม่ต้องให้รางวัลใด ๆ กับผมหรอก ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากโทรไปบอกข่าวกับอวี้ฮ่าวหราน เอาไว้คราวหน้าที่ผมสร้างผลงานด้วยมือตัวเองจริง ๆ หัวหน้าค่อยตบรางวัลให้ผมจะดีกว่า”

“เอาน่า ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องตบรางวับให้แกเพราะถ้าไม่ใช่แก อวี้ฮ่าวหรานก็คงไม่ไปที่นั่นและลดจำนวนคนของแก็งค์มังกรครามให้กับเราไปถึง 100 คน ฮ่า ๆ ถ้าแบบนี้ไม่เรียกว่าสร้างผลงานก็คงไม่ได้แล้ว!”

โจวเฟยหู่เดินยิ้มแฉ่งเข้ามาตบไหล่หวังเหยียนด้วยสีหน้าพึงพอใจ

“เอ่อ…เอาแบบนั้นก็ได้หัวหน้า ว่าแต่ตอนนี้ให้ผมเรียกระดมคนของเราเข้ายึดพื้นที่ของเฉินซิวเลยดีไหม?”

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หวังเหยียนก็วางแผนอื่น ๆ เอาไว้ในใจมากมาย

“ฮ่า ๆ แน่นอน! ด้วยการสูญเสียเฉินซิวและคนไปอีกร้อยคนมันก็หมายความว่าแก็งค์มังกรครามอ่อนแอลงไปอีก 1ใน5 เราต้องฉวยโอกาสนี้เอาไว้!”

โจวเฟยหู่หัวเราะชอบใจ วันนี้เป็นวันที่เขามีความสุขมากที่สุดในรอบปี จู่ ๆ แก็งค์ศัตรูก็อ่อนแอลงถึงหนึ่งในห้าโดยที่คนของเขาแค่เพียงโทรออกไปแค่สายเดียว นี่มันไม่ต่างอะไรกับการถูกหวยรางวัลใหญ่!

หลังจากวางแผนกันอีกพักหนึ่ง โจวเฟยหู่ก็ออกคำสั่งให้ระดมคนของแก็งค์เข้ายึดพื้นที่ของแก็งค์มังกรครามบางส่วนทันที

อีกด้านหนึ่ง ณ คฤหาสน์ของหยวนหลง

“ไอ้สารเลวอวี้ฮ่าวหราน!”

หยวนหลงทุบโต๊ะกาแฟจนหักเป็นสองท่อนหลังจากได้ข่าวว่าตอนนี้ เฉินซิวเป็นบ้าไปแล้ว และคนในแก็งค์ของเขาอีกเฉียดร้อยตายในสภาพที่ศพไม่สมบูรณ์

“หัวหน้า ตอนนี้ปัญหาที่ต้องแก้อย่างเร่งด่วนที่สุดของเราคือแก็งค์พยัคฆ์เวหารู้เรื่องนี้แล้ว และกำลังระดมพลเพื่อหวังยึดพื้นที่บางส่วนของเราไป!”

หนึ่งในหัวหน้าสาขาของแก็งค์มังกรครามเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ไอ้โจวเฟยหู่! กล้านักนะที่ฉวยโอกาสแบบนี้!”

สีหน้าของหยวนหลงยิ่งมืดหม่นลงเมื่อได้ยินรายงานนี้…

“ตอนนี้พวกแกทุกคนรีบระดมพลให้ได้มากที่สุด! พวกเราต้องต้านการบุกของไอ้พวกแก็งค์พยัคฆ์เวหาเอาไว้ให้ได้ ไม่งั้นความเสียหายมันจะยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ! ไป พวกแกรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้!”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยวนหลงก็ออกคำสั่งในทันที

ส่วนเรื่องล้างแค้นอวี้ฮ่าวหราน เขายังไม่มีแผนแบบนั้นอยู่ในหัว

เขาจะมีได้ยังไงในเมื่ออีกฝ่ายสามารถฆ่าคนได้เป็นร้อยในเวลาสั้น ๆ ขืนเขาส่งคนไปอีกมันก็ยิ่งเป็นหายนะต่อแก็งค์ของเขาเอง

ส่วนตัวของเขาเอง แน่นอนว่าเขาไม่มีทางไปเผชิญหน้ากับอวี้ฮ่าวหราน แน่นอน แม้แต่อาจารย์ของเขายังแพ้ดังนั้นตัวเขาจะไปเหลืออะไร?

ภายใต้สถานการณ์ที่ดำเนินไปเช่นนี้ บรรดาขุมกำลังใต้ดินทั้งหลายจึงสับสนวุ่นวายกันยกใหญ่โดยที่อวี้ฮ่าวหรานไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเป็นต้นชนวน!