หลังจากถังชิงกลับไปก็ติดต่อคุณลุงของเธอทันที
แต่แค่ว่าคุณลุงของเธอยุ่งอยู่ตลอด ที่ผ่านมาพวกเขาจึงไม่ค่อยได้ติดต่อกัน ไม่ง่ายเลยที่เขาจะตอบกลับข้อความอย่างเมื่อสักครู่นี้ ถังชิงรีบมาหาเฉิงหั่วที่หน่วยข่าวกรอง
“คุณลุงบอกว่าอาจจะยุ่งยากสักหน่อย…” ถังชิงวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เงยหน้ามองไปทางเฉิงหั่วด้วยสายตาระยิบระยับ
เฉิงหั่วคัดลอกโค้ดลงในโปรแกรมจำลองอีกครั้ง ขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังพิมพ์โค้ด เขาก็เงยหน้ายิ้มให้ถังชิงพลางเหยียดมืออีกข้างออกแล้วดีดนิ้ว “เสี่ยวเฮย”
ถังชิงผงะ เธอยังงงอยู่เลยว่าตอนบ่ายเฉิงหั่วยังดูร้อนใจอยู่แท้ๆ ตอนนี้ทำไมถึงดูสงบเสงี่ยมขึ้นมาได้?
เธอเพิ่งจะคิดได้ถึงตรงนี้
หุ่นยนต์ที่อยู่ข้างหลังเฉิงหั่วก็ค่อยๆ เดินออกมา
เสี่ยวเฮยเหลือบมองเฉิงหั่ว เห็นๆ อยู่ว่ามันเป็นเสียงกลไก แต่กลับฟังดูเมินเฉยเล็กน้อย “คุณเฉิงหั่วยังมีอะไรจะสั่งอีกไหม ผมกำลังอยู่ในกระบวนการชาร์จแบตเตอรี่”
“…ไม่มีอะไร นายกลับไปชาร์จแบตต่อเถอะ” เฉิงหั่วเคาะปุ่ม “enter” แล้วพูดอย่างเรียบๆ
เสี่ยวเฮยเหลือบมองเฉิงหั่วอีกครั้ง
ก่อนจะหาที่ชาร์จแบตของตัวเอง
จนกระทั่งเสี่ยวเฮยไปแล้ว เฉิงหั่วถึงได้แตะหน้าผากเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วมองถังชิง “ฉันสตาร์ทEA3ได้แล้ว มันชื่อเสี่ยวเฮย”
ในที่สุดถังชิงก็ละสายตา ตอนเธอหันกลับมา ผมบลอนด์ของเธอปลิวเล็กน้อย ใบหน้าบอบบางทำหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ “พวกคุณสตาร์ทEA3ได้ยังไง?”
“ไม่ใช่ฉัน เป็นคุณหนูฉิน” โปรแกรมจำลองบนคอมพิวเตอร์เริ่มทำงาน เฉิงหั่วนั่งตัวตรงพลางมองไปที่โปรแกรมจำลองบนหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่ละสายตา “เธอรู้วิธีควบคุมEA3”
สองวันที่ผ่านมาในคฤหาสน์แห่งนี้ นอกจากลูกพี่ของเฉิงหั่วแล้วก็ยังมีคุณหนูฉินท่านนี้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังสนั่นหู
เธอยืนอึ้งอยู่กับที่ ขนตาสั่นไหว
วินาทีต่อจากนั้นกลับตกใจกับระบบจำลองในคอมพิวเตอร์ของเฉิงหั่ว
เมื่อมองไปที่ระบบการจำลองแบบชุดเดียวทั้งหมด เฉิงหั่วก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เขาเอียงศีรษะมองถังชิง “นี่คือโค้ดโปรแกรมที่ฉันได้รับจากการเชื่อมต่อกับเสี่ยวเฮย แต่ยังแกะไม่ได้ทั้งหมด คุณลุงของเธอเดินทางมาคฤหาสน์ได้ไหม?”
โปรแกรมพิสดารดังกล่าว ไม่ใช่แค่เฉิงหั่วเท่านั้นที่เชื่อว่าแฮ็กเกอร์ทุกคนที่เห็นโปรแกรมนี้ล้วนแล้วแต่หวังว่าตัวเองจะสามารถสื่อสารกับผู้คิดค้นได้
“ฉันไม่รู้เหมือนกัน ตอนเย็นจะลองถามดู” ถังชิงนิ่งไปสักพักแล้วตอบ
เฉิงหั่วพยักหน้าและมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ “เธอลองมาดูโค้ดพวกนี้สิ ใช่แล้ว เธอพกคอมพ์มาด้วยไหม…”
**
ฉินหร่านฝึกซ้อมเฉิงมู่มาได้หนึ่งสัปดาห์กว่าๆ
ฉินหร่านทดลองยาชนิดต่างๆ ของกู้ซีฉือไปรอบหนึ่งแล้ว
วันที่สิบสอง ฉินหร่านให้ซือลี่หมิงสู้กับเฉิงมู่โดยที่เธอไม่ได้คอยดูอยู่ข้างๆ แต่ไปที่ห้องหนังสือ…ฝึกเขียนตัวอักษรแทน
“คุณหนูฉิน นี่คือพัสดุที่อวิ๋นกวงส่งมา” เฉิงสุ่ยเคาะประตูเข้ามาจากด้านนอก
เขาเหลือบดูสมุดคัดลายมือของฉินหร่าน แม้เธอจะถนัดมือซ้ายแต่ลายมือก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว ลีลาการเขียนและเค้าโครงตัวอักษรเป็นไปอย่างอิสระ
เธอยังคงฝึกเขียนแบบนี้ทุกวัน เฉิงสุ่ยแอบถอนหายใจ
แน่นอนว่าถ้าเฉิงมู่อยู่ที่นี่จะต้องบอกเขาว่าไม่กี่เดือนก่อนลายมือฉินหร่านไม่ได้เป็นแบบนี้
เฉิงสุ่ยยื่นพัสดุให้ฉินหร่าน
โดยปกติแล้วนักมวยเดนตายจะต่อยเพียงวันละครั้งหรือทุกสองถึงสามวัน
ส่วนเฉิงมู่ต่อยวันละหลายๆ ครั้งและใช้ยาอย่างหนัก
ยาส่วนใหญ่ใช้ไปหมดแล้ว
ฉินหร่านวางปากกาในมือลง เธอวางสมุดคัดลายมือและปากกาไว้ข้างๆ
เฉิงเจวี้ยนก็กำลังจะไปรินชาให้ตัวเองกับฉินหร่านอยู่พอดี ตอนนี้เฉิงมู่ไม่อยู่ งานจิปาถะเล็กๆ น้อยๆ จึงตกเป็นของเฉิงเจวี้ยน เขาถือโอกาสไปหยิบกรรไกรมาให้เธอ
ฉินหร่านรับมาแล้วแกะห่อพัสดุอย่างเป็นธรรมชาติ
ทางด้านเฉิงสุ่ยก็ไม่ได้ละสายตา วางตัวสุภาพเรียบร้อยทั้งที่ในใจเหมือนมีคลื่นลมถาโถม
เป็นห่อยาอีกแล้ว
ฉินหร่านหยิบขวดยาพวกนั้นออกมา เธอชี้ขวดยาแล้วถามเฉิงเจวี้ยน “นี่น่ะ คราวที่แล้วกู้ซีฉือบอกว่าเขาแย่งยาของอาจารย์มาหมดเกลี้ยงแล้วไม่ใช่เหรอ?”
มีอีกตั้งเป็นกองได้ยังไง?
“เป็นของแพทย์ท่านอื่น” เฉิงเจวี้ยนรู้ได้ทันทีว่ายามาจากไหนโดยการสแกนรหัสที่ติดบนฝาขวด เขาเลิกคิ้วขึ้น “เขาน่าจะกวาดมาทั้งองค์กรการแพทย์”
ฉินหร่านพยักหน้า นั่นก็เข้าใจได้
เฉิงเจวี้ยนเหลือบมองเธอแล้วเอนพิงโต๊ะ จากนั้นก้มหน้าควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง เปิดภาพโปรไฟล์กู้ซีฉือพลางหรี่ตา
ค่อยๆ พิมพ์ไปหนึ่งประโยค——
(นายทำได้ดีจริงๆ)
ทางด้านกู้ซีฉือก็กำลังตบมือเจียงตงเยี่ยเพื่อไม่ให้เขาสร้างปัญหา โทรศัพท์ที่วางอยู่อีกด้านสว่างขึ้น หน้าจอเป็นชื่อเฉิงเจวี้ยน
กู้ซีฉือตกใจเล็กน้อย เขาหยิบมันมา หลังจากหน้าจอโทรศัพท์ปลดล็อกอัตโนมัติ ข้อความเฉิงเจวี้ยนก็เด้งขึ้น
กู้ซีฉือถึงกับเย็นสันหลังวาบโดยไม่ทราบสาเหตุ
เขากดโทรศัพท์ตอบกลับเฉิงเจวี้ยน——
(เรียนรู้มาจากรุ่นพี่ ยังไม่เก่งเท่าหนึ่งหรือสองในสิบของรุ่นพี่เลย)
คำพูดนี้กู้ซีฉือไม่ได้โกหก เขานึกถึงตอนนั้น ตอนที่เฉิงเจวี้ยนนำหนังสือทางการแพทย์ไปขวางทุกคนไว้ ซึ่งเป็นคนขององค์กรการแพทย์ทั้งหมด ไม่ต้องพูดถึงนักศึกษาวัยรุ่น แพทย์พวกนั้นหรือแม้กระทั่งอาจารย์ต่างก็วุ่นวายเพราะเฉิงเจวี้ยน
เขาคือมนุษย์กลดีๆ นี่เอง
ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งหรือสองในสิบ กู้ซีฉือคิดว่าเขาได้เรียนรู้แก่นแท้เพียงสองเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะถึงอย่างไรโดยหลักแล้วเขาก็พึ่งใบบุญบอสใหญ่ไดม่อนคนนั้นถึงได้ทั้งขู่ทั้งแย่งมันมาได้
พวกแพทย์ในองค์กรการแพทย์เหล่านั้นต่างก็รู้ดีว่าเงินสนับสนุนส่วนใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เป็นของบอสใหญ่ไดม่อน พวกเขาจึงด่าแค่เพียงฉากหน้าแต่สุดท้ายก็ไม่ได้กระทำการขัดขวางใดๆ
และกู้ซีฉือเองก็ยังเหลือยาตัวอย่างไว้ให้พวกเขาอย่างละหนึ่งขวด
**
ตอนบ่าย
หลังจากฉินหร่านเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินไปห้องฝึกซ้อมชั้นหนึ่ง
ตอนที่เธอไปถึง เฉิงมู่กำลังต่อยเครื่องทดสอบพลังหมัดอยู่
ส่วนซือลี่หมิงก็กำลังนอนลงไปกับพื้นโดยมีแผลอยู่ตามร่างกาย สภาพดูอเนจอนาถยิ่งกว่าเดิม
สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
เขายังมีวันที่โดนเฉิงมู่ต่อยจนล้ม
และเป็นเวลาภายในไม่ถึงครึ่งเดือน
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นกับตาตัวเองว่าฉินหร่านซ้อมพิเศษให้เฉิงมู่อย่างไรในระยะเวลาที่ผ่านมา หรือได้เห็นว่าเฉิงมู่ฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงเพียงใด ซือลี่หมิงก็คงจะนึกสงสัยขึ้นมาจริงๆ ว่าเฉิงมู่กลายเป็นคนละคน
ฉินหร่านยื่นมือแตะริมฝีปากล่าง จากนั้นก็หยิบขวดยาในห่อพัสดุให้ซือลี่หมิงหนึ่งขวด เธอโยนไปที่มือเขาโดยไม่พลาดเป้า “สามเม็ด”
ซือลี่หมิงลุกขึ้นทันที จากนั้นก็ประคองขวดยาไว้ รู้สึกได้ถึงขอบตาที่ร้อนผ่าว
ที่แท้แล้วเขาก็มีวันนี้
“คุณหนูฉิน” พอเฉิงมู่ต่อยเสร็จก็เอียงข้างเพื่อให้ฉินหร่านเห็นค่าพลังหมัดข้างหลังเขา
เขาต่อยไปสามครั้งโดยแบ่งสถิติได้ดังนี้——
845
859
857
จากหกร้อยกว่าจนมาถึงแปดร้อยกว่า ไม่ได้พัฒนาขึ้นเพียงแค่ระดับเดียว
นี่ไม่ได้เป็นผลมาจากการฝึกที่หนักหน่วงทุกวันเท่านั้น แต่เป็นผลมาจากยาสร้างเนื้อเสริมกระดูกที่กู้ซีฉือส่งมาด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่แค่ค่าพลังหมัดที่พัฒนาขึ้น หลังจากซือลี่หมิงเจอมากับตัวแล้วก็พบว่าทักษะการต่อสู้ของเฉิงมู่เป็นแนวเดียวกับฉินหร่าน ทั้งดุดันและแม่นยำ เป็นวิธีการต่อสู้แบบไม่คิดชีวิต
หลังจากกินยาเสร็จ ซือลี่หมิงก็รู้สึกว่ายาออกฤทธิ์ค่อนข้างเร็ว ไม่ได้รู้สึกเจ็บหน้าอะไรขนาดนั้น แต่เขาก็ยังหน้าตาบิดเบี้ยวอยู่เหมือนเดิม ในใจยังนึกชื่นชมเฉิงมู่ที่โดนต่อยแบบนี้วันละเจ็ดถึงแปดครั้งต่อวัน อดทนเก่งจริงๆ
เมื่อฉินหร่านเห็นค่าพลังหมัดก็ยังไม่ค่อยพอใจ แต่ก็พยักหน้า “ตามฉันลงไปข้างล่าง”
เฉิงมู่ยังคิดว่าฉินหร่านจะสู้กับเขา
เมื่อได้ยินที่เธอพูด เขาก็อึ้งไปสักพัก “วันนี้ไม่ซ้อมพิเศษแล้วเหรอครับ?”
“อืม พวกเราจะไปหาที่ซ้อมข้างล่างกัน…” ฉินหร่านหรี่ตามองไปทางซือลี่หมิง “เจอร์รี่นั่นใช่ไหม?”
ซือลี่หมิง “…ครับ”
ซือลี่หมิงรู้สึกได้ว่าไม่ได้เจ็บปวดตามร่างกายแล้ว เขาสวมผ้าปิดปากและหมวกอย่างเงียบๆ พลางเดินตามฉินหร่านลงไปข้างล่าง
เขาอยากจะเห็นเจอร์รี่โดนต่อยจนมีสภาพอเนจอนาถถึงจะพอใจ
**
สนามฝึกชั้นล่าง
วันนี้ข้างนอกมีแดดส่อง ไม่มีลมแรง แต่อากาศเย็นอย่างบอกไม่ถูก
ช่วงนี้เจอร์รี่ไม่ค่อยมาซ้อมที่สนามฝึกเลย เขายุ่งอยู่กับโค้ดของเสี่ยวเฮยอยู่ที่หน่วยข่าวกรอง เฉิงหั่วเองก็กินข้าวนอนหลับอยู่ที่นั่น
อย่างไรก็ตามในช่วงสองวันที่ผ่านมาก็ใกล้จะแกะโค้ดสำเร็จแล้ว เจอร์รี่ ถังชิง และคนอื่นๆ ต่างก็พากันมาที่สนามฝึก
“เจอร์รี่ นั่นเฉิงมู่นี่ เกือบจะครึ่งเดือนแล้วยังไม่มาซ้อมที่สนามฝึกเลย คงกลัวนายต่อยแหงๆ” หลายคนรวมถึงถังชิงต่างก็ส่งเสียงพลางหรี่ตา
เจอร์รี่หรี่ตามองอย่างดูถูกแล้วพูดไปตรงๆ “ครึ่งเดือนแล้วเหรอ? ซือลี่หมิงก็ไม่มาด้วยหนิ ไอ้ขี้ขลาดนั่นกับซือลี่หมิงก็เหมือนๆ กัน เอาแต่ล้อมหน้าล้อมหลังผู้หญิงทั้งวัน ช้าเร็วก็คงถูกคุณเฉิงสุ่ยจัดการ”
พอพูดจบก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีถังชิงอยู่ข้างๆ เจอร์รี่จึงรีบเปลี่ยนน้ำเสียงทันที “ขอโทษด้วยครับคุณถัง ผมไม่ได้พูดถึงคุณ คุณต่างจากคนอื่นแน่นอน…”
ในช่วงสิบกว่าวันที่ผ่านมา ถังชิงมีบทบาทโดดเด่นในหน่วยข่าวกรอง ในแง่ของความสามารถเธอเป็นรองแค่เฉิงหั่วเท่านั้นและได้ยินมาว่าเธอยังมีคุณลุงที่มีฝีมือเก่งกาจอยู่อีกด้วย
คิ้วถังชิงที่ขมวดคลายออก
เธอยังไม่ได้พูดอะไรต่อ
ไม่ไกลมากนัก กลุ่มของเฉิงมู่ค่อยๆ เดินมาทางนี้
คนในสนามฝึกจำฉินหร่านที่กำลังเดินเอื่อยเฉื่อยตามหลังเฉิงมู่ได้ พวกเขาจึงออกมาทักทายอย่างสุภาพ “คุณหนูฉิน”