เล่ม 1 ตอนที่ 218 ตระกูลน่าหลานและตระกูลซือหม่า

สลับชะตา ชายามือสังหาร

เมื่อได้ฟังคำพูดของซือหม่าโยวฉิง พวกเว่ยจือฉีที่อยู่ด้านหน้าจึงหันมามองทั้งสองคนกันหมด

ถ้าหากซือหม่าหลินอยากจะจับกุมตัวซือหม่าเลี่ย ย่อมต้องพูดเรื่องสัญญาเมื่อสามปีก่อนออกมาอย่างแน่นอน ชื่อซือหม่าโยวเย่ว์จะต้องมิใช่ความลับในตระกูลซือหม่าแล้ว

ถ้าหากผู้อื่นล่วงรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเธอตั้งแต่ตอนนี้ อาจทำให้เสียการใหญ่ก็ได้

ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เจ้าเรียกข้าว่าซีเหมินเย่ว์ก็พอแล้วล่ะ”

ซือหม่าโยวฉิงกะพริบตาแล้วเอ่ยว่า “ซีเหมิน แซ่นี้พบเห็นได้น้อยนัก”

ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเข้ามาร่วมวงด้วยแล้วเอ่ยว่า “โยวฉิง เจ้าชอบเด็กมากถึงขนาดนี้ อย่าทำให้ผู้อื่นตกใจเสียล่ะ”

“โยวหยาง ข้าน่ารักถึงเพียงนี้ จะทำให้เด็กน้อยตกใจกลัวได้อย่างไรกัน!” ซือหม่าโยวฉิงถลึงตาใส่ซือหม่าโยวหยางอย่างไม่พอใจแล้วเอ่ยอย่างไม่สุขใจเอาเสียเลย

“ใช่ว่าข้าไม่เคยเห็นเจ้าทำเด็กตกใจกลัวจนร้องไห้เสียหน่อย” ซือหม่าโยวหยางพูด หลังจากนั้นจึงมองซือหม่าโยวเย่ว์พลางถามด้วยรอยยิ้มว่า “ฟังจากสำเนียงของพวกเจ้า คงมิใช่คนอันหยางกระมัง แล้วพวกเจ้าจะไปที่เมืองอันหยางทำไมหรือ”

“พวกเราจะไปตามหาคนน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ตอบ

ซือหม่าโยวหยางผู้นี้อายุยี่สิบกว่าปี แต่เพราะร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์นั้นแก่ชราช้ากว่าคนทั่วไป ดังนั้นจึงดูเหมือนอายุราวยี่สิบปีเท่านั้น ยามเขายิ้มขึ้นช่างสดใสราวกับแสงตะวัน เหมือนเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

“อ้อ… พวกเจ้าต้องการหา…”

ในขณะนี้เอง เสียงตะโกนดังลั่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขา

“ใครคือซีเหมินเย่ว์กับเป่ยกงถัง”

พวกซือหม่าโยวเย่ว์มองไปก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาอย่างหุนหัน พวกเขามองกันและกันแล้วจึงคาดเดาว่าคนของตระกูลน่าหลานมาหาถึงที่แล้ว!

หลังจากมาถึงอาณาจักรอู๋กลาง ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นซีเหมินเย่ว์ คิดไม่ถึงว่าผ่านไปยังไม่ทันถึงหนึ่งคืน อีกฝ่ายก็หาตัวพวกเธอพบเสียแล้ว

แต่พวกเธอไม่คิดจะยอมรับ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ได้จับตนไปทันที แสดงว่าคนของตระกูลน่าหลานไม่ได้เห็นตอนพวกเธอลงมือ เมื่อเห็นคนของตระกูลน่าหลานเดินเข้ามา คนที่เข้าแถวอยู่ในสมาคมปรมาจารย์วิญญาณล้วนพากันเบี่ยงหลบไปด้านข้างเพราะกลัวการเผชิญหน้ากับพวกเขา มีเพียงแค่พวกโยวเย่ว์กับคนของตระกูลซือหม่าเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน

“สวรรค์เอ๋ย เป็นคุณชายของตระกูลน่าหลานนั่นเอง!”

“น่าหลานเจี๋ยมาทั้งที ดูท่าทางวันนี้จะเกิดเรื่องใหญ่โตเสียแล้วสิ”

“เฮ้ เบาเสียงหน่อยสิ ถ้าหากพวกเขาได้ยินเข้า ก็ระวังชีวิตน้อยๆ ของตัวเองเอาไว้ได้เลย!”

น่าหลานเจี๋ยและน่าหลานหงอยู่เบื้องหน้ากลุ่มทหารรับใช้ พวกเขามาถึงกลางลานบ้านแล้วหยุดยืนพลางมองประเมินผู้คนภายในลานแห่งนี้ เมื่อเห็นคนของตระกูลซือหม่า จึงหรี่ตาลงโดยสัญชาตญาณ

“ใครคือซีเหมินเย่ว์และเป่ยกงถัง” ผู้มาเยือนตะโกนขึ้นอีกครั้ง

ซือหม่าโยวเย่ว์รู้ที่มาที่ไปของพวกเขาจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบตัว เธอจึงเดินหน้าขึ้นมาก้าวหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ข้าคือซีเหมินเย่ว์”

“เจ้าเองหรือ ซีเหมินเย่ว์” ทหารรับใช้ข้างกายน่าหลานเจี๋ยมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างสงสัย เป็นไปได้อย่างไรที่คนพรรค์นี้จะสังหารผู้อาวุโสแห่งตระกูลน่าหลาน

“ใช่แล้ว มีเรื่องอันใดหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองสายตาอึมครึมของน่าหลานเจี๋ยแล้วอึดอัดยิ่งนัก จึงไม่ได้แสดงสีหน้าที่ดีให้อีกฝ่ายสักเท่าไร“เจ้าสังหารคนของตระกูลน่าหลานเราแล้วยังกล้ามาถามพวกเราว่ามีเรื่องอันใดอีกอย่างนั้นหรือ! ยังไม่รู้จักฆ่าตัวตายชดใช้ความผิดอีก!” อีกฝ่ายไม่พอใจกับการแสดงออกของซือหม่าโยวเย่ว์มาก จึงตวาดเสียงดังลั่น

“เจ้าโง่งมไปแล้วหรือไร” ซือหม่าโยวเย่ว์มองคนผู้นั้นอย่างดูแคลน “เจ้าเป็นใครข้ายังไม่รู้เลย แล้วข้าจะไปสังหารคนตระกูลน่าหลานของพวกเจ้าได้อย่างไรกัน”

“ยังไม่ยอมรับอีกหรือ มีคนเห็นว่าพวกเขาตามพวกเจ้าออกไปนอกเมืองน่ะสิ”

“อ้อ ผู้ที่เจ้าพูดถึงคือบุรุษลามกสองคนที่คิดจะจับตัวภรรยากับน้องชายข้าไปสินะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้ตกใจกลัวคนของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยแล้วเอ่ยว่า “ตามพวกเราออกไปนอกเมืองแล้วบอกอะไรได้เล่า พวกเขาอยากชิงตัวภรรยาข้า ไม่แน่ว่าพอออกจากเมืองไปแล้วอาจถูกใครฆ่าทิ้งเสียก็ได้นี่!”

“หากพวกเขาไม่เคยมีความแค้นกับใคร แล้วจะถูกผู้อื่นฆ่าทิ้งได้อย่างไรกัน! ทั้งพลังยุทธ์อย่างพวกเราฆ่าพวกเขามิได้หรอก!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“พวกเจ้าออกไปนอกเมืองทำไมกัน” น่าหลานเจี๋ยถาม

“จะทำอะไรได้เล่า ก็ไปพบสหายน่ะสิ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดจาเรื่อยเปื่อย

“ไม่ต้องมาบอกว่าไปหาพวกเขาเลย เมื่อวานพวกเขาอยู่ในโรงเตี๊ยมกันทั้งวัน” น่าหลานเจี๋ยถลึงตาใส่ซือหม่าโยวเย่ว์

“เอ้อ…”

อีกฝ่ายไม่ให้เวลาเธอตอบแล้วถามต่อไปว่า “พวกเจ้าเพิ่งมาถึงอาณาจักรอู๋กลางและไม่มีคนรู้จัก แล้วพวกเจ้าไปหาใครกัน”

“พวกเราจะไปหาใคร จำเป็นต้องรายงานเจ้าด้วยหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามกลับ

“ไม่จำเป็นหรอก แต่ถ้าหากเจ้าไม่ยอมพูดออกมา นั่นก็หมายความว่าเจ้าจงใจไปยังนอกเมืองแล้วอาศัยจังหวะเหมาะสังหารคนของตระกูลน่าหลานเราน่ะสิ!”

“ใครบอกว่าเขาไม่รู้จักใคร? เมื่อวานพวกเย่ว์เย่ว์ออกไปหาพวกเราอย่างไรล่ะ!” ซือหม่าโยวฉิงที่ดูอยู่ข้างๆ มาโดยตลอดพูดออกมาในทันใด

“แล้วพวกเจ้าเป็นใครกัน” น่าหลานเจี๋ยเบนสายตาไปทางตระกูลซือหม่า พอเห็นบุรุษที่ยืนอยู่หลังฝูงชนอย่างสงบแล้วจึงเอ่ยว่า “ซือหม่าโยวหลินหรือ”

ตั้งแต่เข้ามา ซือหม่าโยวหลินก็ยืนอยู่ด้านหลังคนของตระกูลซือหม่าโดยมิได้พูดอะไรเลย พวกซือหม่าโยวเย่ว์เองก็ยังมิได้สังเกตเห็นเขาเลย แม้กระทั่งน่าหลานเจี๋ยที่เข้ามาได้สักพักหนึ่งแล้วก็ยังมิทันได้สังเกตว่าเขามีตัวตนอยู่ด้วย

ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าโยวหลิน เจ้าคนผู้นี้ช่างรู้จักเก็บงำกลิ่นอายได้ดีเสียจริง ลดสัมผัสต่อการมีตัวตนของตัวเอง ให้ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสิ่งรอบตัว

“ความสามารถในการเก็บงำกลิ่นอายนั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกเราเลย” เธอลอบเปรียบเทียบอยู่ในใจ

ซือหม่าโยวหลินเดินขึ้นหน้ามาสองก้าวแล้วเอ่ยว่า “น่าหลานเจี๋ย”

“คิดไม่ถึงว่าจะมาพบกับเจ้าที่นี่ได้!” น่าหลานเจี๋ยมองซือหม่าโยวหลินอย่างเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง หลังจากรับสัมผัสแรงกระเพื่อมของพลังวิญญาณของซือหม่าโยวหลินอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตกตะลึงอยู่ในใจ “พวกเจ้ารู้จักกับพวกเขาด้วยหรือ”

ซือหม่าโยวหลินมองซือหม่าโยวเย่ว์ปราดหนึ่ง แววตาไร้ระลอกคลื่น เขาพูดอย่างเรียบเรื่อยว่า “รู้จักสิ”

“ที่พวกเขาออกไปนอกเมืองเมื่อวานก็เพื่อไปหาพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ” น่าหลานเจี๋ยถามต่อไป

“เมื่อวานพวกน้องหญิงออกไปนอกเมืองกันจริงๆ” ซือหม่าโยวหลินตอบแบบเลี่ยงๆ

“ในเมื่อพวกเขาเป็นสหายของพวกเจ้า เช่นนั้นพวกเจ้าก็มอบตัวพวกเขาให้ข้าเสียสิ”

“เพื่ออะไรกัน พวกเจ้าบอกว่าพวกเขาสังหารคนของตระกูลพวกเจ้า มีหลักฐานหรือไม่เล่า หากไม่มีหลักฐานก็อย่าเอาคราบเลือดมาป้ายผู้อื่นสิ โยวฉิงก็บอกแล้วว่าพวกเขาออกนอกเมืองไปหานาง แล้วจะมีเวลาไปสังหารคนของพวกเจ้าตอนไหนเล่า!” ซือหม่าโยวหยางไม่ชอบน่าหลานเจี๋ยเป็นอย่างยิ่ง ขนาดเวลาพูดก็ยังหรี่ตามองเขาเลย

“พวกเจ้าจะปกป้องพวกเขาอย่างนั้นหรือ” น่าหลานเจี๋ยไม่สนใจซือหม่าโยวหยาง หากแต่มองซือหม่าโยวหลินพลางเอ่ยถาม

“นี่มิใช่การปกป้องเสียหน่อย พวกเจ้ามีหลักฐานว่าพวกเขาสังหารคนของพวกเจ้าหรือไม่เล่า” ซือหม่าโยวหลินถามกลับ

น่าหลานเจี๋ยแววตาหม่นลง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าพวกซือหม่าโยวเย่ว์ฆ่าคน แต่ก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัดจริงๆ

“เจ้ามองพี่ชายข้าเช่นนั้นทำไมกัน อยากจะสู้กับเขาสักยกอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวหยางพูด “พี่ชายข้าก็กำลังอยากสู้กับเจ้าอยู่พอดีเลย! จริงไหม ท่านพี่”

ซือหม่าโยวหลินมองซือหม่าโยวหยางปราดหนึ่งโดยมิได้ปฏิเสธ สายตาที่มองน่าหลานเจี๋ยหลังจากนั้นก็คุกรุ่นอยู่บ้าง

เขาอยากสู้กับน่าหลานเจี๋ยสักยกหนึ่งจริงๆ พวกเขาถูกเรียกว่าเป็นมารร้ายเหมือนกัน ทว่ากลับมิเคยประมือกันเลยสักครั้ง เขาอยากรู้จริงๆ ว่าระหว่างพวกเขานี้ ความจริงแล้วใครจะร้ายกาจกว่ากัน!

น่าหลานเจี๋ยเองก็อยากจะสู้กับเขาสักยก ในขณะที่กำลังคิดจะก้าวออกไปอยู่นั้นเอง มือข้างหนึ่งก็คว้าหัวไหล่ของเขาเอาไว้

“คุณชาย พวกเรายังมีธุระต้องทำอีก กลับกันก่อนดีกว่า” น่าหลานหงมองกลุ่มคนตระกูลซือหม่า แม้เสียงจะไม่ดังแต่กลับทำให้น่าหลานเจี๋ยมิอาจต้านทานได้

“นับว่าพวกเจ้าโชคดี! อย่าออกจากการคุ้มกันของตระกูลซือหม่าจะเป็นการดีที่สุด มิฉะนั้นก็จงระวังชีวิตสุนัขของพวกเจ้าเอาไว้ให้ดี!” พูดจบเขาก็นำคนของตระกูลน่าหลานไปยังค่ายกลนำส่งที่มุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันตก

สายตาที่แฝงแววอาฆาตก่อนจากไปนั้นทำเอาผู้คนในที่นั้นอกสั่นขวัญแขวนกันหมด

……………………………………