บทที่ 246: มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มองเห็นได้

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 246: มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มองเห็นได้

จนถึงตอนนี้ สถานที่ส่วนใหญ่ที่โรเอลเคยไปมาบนทวีปเซียล้วนสงบสุข แม้ว่าในอาณาจักรเล็ก ๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่อาณาจักรมหาอำนาจส่วนใหญ่ยังคงมีเสถียรภาพด้านการปกครองที่ดี

ผลก็คือนักเรียนใหม่ส่วนใหญ่ในที่นี้ไม่เคยได้สัมผัสการต่อสู้จริงและสงครามใด ๆ มาก่อน อันที่จริงแล้ว โรเอลเองก็คงเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะพลังทางสายเลือด นี่ทำให้เขาตระหนักได้ว่าพลังสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ดมีความสำคัญต่อการเติบโตของตัวเองมากเพียงใด ถ้าโรเอลไม่ได้ปลุกมันขึ้นมาล่ะก็ เด็กหนุ่มก็คงจะเดินบนเส้นทางที่แตกต่างออกไปจากเดิมราวฟ้ากับเหว

ในแง่นี้ คนเดียวที่อยู่ในสถานะคล้าย ๆ กันก็น่าจะเป็นทายาทของตระกูลเซไซต์ เพราะไม่ใช่ทุกราชวงศ์ที่จะกล้าส่งทายาทของตนไปยังชายแดนเพื่อทำสงครามแบบเดียวกับตระกูลเซไซต์

โรเอลเดาว่านอร่านั้นคงจะได้สั่งสมประสบการณ์การต่อสู้มามากกว่าเขาหลายเท่า ในช่วงระยะเวลาหลายปีมานี้ที่เธอได้ใช้เวลาอยู่ที่ชายแดนตะวันออก หรืออย่างน้อย ๆ ก็ในแง่ของการต่อสู้ปกติ อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดแล้วล่ะก็ เขามีข้อได้เปรียบเหนือกว่าเธอมาก

ฝั่งหนึ่งเหนือกว่าด้านปริมาณในขณะที่อีกฝั่งเป็นด้านคุณภาพ ทำให้ยากที่จะตัดสินว่าฝ่ายไหนเหนือกว่าในตอนนี้

สำหรับการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า พวกเขานั้นต้องแบกรับความรับผิดชอบของมวลมนุษยชาติ พูดตามตรง ถ้าโรเอลไม่รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของภัยพิบัติทั้งหก เขาก็คงไม่คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

ประสบการณ์ที่แตกต่างก่อให้เกิดการรับรู้ที่แตกต่างกันออกไป คำพูดของอาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอมีความหมายลึกซึ้ง แต่นักศึกษาใหม่ส่วนใหญ่คงไม่สามารถเข้าใจถึงมันได้อย่างชัดแจ้ง แน่นอนว่ามันต้องมีเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านั้นแฝงอยู่ ที่ทำให้แอนโตนิโอเลือกที่จะพูดคำเหล่านี้ออกมา และโรเอลก็พอจะคาดเดาได้

เป็นไปได้ว่าชายชรากำลังพูดถึงการต่อสู้กับพวกกลายพันธุ์ อย่างไรก็ตามหากการคาดเดาของโรเอลถูกต้องล่ะก็ นั่นหมายความว่าแอนโตนิโอไม่ได้มองสถานการณ์ของสนามรบแนวหน้าในแง่ดีสักเท่าไหร่

เขามีข้อมูลที่คนอื่นไม่รู้ หรือว่าเขาแค่ระแวงกัน?

ความคิดของโรเอล ทำให้คิ้วของเขาขมวดลงอย่างหนัก

ในไม่ช้าแอนโตนิโอก็พูดจบและเดินออกจากเวทีไป ท่ามกลางเสียงปรบมืออันอบอุ่นของนักเรียน

“ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่อาจารย์ใหญ่พูดลึกซึ้งกว่าที่ได้ยิน”

นอร่าพึมพำพลางปรบมือไปพร้อมกับฝูงชน

เนื่องจากนอร่าได้ใช้เวลาในสนามรบทางด้านชายแดนตะวันออกมาค่อนข้างนาน ทำให้เธอสังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติไปในคำพูดของอีกฝ่าย ขณะเดียวกัน ชาร์ล็อตที่ได้เห็นการมีอยู่ของภัยพิบัติทั้งหกร่วมกับโรเอลเองก็มีสีหน้าอันซับซ้อนด้วยเช่นกัน

“เห็นด้วยค่ะ แต่ดิฉันคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่นี่น่าจะไม่ได้เข้าใจถึงมัน”

ชาร์ล็อตพยักหน้าเห็นด้วยกับคำตัดสินของนอร่า เด็กสาวกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยดวงตาสีมรกตของตน และรอยยิ้มอันตื่นเต้นของเหล่านักเรียนหน้าใหม่ ก็ทำให้เธอต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

โรเอลได้ยินคำพูดของเด็กสาวทั้งสองคน แต่เขาเลือกที่จะไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่นานนักเสียงปรบมือก็สิ้นสุดลง จากนั้นบุคคลอีกคนหนึ่งก็ก้าวขึ้นมาบนเวที ทันทีที่เธอปรากฏตัว ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ

เด็กสาวผมยาวสีดำในชุดเครื่องแบบทหารดูเรียบร้อย ประกอบด้วยเสื้อเชิ้ตติดกระดุมสีเข้มจับคู่กับเชือกคล้อง กระโปรงสั้นที่หยุดลงเหนือเข่า ถุงน่องสีดำ และผ้าคลุมที่กระพือเล็กน้อยข้างหลัง ทำให้เธอดูเคร่งขรึมราวกับเป็นผู้บัญชาการทหาร

แม้จะมีอายุที่ยังน้อย แต่เธอก็ให้บรรยากาศราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่โตเต็มวัย ใบหน้าอันสง่างามของเด็กสาวเปี่ยมไปด้วยความสูงส่ง ดวงตาสีอเมทิสต์อันลึกลับแสดงถึงปัญญาอันไร้ก้นบึ้ง บนนิ้วมือขวาของเธอมีแหวนสีม่วงที่มีรูปร่างเหมือนดอกกุหลาบเปล่งประกายเจิดจ้าเช่นเดียวกับนัยน์ตาของเธอ

ลิเลียน แอคเคอร์มันน์ คือชื่อของเธอ หนึ่งในผู้ถือแหวนของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า การปรากฏตัวของเธอสร้างความโกลาหลขึ้นในหมู่นักเรียนภายในห้องประชุมทันที

“เธอคนนั้นคือใครกัน?”

“เป็นรุ่นพี่ที่สวยงามสุด ๆ…”

“ฝ่าบาท!”

ดูเหมือนว่ารสนิยมของผู้คนในทวีปเซียเองก็ค่อนข้างมีมาตรฐานที่ดีเช่นกัน สาวงามที่แผ่บรรยากาศเย็นชาสวมชุดเครื่องแบบทหารเป็นการผสมผสานอันลงตัว ทำให้ลิเลียนได้รับความนิยมจากเหล่านักเรียนใหม่มากมายในทันที ฝูงชนต่างตื่นเต้นจนไม่สามารถหยุดที่จะกล่าวเชยชมเธอได้ แม้แต่โรเอลที่ระมัดระวังเกี่ยวกับเธอเองก็ยังรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย

เธอสวยจริง ๆ

ตามหลักอนุรักษ์นิยมของจักรวรรดิออสทีน กระโปรงสั้นที่ลิเลียนสวมอยู่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบตามปกติของเธอแน่ แต่ที่เด็กสาวแต่งตัวแบบนี้ เพราะมันคือเครื่องแบบหน่วยรักษาความปลอดภัยของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า

หน่วยรักษาความปลอดภัยมีหน้าที่รักษากฎและความสงบเรียบร้อยภายในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ทำให้บางครั้งผู้บังคับบัญชาก็ต้องเข้าต่อสู้เพื่อปฏิบัติหน้าที่ของตน มันจึงไม่สะดวกสำหรับผู้บังคับบัญชาที่จะสวมกระโปรงยาวซึ่งอาจขัดขวางการเคลื่อนไหวได้ ดังนั้นลิเลียนจึงออกแบบชุดเสื้อผ้าตามเครื่องแบบทหารหญิงในอาณาจักรอื่น

แน่นอนว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่โดยหน่วยรักษาความปลอดภัยนั้นไม่ใช่เสื้อผ้าธรรมดา ๆ นอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่ทันสมัยแล้ว มันยังมีคุณสมบัติในการป้องกันที่ดีอีกด้วย ซึ่งอาจจะเทียบได้กับอุปกรณ์เวทเลยทีเดียว

หน่วยรักษาความปลอดภัยมีสิทธิ์เข้าถึงทรัพยากรทางการเงินของสถาบัน แต่ทั้งหมดนี้ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานว่าพวกเขามีผู้นำที่มีอำนาจคู่ควรกับมันรึเปล่า ซึ่งพวกเขาก็มี

“ฉันชื่อลิเลียน แอคเคอร์มันน์ หัวหน้าสภากุหลาบแห่งสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า และเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ในฐานะตัวแทนของนักเรียนทั้งหมด ขอแสดงความยินดีต้อนรับเหล่านักเรียนที่มาเข้าร่วมภาคการศึกษาใหม่นี้อย่างอบอุ่น…”

หากเทียบกับคำพูดของอาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอแล้ว คำพูดของลิเลียนนั้นธรรมดากว่ามาก โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นคำพูดมาตรฐานที่ทุกคนจะได้ยินในทุก ๆ พิธีการเปิดภาคการศึกษา มันเรียบง่ายมากจนเด็กใหม่ทุกคนเข้าใจได้โดยไม่ต้องคิดอะไรมากมาย รูปลักษณ์อันสวยงามและการต้อนรับอย่างอบอุ่นของเธอทำให้เด็กสาวชนะใจกลุ่มนักเรียนใหม่ได้อย่างง่ายดาย

… อืม ยกเว้นพวกที่นั่งอยู่ข้าง ๆ โรเอลในตอนนี้

นอร่ามองไปยังเด็กสาวผมดำที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยท่าทางเย็นชาและเฉยเมย ดวงตาสีไพลินของเธอแสดงให้เห็นถึงความระแวดระวังของเธอ การแลกเปลี่ยนสายตาระหว่างลิเลียนและโรเอลก่อนหน้านี้บนสนามหญ้า ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

ขณะเดียวกัน แม้ว่าชาร์ล็อตจะไม่ทันได้เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างโรเอลกับลิเลียน แต่ความไม่พอใจระหว่างเมืองโรซ่าและจักรวรรดิออสทีน ก็ทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะมองคนจากตระกูลแอคเคอร์มันน์ในแง่ดีได้

บางทีอาจเป็นเพราะความแตกต่างที่เห็นได้ชัดในบรรยากาศ ลิเลียนจึงหยุดมองไปทางพวกเขามากกว่าหนึ่งครั้งตลอดคำพูดของเธอ อันที่จริงดวงตาของเด็กสาวหรี่ลงเล็กน้อยด้วยซ้ำเมื่อกวาดผ่านมายังที่นั่งของโรเอล

ตามปกติแล้วในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของนอร่า โรเอลนั้นควรจะนั่งอยู่ทางด้านซ้ายของเธอ ทว่าเขากลับอยู่คั่นระหว่าง นอร่าและชาร์ล็อต ซึ่งก็เพียงพอแล้วที่จะเปิดเผยหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสาม

ดูเหมือนว่าจะมีข้อผิดพลาดในข้อมูลที่เราได้รับมา แทนที่จะพูดว่าเขาเป็นคนจับปลาสองมือ มันอาจจะถูกต้องกว่าที่จะบอกว่าเขามีคู่ครองหลายคนที่เข้ามาพัวพัน

ลิเลียนสามารถตีความของความหมายจากข้อมูลภาพที่ตนเห็นได้อย่างรวดเร็ว ทว่ามันกลับยิ่งทำให้เธอเกิดความสงสัยขึ้นในใจ

สิ่งต่าง ๆ พัฒนาไปในทิศทางดังกล่าวอย่างไร? แม้ว่าผู้สืบทอดของสองอาณาจักรจะตกหลุมรักคน ๆ เดียวกัน แต่มันก็ไม่มีทางเลยที่พวกเธอจะนำการต่อสู้ระหว่างกันขึ้นมาสู่สาธารณะ มันเป็นเพราะศักดิ์ศรีของพวกเธองั้นเหรอ? หรือพวกเขาต้องการจะได้รับบางอย่างจากตระกูลแอสคาร์ด?

ด้วยที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักมาก่อน ลิเลียนจึงพยายามทำความเข้าใจความคิดของนอร่าและชาร์ล็อต อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้ขัดขวางเธอไปจากการประเมินอิทธิพลของโรเอลใหม่อีกครั้ง เมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงทางข้อมูลด้านความสัมพันธ์ที่เธอได้รับ อาจกล่าวได้ว่าทั้งจักรวรรดิเซนต์เมซิทและสมาคมพ่อค้าโรซ่าต่างก็เป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งของเขา

เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้ยาก หากพิจารณาจากประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายศตวรรษของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า

ลิเลียนฝังข้อมูลนี้ลงในสมองด้วยความสำคัญยิ่ง อย่างไรก็ตามเด็กสาวนั้นไม่ได้ปล่อยให้ความคิดใด ๆ ของเธอแสดงออกมาทางสีหน้า ดวงตาของเธอค่อย ๆ กวาดไปทั่วห้อง และในไม่ช้าเธอก็มองเห็นเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่ที่มุมห้องอย่างไม่สะดุดตา

พอล แอคเคอร์มันน์

พูดตามตรง ลิเลียนค่อนข้างผิดหวังกับการตัดสินใจของน้องชายต่างมารดา บนสนามหญ้าก่อนหน้านี้

กล้าหาญแต่ไม่มีปัญญา

นี่คือการประเมินของลิเลียนที่มีต่อพอล แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีที่เขามีความกล้ามากพอที่จะตอบโต้ผู้ที่เข้ามากดขี่ แต่ถ้าเขาไม่ได้ใช้สมอง หลังจากที่รู้ว่าตัวเองไม่มีพลังมากพอที่จะต่อสู้ ความกล้าหาญของเขาก็มีแต่จะนำไปสู่ความหายนะ

ความยืดหยุ่นคือสิ่งที่สำคัญ ไม่ใช่ว่าผู้ที่มีความกล้าหาญและมีอำนาจทุกคนจะเป็นผู้ชนะในเกมการเมือง มันเป็นเรื่องของการสงบสติอารมณ์ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย และการประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ หากจำเป็น บางครั้งเราก็ต้องแสร้งทำเป็นอ่อนแอ เพื่อสร้างโอกาสที่จำเป็นในการคว้าชัยชนะ ทั้งหมดนี้เป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับนักการเมือง แต่เห็นได้ชัดว่าพอลขาดมัน

กลับกันแล้ว โรเอลมีความเหนือกว่าอย่างท่วมท้นในเรื่องนี้

แน่นอนว่าลิเลียนเข้าใจดีว่าทักษะเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าโรเอลผ่านอะไรมาบ้าง แต่อย่างน้อย ๆ เด็กสาวก็ทราบถึงสถานการณ์ของพอลดี นี่เพิ่งผ่านมาเพียงครึ่งปีที่เขาถูกนำกลับมาจากหมู่บ้านบนภูเขาอันห่างไกล ดังนั้นมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะยังขาดประสบการณ์

ถึงกระนั้น นั่นก็ไม่ได้ขัดขวางลิเลียนจากการให้คำเตือนอันเข้มงวดแก่ผู้กดขี่

“ในฐานะผู้ถือแหวนและหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย มันเป็นความรับผิดชอบของฉันที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่านักเรียนของเราได้รับความสงบสุขและความปลอดภัยในช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ภายในสถาบันการศึกษา ในปีต่อ ๆ ไป เราจะดำเนินการปราบปรามกรณีการกลั่นแกล้งในสถาบันการศึกษาให้เข้มข้นยิ่งขึ้น”

“ความสามารถของพวกเราในการร่วมมือกันในยามลำบาก ทำให้พวกเรามีชัยเหนือสัตว์อสูรที่ทรงพลังในช่วงปีแรก ๆ ของยุคที่สาม การปกป้องผู้อ่อนแอเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้เราแตกต่างจากสัตว์ร้าย ในฐานะนักเรียนของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ผู้นำในอนาคตของมวลมนุษยชาติ มันเป็นความรับผิดชอบของพวกเราที่จะต้องรับประกันว่าความยุติธรรมและความเป็นกลางจะได้รับการสนับสนุน”

เสียงอันสงบนิ่งของลิเลียนดังก้องกังวานไปทั่วห้องประชุม วาทศิลป์ของเธอสั่นพ้องกับจิตใจของเหล่านักเรียนทำให้ได้รับการสนับสนุนอย่างรวดเร็ว

นักเรียนใหม่ถือเป็นกลุ่มที่เปราะบางที่สุดในสถาบันการศึกษา และเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ของพอลก็ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักเรียน มันทำให้พวกเขาสงสัยว่าตนเองจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปรึเปล่า ซึ่งการรับประกันของลิเลียนก็ได้ช่วยคลายความกังวลของพวกเขาลง

เสียงปรบมือดังก้องพร้อมกับเสียงโห่ร้องยินดี ลิเลียนโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วเดินจากไป สักพักใหญ่ ๆ ฝูงชนที่ตื่นเต้นก็ได้สงบลงอีกครั้ง เมื่อตัวแทนนักเรียนกล่าวสุนทรพจน์เสร็จ ขั้นตอนสุดท้ายจึงเหลือเพียงขั้นตอนเดียวสำหรับพิธีเปิดภาคการศึกษา

“นักเรียนใหม่ทุกคน ยกมือขึ้นแล้วรีดเร้นพลังเวทออกมา”

เสียงของอาจารย์ก้องกังวานในห้องประชุม มือที่เปล่งแสงจาง ๆ ถูกชูขึ้น ไม่นานนักเหล่านักเรียนก็ได้รับวัตถุทรงกลมที่ตกลงมาจากเพดาน

คณะอาจารย์ได้ใช้พลังเวทของพวกเขาส่งมอบอุปกรณ์เวทเหล่านี้ให้กับนักเรียนที่ปล่อยพลังเวทออกมา มันเป็นกระดิ่งที่มีขนาดประมาณลูกกวาด ทว่าข้างในนั้นไม่ได้มีลูกบอลโลหะอยู่ แต่เป็นวิญญาณขนาดเล็กคล้ายกับจุดไฟ

โรเอลเองก็ได้รับมันมาเช่นกัน เด็กหนุ่มลูบอักษรรูนที่สลักเอาไว้ด้านนอก สัมผัสถึงการเคลื่อนไหวอันมีชีวิตชีวาของจิตวิญญาณที่สถิตอยู่ภายในกระดิ่ง ทันใดนั้นเองเสียงของอาจารย์คนหนึ่งก็ดังขึ้น

“สำหรับนักเรียนที่ได้รับอุปกรณ์เวทแล้ว โปรดทราบว่านี่เป็นสิ่งของที่จำเป็นสำหรับพิธีในวันพรุ่งนี้ จงดูแลมันให้ดี โปรดพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับวิญญาณนำทางของตัวเอง เพื่อความสะดวกในการเดินทางสู่โบราณสถานยามค่ำคืน ห้ามทำร้ายวิญญาณภายในโดยเด็ดขาด และขอเตือนไว้ว่าผู้ที่ทำเช่นนั้นจะต้องเผชิญกับบทลงโทษอันร้ายแรง”

“ขอประกาศการเริ่มต้นพิธีกรรมสุดท้ายของพิธีเปิดภาคการศึกษาของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ค่ำคืนแห่งปีศาจ ขอให้ทุกท่านโชคดี”