บทที่ 141 ความลับลูกแก้วโลหิต
พวกเขาเดินเข้าไปในป่าลึกแห่งนี้โดยไม่รู้ตัว บางครั้งจะพบยาวิเศษที่เติบโตที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นยาระดับหนึ่ง ระดับสองจะน้อยกว่า
ยาวิเศษระดับนี้ จอมยุทธ์พรสวรรค์ไม่สนใจสักนิด และแน่นอนว่าไม่มีใครเก็บยาวิเศษพวกนี้
ระหว่างทาง มักจะมีอสูรระดับ2 ออกมาโจมตี สำหรับจอมยุทธ์พรสวรรค์ เพียงแค่ยกมือขึ้นก็สามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย
“โฮก!”
อสูรเสือตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ อ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือดและพุ่งไปฆ่าหลัวซิวที่ใกล้ที่สุด
หลัวซิวรู้สึกได้ถึงการมีตัวตนอยู่ของอสูรเสือตัวนี้ตั้งนานแล้ว เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นและชี้ออกไป พลังดาบที่ควบแน่นด้วยเปลวไฟแห่งมรณะก็พุ่งออกไป เจาะทะลุหัวของอสูรเสือ มันเสียชีวิตทันที
แต่ที่น่าแปลกก็คือ หลังจากที่อสูรเสือถูกฆ่า ร่างกายของมันก็ค่อยๆเบลอ เลือดทั้งหมดรวมตัวกัน ลูกแก้วสีเลือดขนาดเท่าเล็บมือก็ปรากฏขึ้นบนพื้น
ภาพแปลก ๆนี้ ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นที่มาด้วยกัน
“เจ้าโชคดีจริงๆ ฆ่าอสูรระดับ2 ยังมีลูกแก้วโลหิตอีกด้วย” เหยียนเยว่เอ๋อร์ผู้ซึ่งเดินอยู่ด้านหน้ากล่าว
“ลูกแก้วโลหิต? นี่คืออะไร?” หลัวซิวคว้าลูกแก้วโลหิตมาอยู่ในมือของเขา รู้สึกได้ว่าในลูกแก้วขนาดเล็กนี้เต็มไปด้วยพลังงที่แข็งแกร่ง
“ลูกแก้วโลหิตถูกสร้างขึ้นจากพลังทั้งหมดของอสูรในแดนนานาอสูร จอมยุทธ์ได้กลั่นแปร สามารถเสริมพลังปราณของตัวเองให้แกร่งขึ้น มีผลต่อการกลั่นร่าง หากผู้ที่ฝึกตนด้วยวิชาการกลั่นร่าง ผลจะดียิ่งกว่า”
เหยียนเยว่เอ๋อร์กล่าว “ความลับของลูกแก้วโลหิต มีคนรู้น้อยนักในประเทศเทียนหวู”
ตามที่เหยียนเยว่เอ๋อร์กล่าว ลูกแก้วโลหิตนี้สามารถมีผลในการกลั่นร่าง เป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน แต่สมบัติประเภทนี้ถูกผูกขาดโดยพวกที่มีอำนาจ จอมยุทธ์ธรรมดาไม่รู้จักการมีอยู่ของสมบัติประเภทนี้ด้วยซ้ำ
และลูกแก้วโลหิตชนิดนี้ จะได้จากการฆ่าอสูรในแดนนานาอสูรเท่านั้น
หลัวซิวรู้สึกได้ถึงพลังแข็งแกร่งจากลูกแก้วโลหิต หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ เขาก็กลืนลูกแก้วโลหิตลงไป พลังแข็งแกร่งได้รับการกลั่นแปรอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เลือดปราณแข็งแกร่งขึ้น ร่างกายก็แข็งแรงขึ้นเล็กน้อย
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของหลัวซิวดูตะลึง ลูกแก้วโลหิตสามารถกลั่นร่างได้ ก็หมายความว่าถ้ามีลูกแก้วโลหิตเพียงพอ เขาจะสามารถฝึกวิชาวัชรยักษ์ครองร่างไปสู่ขั้นที่สูงขึ้นได้?
เนื่องจากลูกแก้วโลหิตชนิดนี้ มีแต่ในแดนนานาอสูรถึงจะได้มา จะเห็นได้ว่าเป็นเพราะปริภูมิของแดนนานาอสูรหรือว่าผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ ได้เปิดปริภูมินี้โดยเฉพาะ เพื่อเลี้ยงอสูร เพื่อล่าลูกแก้วโลหิต?
หลังจากได้รู้ถึงประโยชน์ของลูกแก้วโลหิตแล้ว จอมยุทธ์พรสวรรค์อื่นๆ ที่มาด้วยกัน สายตาร้อนแรง แย่งกันไล่ล่าอสูร
…..
ใกล้เทือกเขากวนเหลย ชายชราสามคนที่มีผมสีขาวและมีเครายืนอยู่กลางท้องฟ้า สีหน้าเคร่งขรึม
“เหยียนเยว่เอ๋อร์ได้ขโมยแผนที่แดนนานาอสูรและหยกอสูรจันทราสีเลือด จากข้อมูล นางเข้ามาที่นี่พร้อมกับทาสหลายร้อยคนและจอมยุทธ์ไม่เป็นทางการ”
“ทาสหลายร้อยคนต้องเป็นพวกที่สังเวยโลหิตเพื่อเปิดแดนลับ ส่วนจอมยุทธ์ไม่เป็นทางการเหล่านั้น ก็ต้องใช้สำหรับสังเวยโลหิตด้วย”
“ในฐานะน้องสาวแท้ๆของนายท่าน ทางตระกูลดีกับนางมาก คาดไม่ถึงว่านางจะไม่คิดที่จะตอบแทน แล้วยังทรยศต่อตระกูลด้วย!”
“ทางเข้าสู่แดนนานาอสูร จะปรากฏขึ้นแบบสุ่มทุกๆสิบปี มีแต่แผนที่ลับเท่านั้นที่จะหาพิกัดจริงๆ เทือกเขากวนเหลยใหญ่อย่างนี้ พวกข้าไปหาที่ใดกันเล่า?”
“แม้จะขุดลงไปที่พื้นสามฟุตก็ต้องหานางให้พบ ทันทีที่พวกข้าปล่อยให้นางเข้าไปในแดนนานาอสูร มันจะยากมากหากพวกข้าจะหานางเจอ พวกข้าจะบอกนายน้อยตำหนักจื่ออย่างไร?”
ผู้อาวุโสที่เป็นผู้นำในทั้งสามคนพ่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา แบมือหยิบกล่องส่งเสียงออกมา เตรียมเรียกผู้คนมาเพื่อค้นเทือกเขากวนเหลย
……
เดินอยู่ในป่าที่มืดครึ้ม จะมีอสูรพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ข้างๆเป็นบางครั้ง พวกหลัวซิวเดินลึกเข้าไปมากขึ้น พวกเขเจอการโจมตีจากอสูรก็มากขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างทาง พวกเขาถูกโจมตีจากอสูรเป็นกลุ่มสามครั้ง อสูรระดับ2 จำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกฆ่าตาย
ได้ฆ่าอสูรจำนวนมาก การเก็บเกี่ยวของทุกคนก็ไม่น้อย จอมยุทธ์เกือบทุกคนจะได้ลูกแก้วโลหิตหลายลูก ผู้ที่ได้ลูกแก้วโลหิตมากที่สุดคือหลัวซิวกับจอมยุทธ์แดนพรสวรรค์ขั้น 8
ได้ลูกแก้วโลหิตมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยทั่วไป ฆ่าอสูรระดับ2 ยี่สิบตัวจะได้ลูกแก้วโลหิตหนึ่งลูก เรียกได้ว่าเป็นการพึ่งโชคก็ว่าได้
เหยียนเยว่เอ๋อร์และคนสองคนที่อยู่ข้างๆนาง ต่างจากหลัวซิวและคนอื่นๆ พวกนางไม่ได้รวบรวมลูกแก้วโลหิต ทุกคนก็ไม่ได้สนใจ เพราะนางมาจากตระกูลเหยียน ลูกแก้วโลหิตระดับต่ำเช่นนี้ย่อมไม่วางไว้ในสายตา
สี่ชั่วโมงต่อมา หลัวซิวได้ลูกแก้วโลหิตเป็นจำนวนมาก อสูรระดับสองในพื้นที่เขตที่1นี้ไม่สามารถต้านทานการยกนิ้วของเขาได้ ระหว่างทางนี้ เขาฆ่าอสูรทั้งหมดกว่า 300 ตัว และได้ลูกแก้วโลหิตมา13 ลูก
คนอื่นๆก็ได้ฆ่าอสูรจำนวนไม่น้อย ฆ่าอสูรเป็นเวลานานติดต่อกัน แม้ว่าจะเป็นอสูรระดับระดับ2 พลังของทุกคนก็ใช้ไปไม่น้อย
มีเพียงเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่ฆ่าอสูรน้อยมาก กับจอมยุทธ์แดนพรสวรรค์ขั้น 8 และหลัวซิวสามคนที่เสียงพลังไปเพียงเล็กน้อย
เหยียนเยว่เอ๋อร์เป็นเพราะไม่ได้ฆ่าอสูรสักตัว หลัวซิวและจอมยุทธ์แดนพรสวรรค์ขั้น 8 มีปราณแท้มากอยู่แล้ว ฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ดังนั้นเสียปราณแท้น้อย
หลังจากที่ลูกแก้วโลหิตทั้ง 13 ลูก ได้กลั่นแปรหมดแล้ว ร่างกายของหลัวซิวก็แข็งแรงเป็นสองเท่าจากในตอนแรก ถึงขีดจำกัดของสำเร็จน้อย อีกนิดหนึ่งก็จะถึงขั้นแรกของบรรลุผล เทียบได้กับนักยุทธ์ระดับชั้นสูง!
แม้วิชาวัชรยักษ์ครองร่างจะเป็นวิชายุทธ์ระดับ5 แต่ภายหลัง หลัวซิวพบว่านี่เป็นวิชายุทธ์ที่ไม่สมบูรณ์ มีสองขั้น ขั้น 1สามารถชุบร่างเนื้อเทียบเท่ากับนักยุทธ์ชั้นสูง แบ่งเป็นแดนเล็กสี่แห่ง ได้แก่ สำเร็จแรก สำเร็จน้อย บรรลุผลและบริบูรณ์
ขั้น1บริบูรณ์แล้ว ร่างกายสามารถเทียบได้กับนักยุทธ์ขระดับชั้นสูง แม้ว่าจะเป็นการโจมตีจากปรมาจารย์ฝึกจิตธรรมดา ก็ยังสามารถต้านทานได้บ้าง
และวรยุทธ์ขั้น 2 สามารถไปถึงได้แค่สำเร็จแรกเท่านั้น ไม่มีเนื้อหาต่อไป
นี่ก็หมายความว่าวิชายุทธ์นี้แค่สามารถชุบร่างเนื้อให้ร่างกายมีระดับนักยุทธ์ระดับชั้นล่างเท่านั้น
ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ทำให้หลัวซิวอารมณ์ดี ลูกแก้วโลหิตอสูรระดับ 2 ก็มีผลมหัศจรรย์เช่นนี้ หากเป็นลูกแก้วโลหิตที่มาจากอสูรระดับสูง ผลจะต้องดีกว่าอย่างแน่นอน
เขาอาจจะสามารถฝึกฝนวิชาวัชรยักษ์ครองร่างที่นี่ถึงระดับที่สองได้!
เหยียนเยว่เอ๋อร์รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของหลัวซิว มีความประหลาดใจผ่านวาบขึ้นมานดวงตาที่สวยงามของนาง แอบคิดว่าไอ้ชายหนุ่มคนนี้ที่เรียกตัวเองว่าหลัวซิว ได้ฝึกฝนวิชาการกลั่นร่าง และดูเหมือนว่าเขาจะฝึกฝนไปถึงขระดีบที่ไม่ต่ำอีกด้วย
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ทุกคนก็มาถึงจุดสิ้นสุดของป่า
ใจกลางของที่โล่ง มีแท่นบูชาสูงประมาณ 6 ถึง 7 เมตร เหนือแท่นบูชา มีแสงเงินโลหิตวูบวาบซึ่งค่อนข้างคล้ายกับลำแสงค่ายกลตอนที่เข้าสู่แดนลับ
“สามารถเข้าสู่พื้นที่เขตที่ 2 จากที่นี่ได้ ต้องใช้หยกอสูรจันทราคู่เพื่อเปิดค่ายกล”