หลังจากไปถึงจุดที่วิวดีที่สุด หลี่หรงเริ่มปูผ้ารองนั่งทันทีและเตรียมข้าวของที่นำมาออกมาวางเอาไว้ซึ่งมีอาหารและขนมมากมาย

“พ่อจ๋าดูสินั่นปลาตัวเล็ก ๆ เต็มไปหมดเลย!”

ในระหว่างที่หลี่หรงกำลังจัดวางข้าวของ อวี้ฮ่าวหรานก็พาถวนถวนออกไปเดินเล่นตามชายฝั่งแม่น้ำที่ตื้นๆ

“ถวนถวน ลูกอยากเห็นพ่อล่อปลาตัวเล็ก ๆ พวกนั้นเข้ามาใกล้ ๆ ไหม?”

“เอา! ถวนถวนอยากเห็น ๆ!”

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะ จากนั้นเขาก็ขยี้ขนมปังที่เขาหยิบมาด้วยให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ และโปรยลงไปที่ชายฝั่งใกล้ ๆ

แน่นอนว่าพวกปลาเล็ก ๆ ต่างแหวกว่ายกันเข้ามาหาทันทีและนั่นทำให้ ลูกสาวตัวน้อยอดใจไม่อยู่กระโดดลงไปตรงจุดน้ำตื้นที่พวกปลาตัวเล็ก ๆ กำลังแหวกว่ายกัน

“ปลาน้อย เย้ ๆ!”

เด็กน้อยตะโกนร้องอย่างมีความสุข แต่ในขณะเดียวกัน หลี่หรงกลับขมวดคิ้วกับภาพที่เห็น

เธอรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเพราะอากาศตอนนี้ค่อนข้าวหนาว การที่เด็กวัยถวนถวนลงไปเล่นน้ำจนตัวเปียกแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ดี หลานของเธอจะไม่สบายเอาได้ง่าย ๆ!

“ถวนถวน…ขึ้นมาจากน้ำเดี๋ยวนี้! ดูสิเสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว!”

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่หรงที่จัดของเสร็จแล้วจึงเดินมาเรียกทันที

เด็กน้อยซึ่งกำลังสนุกอยู่สีหน้าเปลี่ยนทันทีเมื่อเห็นว่าหลี่หรงเดินเข้ามาเรียกด้วยสีหน้าไม่พอใจ เด็กน้อยรีบขึ้นจากน้ำและเดินคอตกไปหาหญิงสาวพร้อมกับเจ้าลูกกวาด

“ดูสิเปียกหมดเลย! อากาศหนาวแบบนี้ถ้าเป็นหวัดขึ้นมาจะแย่นะรู้ไหม?”

หลี่หรงดุด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“หนูขอโทษ…แม่หรง”

เมื่อถูกดุ ถวนถวนก็เอ่ยขอโทษอย่างน่าสงสารทันที

เมื่อเห็นท่าทางที่ดูน่าสงสารปนน่ารักของหลานตัวเอง หญิงสาวก็ใจอ่อนและยิ้มออกมา จากนั้นเธอจึงจูงถวนถวนกลับไปที่รถเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่อีกชุด

หลังจากพาถวนถวนไปเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ทั้งสามคนและหมาอีกหนึ่งตัวก็นั่งล้อมวงทานอาหารกลางวันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่

“เย้ ๆ ปิกนิก ๆ ถวนถวนได้ปิกนิกเหมือนในทีวีเล้ย!”

เด็กน้อยตะโกนขึ้นอย่างเบิกบานจนทำให้อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกคุ้มค่ากับการที่เขาลงทุนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับมา

นี่แหละคือสิ่งที่เขาคาดหวังมาโดยตลอด

“แชะ!”

หลี่หรงหยิบกล้องขึ้นมาแล้วถ่ายภาพอวี้ฮ่าวหรานคู่กับถวนถวน จากนั้นเธอจึงยื่นกล้องให้อวี้ฮ่าวหราน

“พี่เขย พี่ถ่ายให้ฉันบ้างเร็ว ฉันอยากได้ภาพสวย ๆ ของฉันกับถวนถวน!”

อวี้ฮ่าวหรานรับกล้องมาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุขกับบรรยากาศครอบครัว ชายหนุ่มถ่ายภาพให้หลี่หรงและถวนถวนไปอีกหลายรูป

หลังจากกินอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งสามคนก็นั่งมองวิวริมแม่น้ำด้วยความเพลิดเพลิน

“พ่อจ๋า หนูขอไปเล่นกับเจ้าลูกกวาดนะ” ถวนถวนอดไม่ได้ที่จะขอออกไปวิ่งเล่น

“เอาสิ แต่อย่าออกไปไกลนักนะ”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า

หลังจากได้รับอนุญาต ถวนถวนก็วิ่งออกไปกับเจ้าลูกกวาดทันที ส่วน หลี่หรงก็มองตามพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย

“ตั้งแต่พี่เม่ยจากไป ฉันก็ไม่เคยเห็นถวนถวนมีความสุขแบบนี้เลย เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ”

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกสั่นไหวเมื่อได้ยินคำพูดนี้

“อืม เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ…”

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังเหม่อคิดอยู่ ก็มีเรือสปีดโบ๊ทลำหนึ่งแล่นผ่านสร้างคลื่นลูกใหญ่โถมเข้าฝั่ง ซึ่งถวนถวนและเจ้าลูกกวาดก็กำลังเล่นอยู่บริเวณชายฝั่งด้วย!

“ว๊าย!!”

หลี่หรงที่เห็นภาพถวนถวนโดนคลื่นกวาดกลับลงไปยังส่วนลึกของแม่น้ำกรีดร้องลั่นด้วยความตกใจ

“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!”

เจ้าลูกกวาดที่โดนคลื่นซัดเช่นกันมันโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำได้ก่อนและเห่าไม่หยุดเนื่องจากความเป็นห่วงเจ้านายของมัน

มันพยายามที่จะว่ายเข้าไปช่วยถวนถวน แต่น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงแค่หมาตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งความพยายามของมันจึงไม่เป็นผลอะไรเลย

“ดูสิเด็กตกน้ำ!”

“ใครก็ได้รีบลงไปช่วยเด็กคนนั้นเร็ว!”

“พ่อแม่ของเด็กเป็นใครกันทำไมปล่อยให้ลูกตกน้ำแบบนี้!”

“…”

บรรดานักท่องเที่ยวที่มองเห็นเหตุการณ์ต่างตะโกนร้องและพยายามวิ่งเข้าไปช่วยกันจ้าละหวั่น

“หืม? เอะอะ อะไรกัน? เอ๊ะ ถวนถวนไปไหน?”

อวี้ฮ่าวหรานถูกเสียงของฝูงชนและหลี่หรงปลุกขึ้นจากห้วงความคิดลึกของตัวเอง แต่แล้วเมื่อเขามองยังทิศทางเดียวกับที่ฝูงชนกำลังชี้นิ้วไป เขาก็ได้เห็นภาพที่ทำให้เขาหัวแทบระเบิด!

ลูกของเขากำลังจมน้ำ!

หลี่หรงเป็นคนแรกที่รีบวิ่งออกไปที่แม่น้ำอย่างไม่คิดชีวิต

“ถวนถวน อดทนไว้แม่หรงกำลังไปช่วยแล้ว!”

เมื่อวิ่งไปถึงชายฝั่ง หลี่หรงก็กระโดดลงน้ำทันทีและว่ายออกไปอย่างบ้าคลั่ง

อย่างไรก็ตามในขณะที่เธอกำลังว่ายน้ำไปหาถวนถวนอยู่นั้น จู่ ๆ เธอกลับเห็นภาพที่น่าอัศจรรย์บังเกิดขึ้นต่อหน้า!

มีใครบางวิ่งบนผิวน้ำแซงหน้าเธอไป!

หืม? นั่นไม่ใช่พี่เขยของเธอหรอกเหรอ?

หลี่หรงเคยเห็นความน่าอัศจรรย์ของอวี้ฮ่าวหรานมากมายแล้ว แต่เธอยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับภาพในวันนี้

แน่นอนว่าถ้าหากแม้แต่หลี่หรงยังตกตะลึง ฝูงชนรอบ ๆ จะต้องตกตะลึงยิ่งกว่าแน่นอน…

ฝูงชนทั้งหลายต่างพากันตกตะลึงจนอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น

“นี่ฉันตาฝาดไปรึเปล่าเนี่ย? นั่นวิ่งบนน้ำจริง ๆ ใช่ไหม?”

“บ้าแล้ว นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้ ต้องถ่ายหนังกันอยู่แน่ๆ!”

“ใช่! นี่มันเหมือนในหนังกำลังภายในเลย!”

“…”

ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที อวี้ฮ่าวหรานก็พาตัวถวนถวนขึ้นมาบนบกได้สำเร็จ ซึ่งฝูงชนที่ไม่เคยเห็นคนวิ่งบนน้ำได้มาก่อนต่างก็รีบเดินมารุมล้อมทันที

“พ่อหนุ่ม เมื่อครู่นั่นมันอะไรกัน? นี่นายกำลังถ่ายหนังอยู่ใช่ไหม? ว่าแต่เอ…สายสลิงของนายอยู่ไหน?”

“พี่ชาย! พี่โคตรเท่ห์เลย! พี่สอนฉันบ้างได้ไหม! ฉันอยากทำได้บ้าง!”

“…”

ยิ่งเวลาผ่านไปฝูงชนก็ยิ่งมารุมล้อมถามคำถามมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจฝูงชนเลย เขาอุ้มถวนถวนฝ่าฝูงชนออกไปด้วยสีหน้ารำคาญ

ที่อีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นว่าถวนถวนถูกช่วยแล้ว หลี่หรงก็ว่ายน้ำกลับมาที่ฝั่งและเดินตรงปรี่มาหาอวี้ฮ่าวหราน

“พี่เขย! ทำไมพี่ไม่บอกฉันก่อนว่าพี่วิ่งบนน้ำได้แบบนั้น! ถ้าฉันรู้ว่าพี่วิ่งบนน้ำได้ตั้งแต่แรกฉันคงไม่กระโดดลงไปให้ตัวเปียกแบบนี้หรอก!”

อวี้ฮ่าวหรานหันกลับมามองหลี่หรงที่กำลังหงุดหงิดด้วยสีหน้าจนใจ แต่แล้วเมื่อเขามองดี ๆ เขาก็เห็นว่าในเวลานี้เสื้อผ้าของหลี่หรงที่เปียกปอนมันทำให้สามารถมองทะลุจนเห็นเสื้อในของเธอได้

“เธอรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอก่อนจะดีกว่า ตอนนี้มันเปียกจนทุกคนมองทะลุได้หมดแล้ว”

“เอ๊ะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่หรงก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเสื้อที่เธอใส่มันเป็นสีขาวและถ้าหากมันเปียกน้ำ ทุก ๆ คนจะเห็นเสื้อในเธอหมดเลย!