ตอนที่ 479 เรื่องจริง! นี่คือลูกสาวของเธอ! (1) / ตอนที่ 480 เรื่องจริง! นี่คือลูกสาวของเธอ! (2)

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 479 เรื่องจริง! นี่คือลูกสาวของเธอ! (1)

 

 

“ดูจากภายนอกแล้วเหมือนแผลไฟลวก แต่ฉันดูรายงานตรวจสุขภาพของคุณแล้ว คุณเคยคลอดลูกจริงๆ ถ้าดูตามระดับการฟื้นฟูของแผลผ่าคลอด อย่างน้อยผ่านมาสองสามปีแล้ว ส่วนทำไมแผลเป็นถึงที่ลักษณะเป็นอย่างนั้น ก็น่าจะเป็นเพราะแผลผ่าคลอดเคยถูกไฟลวก”

 

 

หมออธิบายอย่างเป็นมืออาชีพ หลังจากพูดจบ เธอก็กล่าวเตือนอีก

 

 

“ฉันว่ารอบๆ แผลเป็นของคุณก็น่าจะโดนไฟลวก แต่กลืนไปกับแผลเก่าในภายหลัง”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!

 

 

คำพูดของหมอเหมือนฟ้าผ่าลงกลางศีรษะของเหนียนเสี่ยวมู่อย่างจัง

 

 

หญิงสาวไม่เคยคิดมาก่อน ว่าตัวเองจะมีลูก…

 

 

ถ้าคำพูดของหมอเป็นความจริง แล้วลูกของเธอล่ะ?

 

 

ตอนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ ถานเปิงเปิงเห็นลูกของเธอหรือเปล่า

 

 

ทำไมถานเปิงเปิงไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ แม้กระทั่งไม่เคยบอกเธอว่ารอยแผลเป็นบนท้องไม่ใช่แผลไฟลวก แต่เป็นแผลผ่าคลอดต่างหาก!

 

 

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” หมอเห็นสีหน้าของเธอไม่ค่อยดี จึงเอ่ยถามขึ้นมา

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็ดึงสติกลับมาทันที

 

 

เธอลุกขึ้นจากที่นั่งทันที แล้วเดินไปตรงหน้าหมอ ก่อนจะหยิบผลตรวจสุขภาพทั้งหมดขึ้นมา หญิงสาวหมุนตัวเตรียมจะออกไป แต่ก็หยุดฝีเท้าไว้ เมื่อนึกอะไรขึ้นได้

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่หันหลังกลับไปอีกครั้ง “ขอโทษนะคะ คุณช่วยอย่าเพิ่งบอกเรื่องในวันนี้กับใครได้ไหมคะ”

 

 

ครั้นเห็นหมอพยักหน้า หญิงสาวถึงจะถือผลตรวจออกจากโรงพยาบาลไป

 

 

หลังจากขึ้นรถไปแล้ว เธอก็โทรศัพท์หาถานเปิงเปิง

 

 

แต่โทรศัพท์ติดต่อไปหลายครั้งแล้ว ปลายสายกลับปิดเครื่องอยู่ตลอด

 

 

หญิงสาวหาที่อยู่ที่ทำงานและที่บ้านของถานเปิงเปิง ก่อนจะนึกขึ้นได้อย่างว่องไว ว่าอีกฝ่ายไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ

 

 

หากคำนวณตามเวลาที่ถานเปิงเปิงเคยบอกเธอไว้ ก็น่าจะอยู่บนเครื่องบินขากลับมาแล้ว…

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋พร้อมด้วยจิตใจอันล่องลอย

 

 

เมื่อคิดได้ว่าตัวเองเคยมีลูกคนหนึ่ง หัวใจของเธอก็เหมือนถูกใครบางคนบีบอย่างแรง…

 

 

เธอร้อนใจอยากจะรู้แล้ว ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

 

 

ถานเปิงเปิงเคยบอกว่า ตอนที่เธอช่วยเหนียนเสี่ยวมู่ไว้ หญิงสาวเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายเท่านั้น

 

 

แล้วลูกของเธอจะยังมีชีวิตอยู่เหรอ

 

 

ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนกัน

 

 

หมอเล่าถึงสภาพการฟื้นฟูร่างกายของเธอ และบอกว่าอย่างน้อยลูกของเธอต้องอายุสองสามขวบแล้ว อย่างนั้นก็น่าจะอายุพอๆ กับเสี่ยวลิ่วลิ่ว

 

 

ครั้นสถานการณ์ที่เสี่ยวลิ่วลิ่วเจอในโรงเรียนอนุบาลเมื่อวาน เหนียนเสี่ยวมู่ก็เริ่มลนลาน

 

 

เมื่อวานเธอยังคิดอยู่เลย ว่าทำไมแม่ของเสี่ยวลิ่วลิ่วถึงได้ใจร้ายแบบนี้ ทิ้งลูกเล็กขนาดนี้ไว้ แล้วหนีไปได้อย่างไร

 

 

แต่วันนี้เธอก็ทำเรื่องแบบเดียวกัน

 

 

ถ้าเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ จะเจอสถานการณ์เดียวกับเสี่ยวลิ่วลิ่วหรือเปล่า

 

 

จะถูกคนดูถูกเพราะไม่มีแม่หรือเปล่า

 

 

จะโดนใครรังแกหรือเปล่า

 

 

แค่คิดถึงตรงนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็นั่งไม่ติดที่แล้ว

 

 

เธอเหลือบเห็นเสื้อนอกของอวี๋เยว่หานอยู่ในห้องรับแขก ก่อนจะชะงักไปในทันที เพราะนึกได้ว่าตัวเองมองข้ามไปเรื่องหนึ่ง

 

 

ตอนนี้เธอคบกับอวี๋เยว่หานแล้ว เขาจะถือสาหรือเปล่า ที่เธอเคยมีลูกมาแล้ว

 

 

แต่ไม่ว่าเขาจะถือสาหรือไม่ เธอก็ไม่อยากปิดบังเขาเช่นกัน

 

 

เสี่ยวลิ่วลิ่วเป็นเจ้าหญิงน้อยของตระกูลอวี๋ แต่ถูกคนอื่นรังแกเพราะว่าไม่มีแม่

 

 

แล้วลูกของเธอจะน่าสงสารขนาดไหนกัน

 

 

ถ้าเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ เธอจะต้องตามหาให้เจอ…

 

 

“คุณเหนียน กลับมาแล้วเหรอครับ” ตอนนี้พ่อบ้านเห็นเหนียนเสี่ยวมู่เป็นคุณผู้หญิงของคฤหาสน์ตระกูลอวี๋แล้ว เมื่อเขาเห็นเธอกลับมาจากข้างนอก จึงเข้ามาทักทายอย่างนอบน้อม

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ตาเป็นประกาย พลางเอ่ยถาม “อวี๋เยว่หานล่ะคะ?”

 

 

 

 

ตอนที่ 480 เรื่องจริง! นี่คือลูกสาวของเธอ! (2)

 

 

“คุณชายเพิ่งกลับมาจากข้างนอกครับ แต่เหมือนจะมีเรื่องด่วน เลยไปที่ห้องหนังสือแล้ว”

 

 

“…”

 

 

เมื่อได้ยินพ่อบ้านพูดอย่างนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ถึงจะนึกขึ้นได้ ดูเหมือนหลายวันนี้เขาจะยุ่งมากทีเดียว

 

 

เมื่อวานเธอนอนเร็ว จึงไม่รู้ว่าเขากลับมากี่โมง

 

 

พอเธอตื่นขึ้น เขาก็ออกไปข้างนอกแล้ว

 

 

ท่าทางรีบร้อนเชียว

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่สงบสติอารมณ์ ก่อนจะสาวเท้าขึ้นไปชั้นบน

 

 

ระหว่างทางเธอกระวนกระวายใจอยู่ตลอด ถ้าอวี๋เยว่หานรู้ว่าเธอเคยมีลูก เขามีจะปฏิกิริยาอย่างไรกัน

 

 

เขาจะทอดทิ้งเธอไหม จะยอมไปตามหาเด็กคนนั้นกับเธอหรือเปล่า

 

 

จนกระทั่งถึงตอนนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ถึงจะตระหนักได้ ว่าเธอตัดใจไปจากเขาไม่ได้

 

 

ยิ่งรักลึกซึ้ง ก็ยิ่งหวาดหลัว

 

 

กลัวว่าเขาจะรังเกียจ กลัวว่าจะทำให้พวกเขาเลิกกันเพราะเหตุผลต่างๆ…

 

 

แต่เธอไม่มีทางเลือกมากนัก

 

 

เด็กคนนั้นเป็นลูกของเธอ เธอจะทำเป็นเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้

 

 

หญิงสาวมองห้องหนังสือที่ใกล้เข้ามา ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วรวบรวมความกล้าก้าวไปข้างหน้า

 

 

แต่เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูห้อง เธอก็ได้ยินเสียงน่าดึงดูดของอวี๋เยว่หานดังมาจากข้างในห้องหนังสือ “หาเจอแล้วเหรอ ไม่ต้องหรอก ผมจะไปด้วยตัวเองเดี๋ยวนี้!”

 

 

เขากำลังคุยโทรศัพท์

 

 

น้ำเสียงดูรีบร้อน เหนียนเสี่ยวมู่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

 

 

เขาหาอะไรเจอแล้ว ถึงได้ดีใจขนาดนั้น

 

 

ในหัวของเหนียนเสี่ยวมู่พลันปรากฏคำพูดก่อนหน้านี้ของเขา ที่ว่าจะต้องตามหาแม่ของเสี่ยวลิ่วลิ่วให้เจอ…

 

 

มือข้างลำตัวของเธอกำแน่นเข้าหากันทันที

 

 

ในใจรู้สึกเจ็บปวด

 

 

แต่เธอยังไม่ทันดึงสติกลับมาได้ อวี๋เยว่หานที่วางสายไปแล้วก็เดินออกมาจากในห้องหนังสืออย่างรีบร้อน

 

 

ครั้นเห็นเธอยืนอยู่ที่หน้าประตู ชายหนุ่มก็ชะงักฝีเท้า ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง

 

 

“คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

“…” น้ำเสียงสอบถามของเขา ทำให้ลูกตาของเธอหดตัวเล็กน้อย

 

 

เขากลัวเธอรู้ว่ากำลังตามหาแม่ของเสี่ยวลิ่วลิ่วขนาดนี้เลยเหรอ

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่สูดหายใจเข้าลึกๆ “คุณพอจะว่างไหว ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ…”

 

 

“ตอนนี้ผมมีธุระด่วนต้องออกไปข้างนอก คุณมีเรื่องอะไร ไว้ผมกลับมาแล้วค่อยว่ากันนะ ผมมีเซอร์ไพรส์ให้คุณด้วย” อวี๋เยว่หานขยี้หัวของเธอด้วยความเอ็นดู ก่อนจะรีบร้อนเดินไป โดยไม่ให้โอกาสเธอได้พูดจา

 

 

หญิงสาวตะลึงอยู่ที่เดิม พลางมองเงาหลังของเขาเดินไกลออกไปเรื่อยๆ…

 

 

ราวกับว่าระยะห่างระหว่างทั้งสองคน ไกลออกไปเรื่อยๆ เช่นกัน

 

 

อยู่ๆ เธอก็ยิ้มออกมา

 

 

ดูสิ พวกเขาสองคนเหมาะสมกันขนาดไหน

 

 

แม่ของลูกเขาไม่ใช่เธอ ส่วนลูกของเธอเป็นตายอย่างไร อยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้แน่ชัด…

 

 

พวกเขาจะคบกันไปอย่างนี้เหรอ

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ยิ้ม ยิ้มจนร้องไห้ออกมา

 

 

เธอยืนทรงตัวไม่ไหวแล้ว จึงนั่งยองๆ ลงกับพื้น

 

 

สองมือของเธอกอดหัวเข่าเอาไว้ ทำได้แค่กอดตัวเอง เหมือนกับเด็กที่ถูกโลกทั้งใบทอดทิ้ง…

 

 

“แม่คนสวย!” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากปากบันได

 

 

เมื่อเห็นว่ามีคนขึ้นมาชั้นบน เหนียนเสี่ยวมู่ก็รีบเช็ดน้ำตาอย่างร้อนรน

 

 

หลังจากเงยหน้าขึ้น เธอเห็นร่างเล็กนุ่มนิ่มของเสี่ยวลิ่วลิ่วกำลังค่อยๆ ใช้มือปีนบันไดขึ้นมาทีละขั้น

 

 

เด็กหญิงเห็นเหนียนเสี่ยวมู่แล้ว ก็รีบยิงฟันยิ้มอย่างเบิกบานใจทันที

 

 

รอยยิ้มสดใสดูน่ารักเสียจนทำให้เธออยากจะเข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กไว้ในอกทันที

 

 

เสี่ยวลิ่วลิ่วปีนขึ้นมาถึงชั้นบนแล้ว เธอรีบก้าวขาสั้นๆ พุ่งเข้ามาหาเหนียนเสี่ยวมู่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะถลาใส่ตัวของหญิงสาว

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่กอดเด็กหญิงจนชื่นใจ บางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปในหัวใจ ราวกับได้รับการเติมเต็ม

 

 

ครั้นดึงสติกลับมาได้ เธอก็รีบยื่นมือไปลูบหน้าผากของเสี่ยวลิ่วลิ่วทันที

 

 

เมื่อคืนเสี่ยวลิ่วลิ่วนอนดิ้นถีบผ้าห่ม เมื่อเช้าตื่นมามีไข้ต่ำๆ อยู่บ้าง วันนี้จึงหยุดอยู่บ้าน ไม่ได้ไปโรงเรียนอนุบาล