“น่าจะเหนือกว่าระดับสาม ตาเฒ่าผู้นั้นเพิ่งจะเข้าสู่ระดับสาม เขาสามารถรับมือได้” ขอเพียงแค่ไม่มียอดฝีมือมาช่วยสนับสนุน

“แล้วเจ้าอยู่ระดับใด?”

“เป็นแค่วรยุทธในการป้องกันตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น จะเก่งกว่าเขาได้อย่างไร”

กู้ชูหน่วนกลอกตา

หากเชื่อเขาก็บ้าแล้ว

“กรงเลื่อนเคลื่อนออกไปแล้ว ฝูกวงจะมีวิธีตามาทันหรือไม่?”

“เขาเป็นผู้คุ้มกันของเจ้าไม่ใช่หรือ ผู้คุ้มกันของเจ้ามีความสามารถมากมาย หรือว่าเจ้ายังไม่รู้เรื่องนี้ดี”

“……”

“เขาตามมาแล้ว”

“ข้าน้อยคารวะนายท่าน” ฝูกวงเป็นเหมือนปีศาจ ไม่รู้ว่าเขาขึ้นไปบนกรงเลื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งและมองลงไปที่กู้ชูหน่วน

เหล่าผู้รับใช้ถอยห่างออกไป และมองฝูกวงด้วยความหวาดกลัว

กรงเลื่อนเคลื่อนมาออกมาไกลขนาดนี้แล้ว คนผู้นี้ตามมาทันได้อย่างไร?

เหตุใดคนพวกนั้นถึงไม่เห็นเขา?คงไม่ใช่ปีศาจนะ

“ลุกขึ้นเถอะ ทำได้ดีมาก”

ฝูกวงยิ้มอย่างเขินอาย ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาแดงก่ำไปถึงหู และไม่มีความดุดันเหมือนเมื่อครู่

“ใกล้จะถึงป้อมปราการที่สองแล้ว ท่านพี่เฉินเฟยดูแลด้านหน้า ข้าดูแลด้านหลัง”

“คุณหนูสาม ในเมื่อผู้คุ้มกันของเจ้ากลับมาแล้ว ไม่ใช่ว่าควรให้เขาไปดูแลด้านหน้าหรือ?ข้าเป็นแค่ปัญญาชนผู้อ่อนแอเท่านั้น”

กู้ชูหน่วนยิ้ม “ฝูกวงของบ้านข้ายังเด็ก ดังนั้นจึงต้องให้ท่านดูแล”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของฝูกวงก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเขาก็อารมณ์ดี

ทันใดนั้น รอยยิ้มของเขาก็จางลงและกล่าวว่า “นายท่าน มีคนกำลังตามมา มียอดฝีมือมากมาย และในนั้นก็เป็นยอดฝีมือขั้นกลางระดับสามและยอดฝีมือขั้นสูงระดับสาม…..ฮู่……และยังมีกลิ่นอายของปรมาจารย์หลิน อีกทั้ง……พวกเขายังเร็วกว่าพวกเราสองเท่า”

กู้ชูหน่วนก็มองไปที่อี้เฉินเฟยและพูดด้วยน้ำเสียงที่คลุมเครือว่า “ท่านพี่เฉินเฟย ท่านคงจะเตรียมคนมารอรับพวกเราอยู่ด้านนอกแล้วใช่หรือไม่”

“ไม่มี”

“ผู้คงแก่เรียนจะพูดโกหกไม่ได้นะ”

“เจ้าคิดจะทำอะไร?” อี้เฉินเฟยใจเต้นแรง

“เห็นความตื่นตระหนกของท่านแล้ว ข้าจะทำอะไรได้อีก คงจะต้องรบกวนให้ท่านพาพวกเขาออกไปจากเผ่าปีศาจอย่างปลอดภัย ข้ากับฝูกวงจะคอยระวังหลังให้ ข้าเชื่อในความสามารถของท่าน หากท่านต้องการจะฝ่าอีกสองป้อมปราการที่เหลือ ไม่น่าจะมีปัญหา”

“ไม่ได้ เจ้าไปก่อน ข้าจะระวังหลังเอง” อี้เฉินเฟยปฏิเสธอย่างไม่ลังเล

เขาเกือบจะสูญเสียนางไปครั้งหนึ่งแล้ว จะให้นางไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้นไม่ได้อีก

“หากท่านไม่จัดการคนพวกนั้นของป้อมปราการ ด้วยความสามารถของข้าแล้ว เกรงว่าจะไม่สามารถทำให้กรงเลื่อนออกไปได้อย่างปลอดภัย”

“เช่นนั้นเจ้ากับฝูกวงก็ไปเป็นแนวหน้า และข้าจะระวังหลัง”

ทุกคนต่างรู้ดีว่าคนที่คอยระวังหลังอาจปะทะกับผู้นำกองธงกล้วยไม้ และยอดฝีมือมากมายของเผ่าปีศาจ

เมื่อเทียบกับคนเหล่านั้นแล้ว เหล่าผู้ถือธงของป้อมปราการไม่นับว่าเป็นอะไรได้

สีหน้าของกู้ชูหน่วนทรุดลง และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สามารถต่อรองได้

“ท่านพี่เฉินเฟย หากท่านเชื่อข้า ท่านก็ไปเป็นแนวหน้า มิเช่นนั้น พวกเราก็จะไม่มีใครได้ออกไปจากที่นี่ นอกจากนี้ท่านยังต้องเปิดกลไกประตูของป้อมปราการที่สอง และช่วยยื้อเวลาให้พวกเรา”

อี้เฉินเฟยต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กู้ชูหน่วนก็ปีนขึ้นไปที่ขอบกรงเลื่อน และขู่ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “หากท่านไม่ทำตามที่ข้าบอก ข้าจะกระโดดลงไปเดี๋ยวนี้”

“อย่า……อย่านะ ข้าตกลง ข้าจะไปเป็นแนวหน้า เจ้ารีบลงมาก่อน”

กระเช้าลอยฟ้าอยู่ห่างจากพื้นดินหลายสิบจั้ง (1จั้ง ประมาณ 3.33เมตร) หากตกลงไป อาจจะตายได้ทุกเมื่อ

อี้เฉินเฟยรู้จักนิสัยของนางเป็นอย่างดี

เขาไม่สามารถเสี่ยงได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยื้อเวลาให้พวกเขา แล้วค่อยกลับมาช่วยพวกเขา

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างสบายใจและเห็นฟันกระต่ายสองซี่ นางมั่นใจในตัวอี้เฉินเฟย

“เช่นนั้นก็ลำบากท่านพี่เฉินเฟยแล้ว”