บทที่ 248: คนละเรื่องเดียวกัน

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 248: คนละเรื่องเดียวกัน

บนโต๊ะของโรงอาหาร มีคนหน้าตาดีสองคนกำลังนั่งอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งคือเด็กหนุ่มผมดำผู้กำลังมองไปข้างหน้าอย่างสับสนด้วยนัยน์ตาสีทอง โดยฝั่งตรงกันข้ามกับเขา ก็คือสาวงามผมสีแดงเข้ม ผู้มีประกายระยิบระยับในดวงตาสีฟ้าอ่อนของเธอ

แม้ว่าทั้งสองคนดูจะมีอายุห่างกันอย่างน้อย ๆ สิบปี แต่ก็ยังดูเหมือนกับคู่รัก ‘พี่สาว x น้องชาย’ ด้วยหน้าตาที่ดีกว่าคนทั่ว ๆ ไป ในอดีตชาติของโรเอล พวกเขาคงจะกระตุ้นจินตนาการของผู้คนมากมายได้แน่ถ้าหากปรากฏตัวในละครหรือสื่อบันเทิงต่าง ๆ การจับคู่ที่หาได้ยากนี้กระตุ้นความอยากรู้ของนักเรียนหลายคนอย่างรวดเร็ว

โรเอลกำจี้อำพันเอาไว้แน่น พลางประเมินหญิงสาวผมสีแดงเพลิงตรงหน้าของตน

เกิดอะไรขึ้น? ทันทีที่เราเอาจี้ออกมาก็มีคนเข้ามาหาเลยงั้นเหรอ? หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็น ‘นักวิชาการ’ ของสมัชชากัน?

ไม่ ไม่ นั่นไม่น่าจะเป็นไปได้

โรเอลประเมินหญิงสาวตรงหน้าอย่างตั้งใจก่อนจะส่ายหัวช้า ๆ เรื่องอายุไม่ใช่ตัวแปรที่สำคัญ เนื่องจากรูปลักษณ์ของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมักจะไม่สอดคล้องกับอายุจริง การที่เธอเป็นผู้หญิงเองก็ไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน เพราะเขายังไม่ทราบเพศของ ‘นักวิชาการ’ แต่สิ่งที่ทำให้โรเอลไม่แน่ใจ คือทัศนคติของเธอ

ตามคำกล่าวของอิซาเบลลา ‘นักวิชาการ’ เป็นบุคคลที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่เคยเปิดเผยตัวตนให้ใครรู้ แม้จะเข้าร่วมสมัชชามานานหลายปีแล้วก็ตาม มันแปลกเกินไปที่บุคคลผู้ระแวดระวังคนนั้นจะรีบเข้ามาหาโรเอลทันทีที่เห็นจี้อันคุ้นเคย ซึ่งหายไปนานหลายศตวรรษ กลับกันแล้วถ้าหากเธอเป็น ‘นักวิชาการ’ จริง ๆ มันคงจะสมเหตุสมผลกว่าที่จะรักษาระยะห่าง เพื่อประเมินสถานการณ์ก่อน

เธอคนนี้อาจจะเป็นสมาชิกของสมัชชาอีกคนหนึ่ง หรืออาจจะเป็นทายาทของสมาชิกในสมัชชารึเปล่า?

ดวงตาของโรเอลเปล่งประกาย ขณะตอบคำทักทายของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

“ใช่แล้ว ผมคือโรเอล แอสคาร์ด ขอทราบได้ไหมครับว่าคุณเป็นใคร?”

“ฉันชื่อ คริส ไวลด์ เป็นอาจารย์ของที่นี่”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณคริส ว่าแต่คุณมีอะไรให้ช่วยงั้นเหรอ?”

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับคนที่ฉันเคยสนิทด้วย ดังนั้นฉันจึงอยากจะมาคุยกับเธอน่ะ”

สาวงามผมสีแดงเลือดนกพูดคำเหล่านั้นพลางแทงส้อมลงที่ชิ้นเนื้อบนจานของเธอ ทำให้โรเอลรู้สึกสั่นไหวข้างในใจ

เราเกี่ยวข้องกับคนที่เธอสนิทด้วย? เธอหมายถึง ‘นักวิชาการ’ รึเปล่า?

เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าเธอเข้าหาเราเพื่อสนทนาหลังจากที่ได้เห็นจี้อำพัน แสดงว่าเธอรู้จักกับเคเดย์ด้วยงั้นเหรอ? พอมาคิด ๆ ดูแล้ว เคเดย์เคยบอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปพบเขาที่ป่าเครอนก่อนเราหนึ่งเดือนด้วยนี่นา

ไม่แน่ว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นอาจารย์คนนี้ก็ได้? เราได้เจอกับทายาทของสมาชิกในสมัชชาแล้วเหรอเนี่ย?

เห็นได้ชัดว่าโรเอลรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น

คริส ไวลด์ เกิดในตระกูลของนักวิชาการในอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล ปัจจุบันเธอมีอายุได้ 36 ปี หญิงสาวจบจากสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่ามากว่า 18 ปีแล้ว และเลือกที่จะทำงานต่อที่นี่ในฐานะอาจารย์ ความสามารถด้านพลังเหนือธรรมชาติอันทรงพลัง เครือข่ายทางสังคมอันกว้างขวาง และผลการสอนอันโดดเด่น ทำให้เธอประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นหนึ่งในอาจารย์ระดับสูงผู้รอบรู้เพียงไม่กี่คนในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าตั้งแต่อายุได้เพียงแค่สามสิบปีเท่านั้น

ด้วยฐานะอันโดดเด่น ภูมิหลังครอบครัวที่ดี และรูปลักษณ์อันงดงาม จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีคนมาจีบคริสอยู่เสมอ ๆ ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงความโสดอยู่จนถึงปัจจุบัน มีข่าวลือมากมายว่าที่เธอยังคงเป็นโสดแบบนี้ เป็นเพราะคริสไม่สามารถละทิ้งความรู้สึกที่มีต่อรุ่นพี่ของตนในช่วงวัยเรียนได้

ซึ่งรุ่นพี่คนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากคาร์เตอร์ แอสคาร์ด บิดาของโรเอล! เขาเป็นชายที่เปลี่ยนชีวิตของคริสไปตลอดกาล

คงไม่มีใครสามารถจินตนาการได้เลยว่า อาจารย์ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เคยเป็นเด็กสาวดื้อรั้นที่คิดกบฏต่อตระกูลอันเข้มงวดของตัวเอง เธอรู้สึกเกลียดชังสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าเป็นอย่างมาก ทว่าทุก ๆ อย่างก็เปลี่ยนไปหลังจากที่เธอได้พบกับคาร์เตอร์

ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า มันเป็นเรื่องปกติที่ศิษย์ภายใต้อาจารย์คนเดียวกันจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นักศึกษารุ่นพี่ที่มีความโดดเด่นจะเป็นพี่เลี้ยงให้กับนักเรียนรุ่นเยาว์ที่ผลการเรียนไม่ค่อยดีนัก และที่ปรึกษาของคริส ก็คือคาร์เตอร์

สิ่งที่แตกต่างเกี่ยวกับคาร์เตอร์ก็คือ เขาไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงให้กับคริสแบบผ่าน ๆ เพียงเพราะเขาได้รับคำสั่งให้ทำเช่นนั้น คาร์เตอร์ให้ความสำคัญกับการเป็นที่ปรึกษาอย่างจริงจัง ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อโน้มน้าวให้คริสฝึกฝนอย่างหนักและตั้งใจศึกษา จนกลายเป็นคนที่น่านับถือในตอนนี้

แม้ว่าจะเกิดความขัดแย้งขึ้นหลายต่อหลายครั้งระหว่างทั้งสอง แต่ความรู้สึกของคริสที่มีต่อคาร์เตอร์ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ความเกลียดชังเริ่มเปลี่ยนเป็นความรัก กว่าจะรู้สึกตัว เธอก็ตกลงไปในสายธารแห่งความรักเสียแล้ว

คริสเป็นคนที่มีความสามารถพรสวรรค์สูงมาตั้งแต่แรก ประกอบกับความปรารถนาที่จะได้รับการยอมรับจากรุ่นพี่อันเป็นที่รัก ที่ได้จุดประกายแรงผลักดันในตัวเธอ ทำให้เธอฝึกฝนหนักยิ่งกว่าเดิม ความพยายามดังกล่าวก่อให้เกิดผลลัพธ์อันโดดเด่น พาคริสพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในรุ่น

ทว่าความรู้สึกของเธอกลับไม่มีวันถูกตอบแทน

คาร์เตอร์ตกหลุมรักแม่ของโรเอล และเพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากต่าง ๆ นา ๆ เขาจึงได้ยุติความสัมพันธ์กับคริส ด้วยคำพูดอันไร้หัวใจมากมาย หลังจากนั้นคาร์เตอร์และแม่ของโรเอลก็กลับไปที่จักรวรรดิเซนต์เมซิทหลังจากสำเร็จการศึกษา แต่งงานกัน และไม่เคยกลับมาที่เลนสเตอร์อีกเลยนับแต่นั้นมา

การจากไปของคาร์เตอร์ ทำให้คริสประสบปัญหาอย่างหนักทางด้านจิตใจ เธอไม่สามารถลืมความรู้สึกที่มีต่อคาร์เตอร์ได้ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน คำพูดอันไร้หัวใจที่คาร์เตอร์พูดกับเธอ ได้ทำลายสิ่งต่าง ๆ ในใจของเธอลง แปรเปลี่ยนความรักเป็นความเกลียดชัง เพื่อที่จะแก้ไขความเจ็บปวดจากความรักที่สูญเสียไป คริสจึงมุ่งความสนใจไปที่การพัฒนาพลังเหนือธรรมชาติของตน และการอบรมสั่งสอนนักเรียน ทำให้เธอเป็นหนึ่งในอาจารย์ระดับสูงที่มีอายุน้อยที่สุด

นับตั้งแต่นั้นมา คริสก็เฝ้ารอให้โรเอลลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่ามาโดยตลอด

“รู้ใช่ไหมว่าฉันหมายถึงใคร?”

คริสถามพร้อมรอยยิ้มบนริมฝีปาก เก็บงำคำตอบเอาไว้ เพื่อเตรียม ‘ทำให้เขาตกใจ’

โรเอลสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพยักหน้าตอบ

เอ๋? เขารู้เหรอ?

คริสจ้องไปที่โรเอลอย่างงุนงง ด้วยที่ไม่เข้าใจว่าเด็กหนุ่มรู้ได้อย่างไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อของเขา หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามอย่างลังเล

“เขา… พูดถึงฉันด้วยเหรอ?”

“แน่นอน!”

โรเอลนึกถึงสิ่งที่เคเดย์พูดที่ป่าเครอนพร้อมพยักหน้า โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดของตนส่งผลต่อจิตใจของคริสมากเพียงใด

เขาพูดถึงเรื่องของเราให้ลูกชายของเขาฟังงั้นเหรอ? ท…ทำไม? นี่หมายความว่ารุ่นพี่ยัง…

ม..ไม่ เราต้องใจเย็น ๆ ก่อน! นี่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะพูดถึงเราเป็นครั้งคราวแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? นอกจากนี้โรเอลยังเป็นลูกชายของเขา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสมัยเรียน เพื่อให้เขาคุ้นเคย ใช่แล้ว เราต้องไม่โดนไอ้เวรนั่นหลอกอีก!

คริสกัดฟันอย่างแน่วแน่ ด้วยความเกลียดชังที่มีต่อรุ่นพี่ผู้ไร้หัวใจที่เคยทอดทิ้งเธอในวันวาน หญิงสาวกดความรู้สึกที่เอ่อล้นในใจลง ก่อนจะมองไปที่โรเอลอีกครั้ง

“เขาพูดว่ายังไงบ้างล่ะ?”

“อืม? จะอธิบายยังไงดีนะ…”

เคเดย์ไม่เห็นหน้าเธอด้วยซ้ำ แล้วจะให้เขาพูดอะไรได้ล่ะ? ถามมาได้!

โรเอลคิดโต้กลับในใจ อย่างไรก็ตามในไม่ช้าเขาก็คิดอะไรบางอย่างออก

เดี๋ยวก่อนนะ ดูเหมือนเคเดย์จะพูดบางอย่างไว้

“อ่า เขาบอกว่าในตอนนั้นคุณออกไปเร็วเกินไป…”

ครึก!

จู่ ๆ ส้อมในมือของคริสก็แทงทะลุจานกระเบื้องลงโต๊ะ ทำให้โรเอลกังวลใจมาก อย่างไรก็ตามหญิงสาวไม่ได้มีอารมณ์จะมาสนใจเด็กหนุ่มในตอนนี้ ร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อยพร้อมกับดวงตาที่ชื้นขึ้น ความคับข้องใจทั้งหมดที่ผ่านมาผุดขึ้นในใจเธออีกครั้ง

เราออกไปเร็วเกินไปงั้นเหรอ? เขาต่างหากที่ทิ้งเราไป! รู้รึเปล่าว่าเราต้องใช้ชีวิตแบบไหนตลอดช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมานี้! ถ้าเขาไม่ได้พูดแบบนั้นล่ะก็ เราก็คงจะ…

คริสรู้สึกขมขื่นในใจอย่างท่วมท้น

ราว ๆ ทศวรรษก่อน ทันทีที่รู้ว่าแม่ของโรเอลเสียชีวิตลง คริสก็คิดที่จะจุดไฟความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับรุ่นพี่ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ความเย่อหยิ่งของเธอกลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น ก่อนที่เธอจะรู้ตัว สิ่งต่าง ๆ ก็กลายเป็นแบบในปัจจุบันเสียแล้ว

จะว่าไปแล้วคาร์เตอร์เองก็ยังไม่ได้แต่งงานใหม่ แม้จะสูญเสียภรรยาไปนานกว่าหนึ่งทศวรรษแล้ว ซึ่งถือว่ายาวนานผิดปกติสำหรับขุนนางที่มีความต้องการตามธรรมชาติมาก ถ้าหากก่อนหน้านี้เขารั้งตัวเองไว้เพื่อลูกชายล่ะก็ เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นอีกต่อไปแล้วในตอนนี้ เนื่องจากโรเอลได้เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ อีกทั้งยังอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงแล้วด้วย

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือนี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการโจมตี! เขาคงคิดว่าโรเอลจะถ่ายทอดคำเหล่านี้มาให้กับเรา… นี่เป็นความพยายามของเขาในการคืนดีงั้นหรือ?

หัวใจของคริสเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น สายตาของเธอที่มองไปทางโรเอลนั้นอบอุ่นและอ่อนโยนขึ้นมาก

“ฉันได้ยินมาว่า… เขาเดินทางไปที่ ๆ ไกลมากใช่ไหม?”

คริสล้วงแขนเสื้อด้วยความประหม่า พยายามรักษาใบหน้าเคร่งขรึมให้ดีที่สุด

กลับกัน โรเอลนั้นตกใจมาก เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายรู้ถึงแผนการอพยพเทรนท์โบราณของเขา มันทำให้เขานึกขึ้นได้ว่า คริสน่าจะเคยพยายามตามหาเคเดย์ด้วยตัวเองในป่าเครอน ดังนั้นเธอก็อาจจะมีอุปกรณ์เวทที่ใช้ในการติดตามที่ทรงพลัง ถ้าหากเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่แปลกเลยที่เธอจะรู้ถึงเรื่องการย้ายถิ่นฐานของเคเดย์

“ใช่แล้ว ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะรู้ถึงขนาดนั้น”

“ม..ไม่ ฉัน ฉันไม่ได้สนใจเขาถึงขนาดนั้นหรอก…”

คริสรีบปฏิเสธคำกล่าวอ้างของโรเอล แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมา

“ตอนนี้เขายังอยู่ที่เขตการปกครองแอสคาร์ดรึเปล่า? ฉันควรจะติดต่อเขาไปไหม?”

คริสถามอย่างประหม่า

ร่างกายของเธอแข็งทื่อขณะมองไปยังโรเอลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น กังวลว่าเขาอาจจะต่อต้านการกลับมาสานสัมพันธ์ของเธอกับคาร์เตอร์

จากมุมมองของคริสแล้ว แม้ว่าคาร์เตอร์จะเคยพูดคุยกับโรเอลมาก่อนแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า โรเอล จะอนุมัติความสัมพันธ์ของพวกเขา หากโรเอลต้องการทำลายสิ่งต่าง ๆ ระหว่างพวกเขาลง เด็กหนุ่มก็มีวิธีการมากมายที่เขาจะสามารถทำได้ในฐานะผู้สืบทอดของตระกูลแอสคาร์ด ไม่ว่าจะเป็นการสกัดกั้นจดหมายของเธอ หรือแสดงความรู้สึกไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับเธออย่างเปิดเผย

ถ้าหากเป็นเช่นนั้น คริสก็คงพ่ายแพ้ศึกนี้ไปแล้วครึ่งหนึ่งตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้ทำอะไร

โรเอลเผยรอยยิ้มขึ้นมา หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ

“แน่นอน ผมไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขาหรอก อีกทั้งผมยังได้ให้คำมั่นสัญญากับเขาถึงเรื่องนี้ไปแล้วด้วย ถ้าหากคุณต้องการติดต่อกับเขา คุณสามารถส่งจดหมายของคุณไปยังเขตการปกครองแอสคาร์ดได้ตามสบายเลย อลิเซีย น้องสาวของผมจะส่งต่อจดหมายของคุณต่อไปให้เขาเอง”

“ข…เข้าใจแล้ว ขอบใจมากนะโรเอล”

คริสรู้สึกซาบซึ้งใจกับความเป็นมิตรและความเข้าใจของโรเอล หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังจะน้ำตาคลอ เพราะเธอรู้ดีว่าอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเชื่อมความสัมพันธ์กับคาร์เตอร์ก็คือการได้รับการยอมรับจากโรเอล ด้วยที่เธอพยายามจะเข้ามาแทนที่แม่ของเขา มันจึงเป็นปกติที่เขาจะต้องคัดค้านเรื่องนี้… ทว่าเธอกลับผ่านมันไปได้อย่างสบาย ๆ เสียอย่างนั้น!

ช่างเป็นเด็กที่มีจิตใจดีอะไรเช่นนี้!

เมื่อได้รับการอนุญาตจากโรเอล คริสก็แทบจะอดกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป เธอต้องการที่จะรีบเดินออกไปเขียนจดหมายแล้วส่งไปยังเขตการปกครองแอสคาร์ด แต่เมื่อมองไปที่เด็กหนุ่มตรงหน้า เธอก็ตัดสินใจที่จะนั่งนิ่งอยู่อีกสักครู่หนึ่งและให้คำแนะนำบางอย่างกับเขา

“โรเอล มีการสั่นสะเทือนแปลก ๆ เกิดขึ้นภายในโบราณสถานเมื่อไม่นานมานี้ คืนนี้เธอต้องระวังตัวให้ดีนะ”