บทที่ 42 โองการราชันบรรพบุรุษ ร่องรอยของจอมจักรพรรดิโบราณ

จอมบงการเทพยุทธ์

“อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปเลย ทุกอย่างยังไม่แน่ชัด สิ่งที่ท่านผู้นํานิกายเทียนเฉินพูดเป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น”

ราชันศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งพูดทําลายความเงียบ

ถ้าหากเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่มีจักรพรรดิจริงๆ ถ้าทุกอย่างเป็นแค่เรื่องหลอกลวงมันจะไม่มีความหมายใดๆ เลยสําหรับพวกเขาที่มารวมตัวกันที่นี่

เผ่าพันธุ์มนุษย์จะกลับคืนสู่ค่ําคืนนิรันดร์ที่ไม่เห็นแสงสว่าง ที่ไม่รู้ว่าความคาดหวังจะมาถึงเมื่อใด

“ฮิฮิ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการคาดเดา แต่ข้าขอเดาว่าเก่าในสิบ มันจะเป็นเรื่องจริง”

ผู้นํานิกายเทียนเฉินส่ายหน้า และเสียงของเขาดังก้องขึ้น

“มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ร่องรอยของจักรพรรดินีปรากฏขึ้นมาก่อน และจากนั้นก็มีสิ่งที่เรียกว่าผู้สําเร็จวิชากายาจักรพรรดิปรากฏขึ้นมาในโลก และพลังที่สามารถเขย่าแดนร้างตะวันออกได้

“ในเวลาไม่ถึงเดือน เผ่าพันธุ์มนุษย์มีสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติมากมายปรากฏขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่เคยปรากฏขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน เจ้าไม่คิดว่ามันไร้สาระเกินไปงั้นรี”

“ในความคิดของข้า กิ่งจักรพรรดิของเผ่าพันธุ์มนุษย์คนนั้น มีเวลาเหลือน้อย นั่นคือเหตุผลที่เขาใช้วิธีการทั้งหมดเหล่านี้อยากเร่งด่วนเพื่อจัดการ”

“แต่น่าเสียดาย ที่เขาจัดการไม่เร็วพอ และความเร่งรีบดังกล่าวก็ทําให้เกิดความสงสัย”

ณ ขณะนี้ ด้านนอกของตําหนักลอยฟ้า ฉันม่ยื่นเงียบๆ และเขาได้ยินบทสนทนาทั้งหมดภายในตําหนักลอยฟ้าอย่างชัดเจน

ตอนนี้เขตแดนพลังยุทธ์ของเขาถึงระดับราชันศักดิ์สิทธิ์แล้ว และได้รับความช่วยเหลือจากคัมภีร์ไร้เงาเร้นฟ้าดินดังนั้นการเข้ามาที่นี่ก็เหมือนกับการเข้าไปในดินแดนที่ไม่มีมนุษย์

ไม่มีผู้ใดสามารถหาที่อยู่ของเขาได้ แม้แต่ผู้นําจากกองกําลังทั้งหกก็ไม่สังเกตเห็นเลยแม้คนเดียว

อย่างไรก็ตาม คําพูดของผู้นํานิกายเทียนเฉิน ก็ทําให้ฉันม่ถึงกับพูดไม่ออก

ทุกอย่างถูกจัดขึ้นโดยกิ่งจักรพรรดิชราของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่กําลังจะตาย ?

จักรพรรดินีกับผู้สําเร็จวิชากายาจักรพรรดิเป็นของปลอมงั้นรี ?

ฉินมู่ไม่ได้คาดคิดว่า ผู้ชายคนนี้จะฉลาดขนาดนี้ !

และทุกอย่างมันก็สมเหตุสมผล ไม่สามารถหักล้างได้เลย

อย่างไรก็ตาม ดินแดนลับที่ 5 ของข้าถูกจัดสร้างแล้ว เมื่อดินแดนลับนี้เกิดขึ้น ความสงสัยและการคาดเดาทั้งหมดจะเอาชนะตนเองได้ !!

เมื่อฉันม่กาลังจะฟังต่อ ภายนอกตําหนักลอยฟ้าก็มีกระแสพลังอันทรงอานาจที่สั่นสะเทือนฟ้าดินราวกับราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ที่มีชีวิตลงมายังโลก !

กระแสพลังอันทรงอํานาจที่พวยพุ่งออกมาชั่วพริบตานี้ ดึงดูดความสนใจของผู้นําจากกองกําลังทั้งหกในตําหนักลอยฟ้าทันที

พวกเขารีบออกจากตําหนักลอยฟ้า และยืนอยู่บนท้องฟ้า มองไปยังทิศทางที่เกิดกระแสพลังแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“ผู้รับผิดชอบเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ที่ไหน ? ข้าอยู่ภายใต้คําสั่งของราชันบรรพบุรุษ ข้าได้รับโองการของราชันบรรพบุรุษมา ทําไมเผ่าพันธุ์มนุษย์ถึงไม่ออกมาต้อนรับกันเร็วๆหน่อย ?”

ภายนอกตําหนักลอยฟ้าที่ต่อเนื่อง สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์โบราณพูดขึ้น และเสียงก็สั่นสะเทือนไปทุกทิศทางและก้องกังวานอยู่ในตําหนักลอยฟ้าที่ต่อเนื่องกัน

ภายนอกตําหนักลอยฟ้า มีเสือดําตนหนึ่งยืนอยู่ ร่างของมันมีสีดําสนิทราวกับหมึกขนาดลําตัวยาวหลายจงปล่อยกระแสพลังอันดุเดือดไปทั่วร่างกาย

และเหนือหัวของเขา มีม้วนโองการลอยขึ้นลงอยู่บนนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์นั้นสว่างไสวและมีกระแสพลังของราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ซ่อนอยู่บนนั้นด้วยซึ่งพลังนั้นได้ทําให้ทั้งฟ้าและดินต้องสั่นสะเทือน

โองการของราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ ?

เหล่าผู้นํากองกําลังทั้งหกต่างมองหน้ากัน ใบหน้าของพวกเขาแสดงสีหน้าค่อนข้างน่าเกลียด

ในเวลาแบบนี้ สิ่งมีชีวิตดึกดําบรรพ์ที่มาพร้อมกับโองการดึกดําบรรพ์อาจไม่ใช่เรื่องที่ดี

เสียงของเสือดําที่ดังขึ้นนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง และโองการของราชันบรรพบุรุษที่อยู่เหนือศีรษะยังคงเปล่งแสงสว่างไม่ปิดบังกระแสพลังเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้น นอกจากผู้นํากองกําลังทั้งหกแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์จํานวนมากในตําหนักลอยฟ้าก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของที่นี่ และพวกเขาทั้งหมดก็เดินออกจากตําหนักลอยฟ้าและหันความสนใจไปยังทิศทางของเสือดํา

“เผ่าพันธุ์มนุษย์ของข้ากําลังหารือเรื่องต่างๆ ข้าไม่รู้ว่าเผ่าพันธุ์สมิงมาที่นี่ตอนนี้ ต้องการจะทําอะไรงั้นรึ ?”

ผู้นํากองกําลังทั้งหกอยู่ที่นี่ และเดินลงมายืนตรงหน้าเสื้อดํา หนึ่งในนั้นกล่าวเบาๆ

เผ่าพันธุ์สมิง เป็นเผ่าพันธุ์ดึกดําบรรพ์ของเสือด่าตัวนี้

“ข้ามาที่นี่ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพราะโองการของราชันบรรพบุรุษของข้าเท่านั้น”

นัยน์ตาเสือด่าดจระฆังทองแดง และน้ำเสียงก็ดุดันเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเสียงของมันเบาลง โองการที่อยู่บนศีรษะก็เริ่มส่องแสงสว่าง และกระแสพลังที่ไม่ชัดเจนก็เริ่มผันผวนจากนั้นไม่นานกระแสพลังที่แตกต่างกันทั้งห้าก็หายวาบออกไปไปในพริบตา

“ห้าราชันดึกดําบรรพ์ !”

หนึ่งในผู้นํากองกําลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ รับรู้ถึงกระแสพลังที่แตกต่างกันทั้งห้าที่มีอยู่ในโองการร่างกายของเขาก็อดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้ และสีหน้าของเขาก็ดูเกรงขามทันที

ห้าราชันดึกดําบรรพ์ ร่วมกันลงนามในโองการงั้นรี ?
“โองการของราชันดึกดําบรรพ์มาถึงแล้ว เผ่าพันธุ์มนุษย์จะไม่ยอมรับโองการนี้งั้นรึ ?”

เมื่อเห็นว่าทุกคนมีสีหน้าที่แสดงออกถึงความเกรงขาม เสือด่าตัวยักษ์ก็อาละวาดมากยิ่งขึ้นและคําพูดของมันที่พูดออกมาตรงๆ เพื่อให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ยอมรับโองการโดยตรง

“หม แม้ว่าราชั้นดึกดําบรรพ์ทั้งห้าจะออกโองการมา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ของข้างั้นรึ ? ”

หนึ่งในผู้นํากองกําลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์แค่นเสียงอย่างเย็นชา น้ำเสียงดขุ่นเคืองเล็กน้อย

ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ส่งโองการมา แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องยอมรับโองการนี้นี่มิใช่การเอาตัวเองไปอยู่ในตําแหน่งทาสและคนใช้หรอกหรือ ?

พวกเขาจะรับจุดประสงค์นี้ได้อย่างไร ?

ถ้าหากยอมรับ กระดูกสันหลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในแดนร้างตะวันออกก็หักอย่างสมบูรณ์

“เผ่าพันธุ์มนุษย์ เจ้ากําลังพยายามที่จะขัดต่อเจตจํานงของราชันบรรพบุรุษงั้นรึ?”

“หากเผ่าพันธุ์มนุษย์ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามโองการ มันคือการตบหน้าราชันบรรพบุรุษทั้งหมดและผลที่ตามมานั้นอาจเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้”
เสือดําตัวยักษ์เปิดปากพูดน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยการข่มขู่

“ข้าอยากรู้ว่า ราชันบรรพบุรุษคือใคร ทําไมถึงกล้าท้าทายโลกขนาดนี้ ?”

“เมื่อไม่กี่วันก่อน สิ่งมีชีวิตสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ของข้าปรากฏขึ้นในโลกนี้มันไม่สามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับราชันบรรพบุรุษเลยงัน ?”

หนึ่งในผู้นํากองกําลังอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น

“สิ่งมีชีวิตสูงสุด ?”

เสือดส่ายหน้า สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความรังเกียจ

“เจ้าเชื่อจริงๆงั้นรึ ?”

“ราชันบรรพบุรุษได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้แล้ว นอกจากนี้ยังมีมรดกของจักรพรรดินที่นําทางในเขาวงกต มนุษย์ไม่ใช่จอมยุทธ์ระดับสูง แต่พวกเขาเป็นเพียงกิ่งจักรพรรดิที่เข้าใกล้ระดับสูงสุดเท่านั้นกล้าที่จะทําตัวเป็นจักรพรรดิ ?”

คําพูดของเสือดํา มันทําให้ทั้งโลกต้องตกตะลึง และทําให้หูหนวกไปชั่วขณะ

ในตําหนักลอยฟ้า ร่างของเผ่าพันธุ์มนุษย์จํานวนมากกําลังสั่นสะท้าน

ไม่มีใครคิดว่า เผ่าพันธุ์โบราณจะอนุมานเช่นนี้จริงๆ และเกือบจะตรงกับการอนุมานที่ได้จากนิกายเทียนเฉินอีกด้วย !

ภายใต้การยืนยันทั้งสองฝ่าย กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงสุดอยู่จริงและไม่ได้ให้กําเนิดจักรพรรดิใช่หรือไม่ ?

ทุกอย่าง ทั้งหมดเป็นเพียงเกมที่กิ่งจักรพรรดิผู้ชราตั้งขึ้นก่อนที่เขาจะเสียชีวิตงั้นรึ ?

ภายในตําหนักลอยฟ้า บรรยากาศเคร่งขรึมสีหน้าและท่าทางของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคนช่างซับซ้อน

แต่เสือดํายักษ์ ดูภูมิใจและหยิ่งผยองในท่าที

เขากําลังจะพูดโองการของราชันบรรพบุรุษอีกครั้ง โดยบังคับให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ยอมรับโองการนี้

ในตอนนี้ นอกต่าหนักลอยฟ้าที่ต่อเนื่องกัน มีผู้ฝึกยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์แบกแผ่นจารึกโบราณไว้ที่หลังส่ายไปมา

ผู้ฝึกยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้นี้ ทั้งร่างของเขาปกคลุมไปด้วยเลือด กระแสพลังก็ผันผวนและข้างหลังของเขาเป็นแผ่นจารึกโบราณสูงตระหง่านที่มีผู้คนอยู่มากมาย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าร่างกายของเขาจะเปื้อนเลือด แต่ดวงตาของเขาก็กระจ่างเป็นอย่างมากและยังสามารถเห็นความตื่นเต้นที่ไม่มีใครเทียบได้อยู่ในนั้น

เขาแบกแผ่นจารึกโบราณไปข้างหน้า จนในที่สุดก็มาถึงตําหนักลอยฟ้า จากนั้นเขาก็คํารามด้วยพลังทั้งหมดของเขา

“ห่างออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์หลายพันลี้ มีร่องรอยจอมจักรพรรดิโบราณปรากฏขึ้นเผ่าพันธุ์ มนุษย์ของข้ามจักรพรรดิจริงๆ ! มีจักรพรรดิอยู่จริง !”

น้ำเสียงคํารามของผู้ฝึกยุทธ์เผ่ามนุษย์นี้เปี่ยมไปด้วยความปิติยินดี

เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ที่จะเห็นว่าในตอนนี้เขาตื่นเต้นมากแค่ไหน !