ตอนที่ 451 จงใจก่อเรื่อง / ตอนที่ 452 ประกาศ ใครชนะใครแพ้

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 451 จงใจก่อเรื่อง

 

 

ทุกอย่างเกิดขึ้นเป็นไปตามธรรมชาติ ให้มันเป็นไปตามนั้น

 

 

วันถัดมาตอนที่อวี๋กานกานตื่นขึ้น พบว่าตนเองถูกชายหนุ่มกอดเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น มือของเขารัดรอบเอวเธออย่างเอาแต่ใจ เหมือนกับประกาศความเป็นเจ้าของเสียอย่างนั้น

 

 

อวี๋กานกานนิ่งไปครู่หนึ่งจึงได้นึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานและยิ้มออกมาอย่างเขินอายน้อยๆ

 

 

เมื่อคืนวานที่จริงก็ใจร้อนไปนิดหน่อย ถึงอย่างไรเธอกับฟังจือหันก็ยังถือว่าคบกันอย่างความลับๆ แต่ว่าตอนนั้นบรรยากาศดีเกินไปแล้ว ตอนนี้ลองคิดดูเธอหลงกลเข้าให้แล้ว

 

 

ฟังจือหันก็เหมือนกับนักล่าที่เตรียมตัวมาอย่างรอบคอบ ล่อลวงเธอเข้าไปในหลุมพรางของเขาทีละก้าว

 

 

เกือบจะเก้าโมงแล้ว ทุกคนน่าจะตื่นกันหมดแล้ว

 

 

อาจารย์เหม่ยเหรินน่าจะมาปลุกให้เธอตื่นได้แล้ว

 

 

ในตอนนี้ไม่ว่าจะให้อาจารย์เหม่ยเหรินเห็นภาพเธอกับฟังจือหันนอนเตียงเดียวกัน หรือจะให้อาจารย์เห็นฟังจือหันออกไปจากห้องของเธอล้วนเป็นภาพที่เธอไม่กล้าจินตนาการ

 

 

เกี่ยวกับเรื่องเธอกับฟังจือหัน อาจารย์เหม่ยเหรินมีท่าทีเข้าใจไม่ยอมรับอยู่พอสมควร

 

 

อวี๋กานกานลุกขึ้นนั่งทันที ใส่เสื้อผ้าไปพลางเรียกฟังจือหันไปพลาง “สายมากแล้ว คุณน่าจะกลับห้องได้แล้ว”

 

 

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว แขนพาดอยู่บนดวงตาตัวเอง และไม่ได้มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นเลย

 

 

อีกทั้งไม่รู้ว่าเขากำลังมีความคิดอะไรอยู่

 

 

อวี๋กานกานยื่นมือไปดันเขาทันที ฟังจือหันมีท่าทางไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำให้อวี๋กานกานลำบากใจ

 

 

แต่ในระหว่างนี้ค่อนข้างเชื่องช้ามาก

 

 

อวี๋กานกานเกรงว่าอาจารย์เหม่ยเหรินจะเห็นเข้า ส่วนเขาเกรงว่าอาจารย์เหม่ยเหรินจะมองไม่เห็น

 

 

ทั้งสองต่างก็มีเลศนัย

 

 

อวี๋กานกานเอาแต่เร่งอยู่ตลอด ให้ฟังจือหันรีบหน่อย ไวหน่อย ไวขึ้นอีก รีบไป กลัวว่าอาจารย์เหม่ยเหรินจะเจอเข้าอย่างจัง กระทั่งฟังจือหันใส่เสื้อผ้าเสร็จพอดี เธอก็ดันตัวเขาออกไปในทันที

 

 

ตอนที่ดันออกไปนอกประตู เธอผ่อนลมหายใจอย่างชัดเจน

 

 

ถ้าฟังจือหันไม่อยากให้เธอคลายความกังวลเช่นนี้

 

 

ตอนที่เธอกำลังจะปิดประตูลง ฟังจือหันยันประตูเอาไว้อย่างชั่วร้ายนิดๆ ไม่อนุญาตให้เธอปิดประตู และยังโน้มตัวมาจูบลงบนปากของเธอ

 

 

เวลานี้แล้วจูบอะไรอีก อวี๋กานกานขัดขืนอย่างยิ่ง

 

 

แต่ว่าฟังจือหันจับมือเธอเอาไว้อย่างเอาแต่ใจมาก รัดเธอทั้งตัวไว้ในอ้อมแขน เหมือนกับลงโทษและเหมือนกับเรียกร้องการชดเชย

 

 

อวี๋กานกานคาดไว้อยู่แล้ว ฟังจือหันมีความคิดอะไร

 

 

เธอยิ่งออกแรงผลักเขา แต่เรี่ยวแรงของมือที่ขัดขืนนั้นมักจะถูกจัดการไปได้อย่างง่ายดาย

 

 

ในตอนนี้ ทางเดินที่ไม่เล็กไม่กว้างขวางอยู่ ประตูห้องตรงข้ามมีคนเปิดออก อวี๋กานกานสำลัก เผลอเหลือบตามองเห็นอาจารย์เหม่ยเหรินเดินออกมาจากข้างใน

 

 

อวี๋กานกานตกใจยกใหญ่ในชั่วขณะ กัดฟังจือหันไปครู่เดียว

 

 

และรีบร้อนดันฟังจือหันออก

 

 

ฟังจือหันขมวดคิ้ว สายตามองตามอวี๋กานกานเห็นเหอสือกุยจึงหักห้ามความรู้สึกทุกอย่าง กลายเป็นผู้ชายที่เย็นชา เฉยเมยคนนั้นดังเดิม

 

 

แต่ว่าในส่วนลึกของดวงตาค่อนข้างไม่เต็มใจ และมีความน้อยใจอยู่เล็กๆ

 

 

อวี๋กานกานค่อนข้างตรงไปตรงมามาก เหมือนกับนักเรียนประถมที่เห็นผู้ปกครองเข้า รีบส่งยิ้มให้เหอสือกุยที่อยู่ตรงหน้า “อรุณสวัสดิ์ค่ะอาจารย์”

 

 

นัยน์ตาของเด็กสาวประหม่าและลนลาน เหอสือกุยไหนเลยจะมองไม่เห็น ทั้งสองยืนอยู่หน้าประตูตอนเช้าตรู่ กำลังทำอะไรกันแน่

 

 

มาปลุกเธอให้ตื่นหรือว่าเมื่อคืนวานก็นอนค้างที่ห้องของเธอ

 

 

เหอสือกุยสะบัดความสงสัยไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ พลางเอ่ยด้วยเสียงนิ่งเรียบ “สายมากแล้ว กินอาการเช้าเสร็จก็ต้องกลับแล้ว”

 

 

อวี๋กานกานพยักหน้า ตอบไปอย่างระมัดระวัง “ได้ค่ะ อาจารย์คะ ฉันล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้วก็ออกเดินทางได้เลย”

 

 

ก่อนเธอเข้าห้องไป ดวงตางามมองค้อนฟังจือหันแวบหนึ่ง ผู้ชายร้ายๆ คนนี้จงใจก่อเรื่องเป็นแน่

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 452 ประกาศ ใครชนะใครแพ้

 

 

ประตูห้องของอวี๋กานกานถูกปิดลง ฟังจือหันถูจมูก สีหน้าเฉยเมยกลับมาเหมือนเดิม หมุนตัวมองไปที่เหอสือกุยที่มีทางเดินเล็กคั่น จากนั้นก็ยิ้มพลางพยักหน้าให้อย่างมีมารยาท ถือเป็นการทักทาย

 

 

ตอนที่ฟังจือหันกำลังจะไป เหอสือกุยจู่ๆ ก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา “พรุ่งนี้เราก็จะกลับเมืองไป๋หยางแล้ว”

 

 

นี่ดูเหมือนจะเป็นการแจ้งกำหนดการเดินทาง ที่จริงก็กำลังบอกฟังจือหันถึงความเป็นเจ้าของของอวี๋กานกาน

 

 

เสียงของฟังจือหันตอบไปอย่างราบเรียบ “ผมรู้ เธอชอบอยู่ที่ไหน เราก็อยู่ที่นั่น”

 

 

ผู้ชายฉลาดไม่ตอบโต้ก้าวร้าวเลยสักนิด แต่กลับประกาศอย่างเอาแต่ใจ

 

 

ขณะที่ฟังจือหันกำลังจะไป กลับหยุดฝีเท้าลง มองผู้ชายตรงหน้าและเอ่ย “ขอบคุณคุณที่เลี้ยงดูเธอ ดูแลเธอ มอบครอบครัวที่อบอุ่น สุขสบายให้ เธอเชื่อใจคุณมาก และเคารพคุณมากด้วย ความเชื่อใจกับความเคารพส่วนนี้ ผมก็มีเช่นเดียวกันกับเธอ”

 

 

ก้มหัวราวกับขอบคุณให้กับเหอสือกุย ฟังจือหันก็ก้าวเท้าจากไป

 

 

ชายหนุ่มเป็นผู้ใหญ่หนักแน่น สุภาพเรียบร้อย เพียงชั่วขณะก็อารมณ์เสียขึ้นมาเสียง่ายๆ

 

 

พูดจาน่าฟัง อีกทั้งน้ำเสียงก็จริงใจและไม่เสแสร้งขนาดนั้น

 

 

แต่ดูเหมือนคำพูดที่ขอบคุณราวกับโอ้อวด เหมือนกับเตือน โอ้อวดว่าหลังจากนี้อวี๋กานกานเป็นของเขา เตือนเขาว่าอย่าคิดเพ้อเจ้อทำลายความเชื่อใจกับความเคารพนั้น

 

 

น่าโมโหจริง!

 

 

แต่คำว่า “ไม่” คำเดียวกลับพูดไม่ออก กระทั่งยังต้องยิ้มน้อยๆ อย่างใจกว้าง นี่เป็นอากัปกิริยาของชายหนุ่ม

 

 

หิมะหยุดแล้ว พระอาทิตย์ออกมา แสงแดดอบอุ่นสาดลงบนตัวเขา แต่ใบหน้ากลับเย็นชาไม่มีแววความอบอุ่นเลยสักนิด

 

 

ขณะที่กินมื้อเช้า ดวงตาของอวี๋กานกานที่มองเหอสือกุยค่อนข้างเก้อเขิน ถ้าโดนเพื่อนเห็นเธอกับฟังจือหันใกล้ชิดกันขนาดนั้น เธอก็เขินอายไปหมด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาจารย์ของตนเองคนนี้เลย

 

 

ไม่รู้ว่าคนอื่นถูกพ่อแม่เห็นถึงความสนิทสนมแล้วจะรู้สึกยังไง

 

 

ถึงอย่างไรเธอก็รู้สึกว่าอึดอัดทุกที่ไปเสียหมด เหมือนกับหาหลุมเพื่อขุดลงไป

 

 

ฟังจือหันผู้ชายชั่วร้ายคนนี้ตีสองหน้าเก่งกินไปแล้ว ช่างแผนการมาก สงสัยเสียจริงว่าทั้งหมดนี่เขาวางแผนมาหมดแล้วใช่ไหม

 

 

ตอนนี้เป็นฤดูหนาว คอเสื้อของทุกคนต่างก็ดูดีมาก และออกไปข้างนอกก็ต้องใส่คู่กับผ้าพันคอ แต่คอเสื้อของเสื้อแขนยาวต่อให้ค่อนข้างสูง แต่เจียงฉี่ยังเห็นรอยจุดแดงจ้ำๆ ทั้งหมดบนลำคอของอวี๋กานกาน

 

 

เธอร้องตกใจ “พี่อวี๋ คุณแพ้การแช่บ่อน้ำพุร้อนใช่ไหมคะ”

 

 

อวี๋กานกานมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจู่ๆ เธอถึงได้ถามแบบนี้ จึงตอบพร้อมกับส่ายหน้า “ฉันไม่ได้แพ้การแช่บ่อน้ำร้อนนะ”

 

 

“คุณไม่แพ้เหรอ งั้นเกิดอะไรขึ้นกับที่คอพี่กัน ทำไมเต็มไปด้วยรอยแดงๆ ไปหมด…” เจียงฉี่พูดด้วยความเป็นห่วงพลางยื่นมือไปใกล้ลำคอของอวี๋กานกาน และยังจัดคอเสื้อให้อวี๋กานกานครู่หนึ่ง “ดูสิ ที่คอพี่แดงหมดเลย จะต้องแพ้แน่นอน ตัวพี่มีรอยแดงอีกไหมคะ”

 

 

หลินจยาอวี่ซึ่งกำลังกินโจ๊กอยู่ตรงข้ามลำลักครู่หนึ่งโดยไม่คาดคิด “แค่กๆๆ…”

 

 

แต่ลู่เสวี่ยเฉินที่อยู่ข้างหลินจยาอวี่ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในทันที มองเจียงฉี่อย่างตกตะลึง เกือบจะไถลตกเก้าอี้

 

 

เขานั่งให้ดีอย่างรวดเร็ว หยิบทิชชู่แผ่นหนึ่งส่งให้หลินจยาอวี่ “คุณกินระวังหน่อย”

 

 

หลังจากนั้นก็หยักริมฝีปากเป็นรอยยิ้มที่เย้าแหย่และครุ่นคิดอยู่บ้าง

 

 

เหอสือกุยมีสีหน้าหม่น ก้มหน้ากินโจ๊ก แสร้งว่าไม่ได้ยินอะไร

 

 

อวี๋กานกานเริ่มทำหน้าตามึนงง ไม่ได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งสิ้น เธอเผลอยกมือไปลูบที่ลำคอของตนเอง ในสมองพลันฉายภาพเมื่อคืนวานขึ้นมา เธอก็เข้าใจขึ้นมาในชั่วขณะ

 

 

ความอายพุ่งไปตามเลือดถึงสมอง หน้าเธอแดงแจ๋ในพริบตา