บทที่ 40 หนานหว่านเยียน เจ้าอยากตายใช่ไหม

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 40 หนานหว่านเยียน เจ้าอยากตายใช่ไหม
ถึงแม้หยุนอี่ว์โหรวจะโกรธแค้น แต่นางรู้ดีว่าไม่สามารถตัดความหวังของตัวเองไปได้ กู้โม่หานคือที่พึ่งสุดท้ายเพียงหนึ่งเดียวของนาง

ถ้าหากพลาดจากคืนนี้ไป นางก็จะไม่สามารถเข้าจวนอ๋องอี้ได้อีกแล้ว

แต่ขอเพียงแค่นางเข้าจวนอ๋องแล้ว คนโง่อย่างหนานหว่านเยียน นางยังจะจัดการไม่ได้หรือ? !

ตอนนี้นาง ทำได้เพียงอดทนเท่านั้น!

“ท่านอ๋อง……” หยุนอี่ว์โหรวเงยหน้าขึ้นมา มองเห็นกู้โม่หานอยากจะพูดแต่ก็หยุดเอาไว้ ส่ายหน้าเบาๆ

จากนั้น นางก็คุกเข่าลง คารวะหน้าผากแตะพื้นขอบคุณไทเฮาอย่างแรง “หม่อมฉัน หยุนอี่ว์โหรว ขอบพระทัยความเมตตาของไทเฮา!”

นางกัดฟันเอาไว้แน่น ไม่มีใครเห็นว่าในดวงตาที่ก้มอยู่ของนาง เก็บซ่อนความอัปยศอดสูและไม่เต็มใจแบบไหนเอาไว้ จากนั้น นางก็หันหน้าไปทางหนานหว่านเยียน “ขอบคุณพระชายาที่ช่วยให้สมปรารถนา!”

หนานหว่านเยียนยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ข้าก็เห็นแก่ที่เจ้ากับท่านอ๋องมีใจรักกัน ไม่อาจทนเห็นคู่รักที่รักใคร่กันดีแยกจากกันได้”

นางเป็นคนดีขนาดไหน คู่รักต้องอยู่ด้วยกันค่อยลงมือแยกออกจากกัน! อยู่คนเดียวมันไม่มีความหมายไม่ใช่หรือ?

หยุนอี่ว์โหรวค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ กู้โม่หานรีบร้อนเข้าไปประคอง จากนั้นก็สังเกตเห็นรอยเลือดกระดำกระด่างบนนิ้วมือของนาง

รูม่านตาของชายหนุ่มตึงแน่นทันที ความปวดใจและอดที่จะสงสารไม่ได้ทั้งหมดปรากฏอยู่บนใบหน้า

หยุนอี่ว์โหรวมองไปทางกู้โม่หาน น้ำตาคลอเบ้า แสดงสีหน้าที่น้อยใจจนถึงขีดสุดออกมา ในดวงตาก็ยิ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้าและสิ้นหวัง “โหรวเอ๋อร์ไม่เป็นไร ท่านอ๋องไม่ต้องกังวล”

จะไม่เป็นไรได้อย่างไร สามหนังสือหกพิธีการอะไรก็ไม่มี ชุดแต่งงานสวยหรูก็ไม่มี เข้าจวนอย่างเร่งรีบเช่นนี้ คือความอัปยศอดสูแบบไหนกัน!

นัยน์ตาของกู้โม่หานมีความเย็นยะเยือกปะทุขึ้นมากะทันหัน เขาจ้องมองไปทางหนานหว่านเยียน แทบอยากจะใช้มีดหมื่นพันเล่มเชือดเฉือนนางตอนนี้เลย!

แต่ไทเฮาอยู่ที่นี่ เขาทำอะไรนางไม่ได้ ได้แต่อดกลั้นความโกรธแค้นเอาไว้ ข้อนิ้วดัง “กร๊อบแกร๊บ” ขึ้นมาเพราะถูกเขาหักด้วยความโกรธ

หนานหว่านเยียนมองเห็นแล้ว แต่ก็ทำเป็นมองไม่เห็น กล่าวต่อไทเฮาว่า: “เสด็จย่าไทเฮา วันนี้เรื่องดีมาเป็นคู่ ล้วนเพราะวาสนาของเสด็จย่าทั้งนั้น”

ไทเฮายิ้มจนตาหยี “เจ้านี่มันช่างเป็นนังหนูน้อยปากหวาน แต่ว่า วันนี้เรื่องที่ข้ามีความสุขมากที่สุดก็คือ ‘ผูหย่า’ ที่เยียนเอ๋อร์มอบให้ คือของขวัญที่ดีที่สุดที่ข้าได้รับมา เด็กๆ เอา ‘โหย่วฟ่งไหลยี่’ ที่ข้านำเข้ามาตอนเข้าวังประทานให้กับเยียนเอ๋อร์!”

“โหย่วฟ่งไหลยี่? !” ฮองเฮาอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เวลานี้ดูเหมือนจะไม่มีภาพลักษณ์ที่สง่างามของฮองเฮาเลยแม้แต่น้อย

มีสมาชิกสตรีไม่น้อยก็วิพากษ์วิจารณ์ตามกันขึ้นมา ในน้ำเสียงเผยความอิจฉาและไม่พอใจ

กู้โม่หานหรี่รูม่านตาลงอย่างแรง

เขารู้ว่า วันนี้หนานหว่านเยียนไม่เพียงไม่ถูกไทเฮารังเกียจ แต่กลับได้รับความชื่นชอบจากไทเฮามากยิ่งขึ้น

นี่ก็คือเหตุผลที่นางทำทุกวิถีทางก็จะต้องออกจากลานเย็น เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังใช่ไหม แผนการช่างลึกล้ำจริงๆ!

หนานหว่านเยียนมึนงง

“โหย่วฟ่งไหลยี่” นั่นมีที่มาอย่างไร? ถึงทำให้คนพวกนี้ตกตะลึงขนาดนี้ได้?

แต่นางก็ไม่กล้าชักช้า รีบร้อนโค้งตัวขอบคุณ “หลานสะใภ้ขอบพระทัยเสด็จย่าไทเฮาที่ประทานรางวัล!”

หากพูดถึง “โหย่วฟ่งไหลยี่” อันนี้ เดิมทีก็คือปิ่นปักผมนกฟีนิกซ์ แต่ฮ่องเต้องค์ก่อนโปรดปรานไทเฮามาโดยตลอด ก่อนที่ทั้งสองจะแต่งงานกัน ก็สั่งให้คนประทานสิ่งนี้เป็นรางวัลให้แล้ว มีจุดมุ่งหมายว่าจะแต่งตั้งเป็นฮองเฮา ยิ่งเป็นสัญลักษณ์ของฐานะและลักษณะอันน่าเกรงขาม

การประทานรางวัลนี้ แทบจะเอาชีวิตของหยุนอี่ว์โหรวชัดๆ!

โชคดีที่กู้โม่หานประคองอยู่ด้านหลัง นางถึงไม่ปล่อยให้ตัวเองล้มลงไป

หนานหว่านเยียนได้รับรางวัลอีกแล้ว! แถมยังเป็นสัญลักษณ์การแต่งตั้งฮองเฮาของไทเฮาในตอนนั้นอีก!

นี่มันหมายความว่าอย่างไร? นางหนานหว่านเยียนก่อกรรมทำชั่วต่อหน้าผู้คนขนาดนั้น ยังคิดจะเปลี่ยนจากฐานะต้อยต่ำยกระดับขึ้นมาอยู่ในฐานะสูงส่งได้ในวันหนึ่งอีกหรือ? !

อย่าแม้แต่จะคิด! นางไม่มีทางยอมให้หนานหว่านเยียนคนโง่คนนี้ ปีนขึ้นไปอยู่บนหัวของนางเด็ดขาด!

ไทเฮามีเมตตาและอัธยาศัยดี หลังจากที่สั่งให้คนนำปิ่นปักผมมาแล้ว ก็ยื่นให้หนานหว่านเยียนด้วยตัวเองพร้อมตรัสว่า: “เยียนเอ๋อร์ วันหน้าหากมีใครกล้ารังแกเจ้า เจ้าก็มาบอกข้า ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าใครมันมีความกล้ามากขนาดนั้น!”

พูดจบ นางก็มองไปที่กู้โม่หาน และหยุนอี่ว์โหรวที่อยู่ข้างกายของเขาครู่หนึ่ง

หนานหว่านเยียนยิ้มอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา “เยียนเอ๋อร์ทราบแล้ว เสด็จย่าวางใจได้”

ไทเฮายิ้มออกมา และตรัสต่อแขกเหรื่อทุกคน “หลังจากงานในวันนี้ ข้าก็เหนื่อยแล้ว ความหวังดีของทุกคน ข้าล้วนได้รับแล้ว พวกเจ้าก็กลับไปพักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ!”

พูดจบ ไทเฮาก็ออกจากงานภายใต้การประคองของมามา

ฮ่องเต้กับฮองเฮาก็ลุกขึ้นจากไปเช่นกัน

ทุกคนน้อมส่งด้วยความเคารพ หลังจากที่สามคนนั้นจากไปหมดแล้ว ถึงได้ทยอยลุกขึ้นมาทักทายกัน

หนานชิงชิงกับอ๋องเฉิงคิดจะจากไป ในตอนที่เดินผ่านหนานหว่านเยียนไป หนานชิงชิงมองดูนางครู่หนึ่ง สีหน้าท่าทางในดวงตาซับซ้อน

นางเหลือบมองกล่องที่ประณีตสวยงามในมือของหนานหว่านเยียนอย่างไม่ทิ้งร่องรอยครู่หนึ่ง ฮึเสียงเย็นชา ติดตามอ๋องเฉิงออกไปจากตำหนัก

หนานหว่านเยียนเพียงแค่มองดูนางด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรเลย

ร่างเดิมมักจะถูกหนานชิงชิงรังแก ตอนนี้นางอารมณ์ดี ยังไม่อยากจะสนใจหนานชิงชิงชั่วคราวก่อน

นางหันหน้า ก็เห็นหนานฉีซานเดินมาถึงด้านหน้า

หนานหว่านเยียนยิ้มให้เขาเล็กน้อย “ท่านพ่อมีอะไรจะพูดหรือ?”

หนานฉีซานอยากจะพูดแต่ก็หยุดเอาไว้ แต่หลังจากนั้น ก็กล่าวถามอย่างหยั่งเชิงเล็กน้อย “หลายปีมานี้พระชายาอี้ ก็ไม่เคยกลับจวนเฉิงเซี่ยงเลย อีกสองวันก็กลับมาเยี่ยมเยียนหน่อยเถอะ”

อ้อ

ดูท่ามูลค่าของไม้กระถางอันนั้นจะสูงอย่างคาดไม่ถึงเลย

หนานหว่านเยียนยิ้มเย้ยหยันในใจ บนใบหน้าแฝงรอยยิ้ม “ถึงเวลาต้องกลับไปแล้วจริงๆ อีกสองสามวันข้าก็จะกลับไปเยี่ยมเยียนท่านพ่อกับบรรดาอี๋เหนียงทั้งหลาย”

บรรดาภูตผีปีศาจทั้งหลายในจวนเฉิงเซี่ยง ยังรอนางกลับไปกำราบในคราวเดียวอยู่เลย หนานฉีซานเชื้อเชิญด้วยตัวเอง เหตุใดต้องปฏิเสธด้วย?

หนานฉีซานยิ้มออกมา สายตามองไปทางกู้โม่หานที่อยู่ข้างกายของหนานหว่านเยียน สายตาของกู้โม่หานเย็นชาอย่างมาก ราวกับความเย็นชาที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน

ดวงตาของหนานฉีซานขยับเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่กำหมัดคำนับไปทางกู้โม่หาน ก็หันหลังจากไปเลย

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้ว แสร้งทำเป็นมองสถานการณ์ที่กำลังพัฒนาอย่างลับๆนี้ไม่ออก

หยุนอี่ว์โหรวยังคงอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของกู้โม่หาน นางเพิ่งคิดจะเอ่ยปากพูดกับกู้โม่หาน มามาผู้รับผิดชอบคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน มองดูหยุนอี่ว์โหรวด้วยสีหน้าท่าทางเฉยเมย

หยุนอี่ว์โหรวตะลึงงันเล็กน้อย รีบออกมาจากอ้อมแขนของกู้โม่หาน กล่าวถามมามาว่า “หลี่มามายังมีอะไรจะสั่งการอีกหรือ?”

หลี่มามาเป็นคนโปรดที่อยู่ข้างกายของไทเฮา อยู่ในวังมาก็สามสิบกว่าปีแล้ว แม้แต่บรรดาองค์ชายเห็นแล้ว ก็ยังให้ความเคารพ นับประสาอะไรกับหยุนอี่ว์โหรว

สายตาของหนานหว่านเยียนวนรอบอยู่ระหว่างพวกเขาสามเขา หลี่มามามองดูหยุนอี่ว์โหรว กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สูง “คุณหนูโหรว คืนนี้ท่านก็จะแต่งงานกับอ๋องอี้แล้ว ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว ตอนนี้พวกท่านไม่สามารถพบหน้ากันอีก เชิญคุณหนูโหรวกลับจวนไปเตรียมตัวตอนนี้เลย บ่าวจะได้ไปรายงานต่อไทเฮา”

ต้องการจะขับไล่นางอย่างชัดเจนขนาดนี้ ไม่อนุญาตให้นางอยู่กับกู้โม่หานแม้ครู่เดียว ในใจของหยุนอี่ว์โหรวปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง น่าโมโหจริงๆ

แต่เบื้องหน้านางกลับยิ้มให้กับกู้โม่หานด้วยรอยยิ้มที่ใครพบเห็นก็ต้องเอ็นดูสงสาร “ท่านอ๋อง เช่นนั้นโหรวเอ๋อร์ขอตัวกลับจวนก่อนแล้ว?”

“ตกลง” นัยน์ตาของกู้โม่หานเต็มไปด้วยความเอ็นดูทะนุถนอม ทั้งสองคนทำท่าทางเหมือนจะลาจากกันชั่วนิรันดร์

หนานหว่านเยียนทนการแยกจากกันที่หวานเลี่ยนของสองคนนี้ไม่ไหวแล้ว ตบไปที่มือของหลี่มามา “ขอบคุณหลี่มามามากที่เตือนสติ ข้ากับอ๋องอี้ก็จะกลับจวนอ๋องก่อนแล้ว ฝากหลี่มามาโปรดบอกเสด็จย่าไทเฮาแทนข้าด้วย ขอให้นางรักษาสุขภาพดีๆ”

ใบหน้าที่เดิมทีเย็นยะเยือกของหลี่มามามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาทันที “บ่าวจะบอกไทเฮาแน่นอน พระชายาโปรดวางใจ”

ใบหน้าประจบประแจงอย่างต่ำต้อย แตกต่างจากเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง

หยุนอี่ว์โหรวอยู่ด้านข้างรู้สึกโกรธแค้นในใจแต่ไม่กล้าพูดออกมา ได้แต่แอบกระทืบเท้าเงียบๆ

หนานหว่านเยียนกระซิบข้างหูหลี่มามาอีกสองสามคำ ก็หันหน้ามองไปทางกู้โม่หานครู่หนึ่ง “ท่านอ๋อง ไปกันเถอะ?”

กู้โม่หานกัดฟัน มองไปทางหยุนอี่ว์โหรว “โหรวเอ๋อร์ เจอกันตอนกลางคืนนะ”

พูดจบ เขาก็ติดตามหนานหว่านเยียนจากไป

หยุนอี่ว์โหรวแทบจะโกรธจนถึงขีดสุด กลับถูกหลี่มามาเหล่มองอย่างดูแคลนครู่หนึ่ง “ยังไม่กลับจวนอีกหรือ คุณหนูหยุน?”

หยุนอี่ว์โหรวมองไปที่หลี่มามาครู่หนึ่ง จากไปอย่างไม่เต็มใจ

และระว่างทางที่ออกจากวัง ในใจของกู้โม่หานอัดอั้นไปด้วยความโกรธ โดยเฉพาะเมื่อหนานหว่านเยียนก้าวเดินอย่างได้ใจและมีความสุข ความโกรธก็ยิ่งจู่โจมมากขึ้น

ทันทีที่ทั้งสองเข้ารถม้า กู้โม่หานก็กดหนานหว่านเยียนไว้บนรถม้าทันที

มือของเขาบีบคอของหนานหว่านเยียนอย่างแรง ใบหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธ “หนานหว่านเยียน! เจ้าอยากตายใช่ไหม!”