ตอนที่ 155 พลังของกระบี่สนิม

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าว “อาจารย์ใหญ่เวิน หูเจ้าแมวอู๋ตี้ของพวกเราไม่ค่อยดี มันไม่ได้ยิน ดังนั้นพวกเราจึงลงมือโดยไม่ทันระวัง  ประเดี๋ยวข้าจะสั่งสอนมันให้ดีเอง  ท่านบอกว่าพวกเราทำผิดกฎ มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ”

รองอาจารย์ใหญ่ยืนขึ้น กล่าวว่า “ข้าสามารถเป็นพยานได้ว่าหูของเจ้าแมวตัวนี้ไม่ดีจริง ๆ”

อาจารย์ใหญ่อีกเจ็ดสำนักศึกษาล้วนเลิ่กลั่ก จิตใจว้าวุ่นบ้าคลั่ง พวกเขาอย่าได้ไร้ยางอายเช่นนี้เลย

อู๋ตี้กระซิบใกล้ ๆ หูเฮาฉางเซิ่ง “เจ้าเองก็พูดไปสิ หากนายท่านของข้าไม่ได้ที่หนึ่ง ระวังข้าจะถลกหนังเจ้าออกเป็นแผ่น ๆ”

เฮาฉางเซิ่งกล่าวเสียงสั่น “อาจารย์ใหญ่เวิน เป็นข้าเองที่ตะโกนยอมแพ้เสียงเบาเกินไป  อีกฝ่ายไม่ได้ยิน ดังนั้นจึงไม่นับว่าสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยทําผิดกฎ”

ดวงตาอาจารย์ใหญ่เวินฉายแววผิดหวัง ในเมื่อฝ่ายที่เกี่ยวข้องกล่าวมาเช่นนี้ เรื่องนี้คงทําได้เพียงปล่อยวาง  ในที่สุดเขาก็ประกาศว่า “สำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยเป็นผู้ชนะ!”

อีกด้านหนึ่ง  หนึ่งในสองสำนักศึกษาจากแคว้นชิง สำนักศึกษาชิงติ่งได้เปรียบในการเอาชนะ เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ  ขณะที่สองสำนักศึกษาใหญ่จากการแข่งขันสองรอบ ต้องออกจากวงล้อมไป

การประลองอันสนุกสนานลุ้นระทึก กําลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้

อาจารย์ใหญ่เวินประกาศ “ฝ่ายผู้ท้าชิงคือสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ย  เชิญสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยส่งคนมาประลองได้”

ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าว “ข้าไปเอง ไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว”

มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “ข้ายินดีมากที่เจ้ามั่นใจในยาของข้า แต่ในฐานะผู้บาดเจ็บเจ้าควรพักผ่อนให้หายดีก่อนเป็นการดีกว่า  ข้ามีอู๋ตี้อยู่ พวกเขานั้น หากมีความสามารถก็ขึ้นมาเจอกับข้าผู้นี้ได้”

มู่เฉียนซีอุ้มอู๋ตี้ ร่างบางไม่รอช้า กระโดดขึ้นเวที

เมื่อมองเจ้าแมวน่ารักตัวนั้น ภาพสภาพอันน่าสยดสยองของงูเหลือมดําพลันผุดขึ้นในหัว คนของสำนักศึกษาชิงติ่งอดไม่ได้ที่จะกังวลใจขึ้นมา

“พี่ใหญ่ เราจะทําอย่างไรกันดี ? แมวขาวตัวนั้นมันฆ่าสัตว์วิญญาณระดับห้าได้ในพริบตา พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันเลย”

“ต้องใช่สิ!”

ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มนักเรียนจากสำนักศึกษาชิงติ่ง—เผยหงกล่าวขึ้น “ข้าไปเอง เจ้าเฮาฉางเซิ่งโง่เง่านั่น  พวกเจ้าคิดจริง ๆ รึว่าเจ็ดสำนักศึกษาใหญ่จะมีเขาเพียงคนเดียวที่มีสัตว์พันธสัญญา ? ข้าก็มี”

เผยหงก้าวเดินไปที่เวทีประลอง กล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้ามีสัตว์วิญญาณระดับห้าแล้วเจ้าจะสามารถฆ่าได้จนถึงรอบสุดท้าย  เช่นนั้นเจ้าคิดผิดมหันต์ ข้าเองก็มีสัตว์พันธสัญญาอยู่ตัวหนึ่งพอดี”

“โฮกกกก!” เสียงคํารามราวพยัคฆ์ร้ายเจ้าอำนาจดังออกมา พยัคฆ์ขาวตัวใหญ่ตัวหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าอู๋ตี้

ดวงตาอู๋ตี้เปล่งประกายกล้า “นายท่าน แมวใหญ่ตัวนี้แข็งแกร่งกว่างูตัวเล็ก ๆ ตัวนั้นเล็กน้อย ได้เวลาสนุกแล้ว”

มู่เฉียนซี “รึ ? เช่นนั้นเจ้าก็ค่อย ๆ เล่นไปแล้วกัน  ส่วนเจ้าหมอนี่ข้าจัดการเอง”

“ได้!” ร่างอู๋ตี้พุ่งตรงไปที่พยัคฆ์ขาวตัวใหญ่ราวกับสายฟ้า

เผยหงกล่าวเสียงเย็นชา “การปล่อยให้สัตว์พันธสัญญาของเจ้าออกห่างจากเจ้าไป เจ้าวางกลยุทธ์ผิดพลาดแล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าววาจามั่นอกมั่นใจ “เช่นนั้นเจ้าคิดผิดถนัด คนที่พ่ายแพ้ในวันนี้ต้องเป็นเจ้าอย่างแน่นอน”

“สตรีโอหัง เจ้าช่างคุยโว ช่างหน้าไม่อาย!” เผยหงพ่นลมพรืดออกจากจมูก กระบี่ยาวของเขาถูกดึงออกมาจากปลอก และผลักมันไปที่มู่เฉียนซี

อากาศโดยรอบก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนเกลียว ๆ  กระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้!

— แกร๊ง! —

ขณะนั้นเอง กระบี่ของมู่เฉียนซีถูกนางหยิบออกมา  นางยกกระบี่ยาวขึ้นเพื่อปัดเป่าปิดกั้นกระบี่ของเผยหง ท่วงท่างามสง่าทำให้ทุกคนตะลึงตาค้าง นี่มันกระบี่อะไรถึงได้สามารถทำให้จอมภูตระดับสองต้านทานกระบี่ขั้นสูงสุดระดับหกได้ ?!

แต่เมื่อพวกเขาเห็นกระบี่สนิมอันทรุดโทรมนั่นก็แทบอ้าปากค้าง “นั่น… กระบี่บ้าอะไรกัน ?!”

“ประหลาดดีแท้! เป็นสนิมขนาดนั้นยังสามารถสู้ได้ ช่างแปลกจริง ๆ”

กระบี่วิญญาณของตนถูกกั้นขวางด้วยเหล็กทองแดงเก่า ๆ นั่น ทําให้เผยหงประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบมิได้  แต่เมื่อเขาประหลาดใจ มุมปากมู่เฉียนซียกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน “หึ ๆ ต่อไปถึงเวลาแล้วที่ข้าจะลงมือ”

ทันใดนั้น เข็มยาจํานวนนับไม่ถ้วนลอยออกมา เผยหงรู้สึกได้ถึงอันตรายพลันถอยหลบหลีกออกไป

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเข็มยาจํานวนมาก แม้ความแข็งแกร่งของเขาจะมากกว่ามู่เฉียนซี เมื่อต้องสู้กันขึ้นมา มันก็ยากเย็นกว่าปกติ  หลังจากที่เขาหลบเข็มยาทั้งหมดแล้ว การโจมตีครั้งต่อไปของเขามาถึงอีกครั้ง  ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งตรงเข้าใส่มู่เฉียนซี

ร่างสีม่วงพุ่งไปอย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีจับช่องว่างในการโจมตีได้ นางหลบการโจมตีของเขาได้อย่างคล่องแคล่ว

เผยหงแค่นเสียงเย็นชา “ไม่อยากจะเชื่อ  เหอะ! เอาเถิด มาดูกันต่อว่าเจ้าจะหลบได้ถึงเมื่อไหร่”

ปราณกระบี่เย็นเยือกพัดมาจากทุกทิศทุกทาง มู่เฉียนซีปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าเผยหง พลางกวัดแกว่งกระบี่ยาวโจมตีเผยหง

“นางบ้าไปแล้ว เริ่มโจมตีก่อน เห็นได้ชัดว่านางใช้ไข่ตีหิน!”

“พวกเจ้าดูสิ ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของนางจะเพิ่มขึ้นแล้ว”

“ระดับสาม จอมภูตระดับสาม!”

“สวรรค์! นางอยู่ในระดับสามแล้ว!”

ในกลุ่มผู้ชม ฉินเทียนอี้ผู้ซึ่งเคยต่อสู้กับมู่เฉียนซีที่สำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยขมวดคิ้วมุ่น ในหัวเขาครุ่นคิดเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง

มีอะไรผิดพลาดหรือไม่ ?! ครั้งก่อนเขาเห็นนางต่อสู้จนได้พัฒนาระดับไปเป็นระดับสองด้วยตาของเขาเอง  มาตอนนี้ การต่อสู้อีกครั้งของนาง เป็นเหตุผลที่นางเลื่อนขั้นเป็นระดับสามได้

เวลาที่นางเลื่อนระดับก่อนหน้านี้ยังไม่ถึงครึ่งเดือนเสียด้วยซ้ำ!  หญิงผู้นี้เป็นคนประหลาดแบบใดกัน ?

เผยหงกล่าวเหยียดหยาม “เจ้าเลื่อนขั้นเป็นระดับสามแล้ว  เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเลยหรืออย่างไรว่าเจ้าจะสามารถต้านทานกระบี่ของข้าได้ ? ช่างโอหังเกินไปแล้ว ให้กระบี่ของข้าจัดการเจ้าเสียเถอะ!”

— ชิ้ง! —

กระบี่ยาวสองเล่มปะทะกัน  เล่มหนึ่งเป็นอาวุธวิญญาณระดับสูง มีความเฉียบคมอย่างหาที่เปรียบมิได้  อีกเล่มหนึ่งเป็นกระบี่สนิมไร้ระดับ ดูราวกับว่าพร้อมจะหักได้ทุกเมื่อ

ผู้ใดจะชนะ ผู้ใดจะแพ้ เห็นได้ชัดเจน

— แกร๊ง!  แกร๊ง!  แกร๊ง! —

นั่น!  นั่นมัน…!  ผู้ที่ชมดูอยู่นิ่งอึ้ง น่าแปลกนักที่อาวุธวิญญาณระดับสูงชิ้นใหม่ชิ้นนั้น กลับหักเป็นท่อน ๆ ร่วงลงสู่พื้นอย่างน่าสังเวช

เผยหงตระหนกตกใจจนเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก ฉับพลันทันใดกระบี่สนิมเล่มยาวของมู่เฉียนซีแทงทะลุไหล่ซ้ายของเขา ไร้โอกาสให้เขาได้ตอบโต้

เมื่อเขามีปฏิกิริยากลับมาจะโจมตีมู่เฉียนซีด้วยพลังวิญญาณ เข็มยาหลายเล่มทิ่มลงไปในจุดชีพจรแต่ละจุดในร่างกายของเขาทันที

พิษระเหยอยู่ในร่างกายของเขา  พาเอาร่างกายกลายแข็งทื่อเป็นเหมือนรูปปั้น ไม่สามารถขยับตัวได้

มู่เฉียนซีก้มมองกระบี่ยาวในมือ นางยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “แม้ว่ามันจะดูน่าเกลียดเล็กน้อย แต่ก็มีประโยชน์มาก สามารถตัดอาวุธวิญญาณระดับสูงขาดเป็นท่อนได้ราวกับตัดเต้าหู้”

ด้วยกระบี่มังกรแดงเล่มนี้ ต่อให้พบเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่านางหลายขั้น ขอเพียงจัดการกับอาวุธของเขาผู้นั้น และจับช่องโหว่ได้ นางก็สามารถเอาชนะได้ …การต่อสู้ในวันนี้เป็นตัวอย่างที่ดี

เจ้าของเดินเข้ามา พยัคฆ์ขาวตัวใหญ่นั่นถูกอู๋ตี้ทําร้ายอย่างโหดเหี้ยม

— ปัง! —

เสียงหนึ่งดังขึ้น มู่เฉียนซีเตะเผยหงลงจากเวที

ในอ้อมแขนของนาง อุ้มเจ้าแมวขาวน่ารักที่ดูไม่เป็นอันตรายไร้พิษภัยตัวหนึ่ง และเหลือบมองไปยังกลุ่มคนของสำนักศึกษาชิงติ่งพร้อมถามว่า “สำนักศึกษาชิงติ่งของพวกเจ้า ใครอยากมาท้าประลองกับข้าอีก เข้ามาได้”

คนของชิงติ่งอดไม่ได้ที่จะสั่นกลัว  หญิงสาววิปริตที่ผ่านระดับสามและเอาชนะลูกพี่ของพวกเขาได้ ไหนจะเจ้าแมวขาวอู๋ตี้ สัตว์วิญญาณบ้า ๆ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับห้า  หากพวกเขาขึ้นไป คงไม่พ้นถูกทารุณกรรม!

อาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาชิงติ่งกล่าวอย่างจนปัญญา “สำนักศึกษาชิงติ่งของพวกเรายอมรับความพ่ายแพ้…”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ย ถึงได้รับชัยชนะอันดับหนึ่งในการประลองกับทั้งแปดสำนักศึกษา

สำนักศึกษาอีกเจ็ดแห่งมิใช่ว่าไม่พยายาม พวกเขาพยายามเจียนตายยังสู้ไม่ได้  เดิมทีสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยอยู่อันดับโหล่ กลับแย่งชิงอันดับหนึ่งของพวกเขาทั้งสองไปได้

งานประลองสิ้นสุดลง แม้สำนักศึกษาแคว้นชิงจะพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช แต่ก็ต้องจัดงานเลี้ยงฉลอง

นี่เปรียบเสมือนงานฉลองความเศร้าเคล้าความขมขื่นของพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น

ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ มู่หรูอวิ๋นเดินเข้ามาอย่างสง่างามพลางยิ้มให้มู่เฉียนซี “ซีเอ๋อร์ ขอบคุณที่นำพาพวกเราให้ได้รับเกียรติเช่นนี้ ข้าขอคารวะเจ้า เจ้าดื่มเหล้าจอกนี้สักหน่อยเถอะ”

.