หนิงฮูหยินน้อยโปรยขึ้น “ยังดีไม่ถือว่าเป็นร้ายแรงอะไรมาก นี่ต้องยกความดีความชอบให้กับน้องสาว นางก็แค่ป่วยไปสองสามวันเท่านั้น ไม่เช่นนั้นข้าก็คงจะเสียใจจวนตายเลย”
“ฮั่นเอ๋อร์ช่างเป็นเด็กที่มีบุญวาสนาจริงๆ ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรอยู่แล้ว ไม่เป็นเช่นไร นางซูบผอมลงแค่ให้นางกินอาหารบำรุงเยอะๆ รอให้กลับถึงเมืองหลวงอวิ๋นพวกเราทำอาหารอร่อยๆ ไม่กี่วันนางก็กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิมเอง!” เหยาเยี่ยนอวี่อุ้มเด็กน้อยพลางพูดอย่างร่าเริง “ตอนนี้อาพาเจ้าออกไปเล่นแล้ว ฮั่นเอ๋อร์ต้องเป็นเด็กดีห้ามร้องไห้โวยวายกับแม่ของเจ้าอีกเด็ดขาด”
“ท่านอา ข้าไม่สบาย” ยัยหนูน้อยเหยาฮั่นเอ๋อร์เช็ดน้ำตายังคงร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น
“ไม่สบาย? ไม่สบายตรงไหน” เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ข้าปวดท้อง”
“ปวดท้องอีกแล้วหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่พูดไปก็วางนิ้วมือบนข้อมือของยัยหนูน้อย
หนิงฮูหยินน้อยพูดขึ้นอย่างไม่เป็นมิตร “น้องสาวอย่าสนใจนางเลย นางร้องไห้โวยวายมาทั้งวันแล้วก็ไม่เห็นนางท้องร่วงหรืออาเจียนอะไร เมื่อครู่ยังกินข้าวต้มไปหนึ่งถ้วยเลย จะมีอาการเหมือนคนป่วยได้อย่างไร นางกำลังใช้ไม้อ่อนทำให้คนอื่นเห็นอกเห็นใจไม่อยากจะอยู่แต่บนเรือต่างหาก”
เหยาเยี่ยนอวี่กลับทำสีหน้าที่งงงวยแล้วเอ่ยถามด้วยคิ้วขมวด “พี่สะใภ้ วันนี้ฮั่นเอ๋อร์กินอะไรไปบ้าง”
“เป็นอะไรไป” หนิงฮูหยินน้อยสะดุ้งตกใจพลันเหยียดกายลุกขึ้น “มีอะไรผิดปกติหรือ”
“นางเหมือนได้รับพิษเข้าสู่ร่างกายเลย” เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วเป็นปม “ถึงแม้อาการจะไม่ค่อยชัดเจน…”
“จะมีพิษเข้าสู่ร่างกายได้อย่างไร!” หนิงฮูหยินน้อยสีหน้าซีดเซียวขึ้นมาทันที
“แม่นมล่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่หันไปถามจินหวนที่อยู่ข้างๆ
จินหวนพลันวิ่งออกไปตามแม่นมเข้ามา เหยาเยี่ยนอวี่ไม่พูดไม่จา แค่อุ้มเหยาชุ่ยฮั่นให้จินหวนดูแลจากนั้นก็จับชีพจรของแม่นมตรงข้อมือ
“คุณหนูรองเป็น…เป็นอะไรไปเจ้าคะ” แม่นมตกใจจนหน้าซีดขาว
“เจ้าก็ได้รับพิษเข้าสู่ร่างกายเช่นกัน” เหยาเยี่ยนอวี่เห็นแม่นมถอนหายใจ “เจ้ารู้สึกไม่สบายที่ใดบ้าง”
แม่นมพลันพูด “กลับไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงที่ใดเลย แค่รู้สึกเมาเรือเล็กน้อย ก่อนหน้านี้บ่าวไม่มีอาการนี้ ยังนึกว่าเป็นเพราะหลายวันก่อนได้นั่งรถม้า ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจ”
“ยังดีที่ไม่ได้ร้ายแรงมาก” เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจแล้วสั่งชุ่ยเวย “ไปเอาเข็มเงินมา”
“ท่านอาข้าไม่อยากฝังเข็ม…” ยัยหนูเหยาชุ่ยฮั่นตกใจจนหลบอยู่ในอ้อมกอดของหนิงฮูหยินน้อย
“ฮั่นเอ๋อร์เป็นเด็กดี ฝังเข็มเสร็จจะได้ไม่ปวดท้องอีก” หนิงฮูหยินน้อยร้องไห้พลางเกลี้ยกล่อมบุตรีตรงกลางอ้อมกอดแล้วปิดตาของนางไว้
เหยาเยี่ยนอวี่จับมือเล็กๆ ของเหยาชุ่ยฮั่นไว้แล้วเริ่มจากฝังเข็มลงตรงง่ามมือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้น้อยๆ ของยัยหนูน้อย นางใช้วิธีอุ่นบำรุงโดยการรมยาแบบไท่อี่เพื่อถ่ายโอนชี่ในร่างกายของตนเองเข้าไปในร่างกายของยัยหนูน้อย จากนั้นค่อยเข้าสู่เส้นเลือดหัวใจและช่องไตแล้วค่อยขับพิษในร่างกายของยัยหนูเหยาชุ่ยฮั่นออกมาผ่านเหงื่อ
ตามหลักแล้วเหยาเยี่ยนอวี่ฝึกปาต้วนจิ่น[1]มาจนถึงตอนนี้ ชี่ในร่างกายก็ควบคุมได้แล้ว ทว่านึกไม่ถึงว่านางแค่ฝังเข็มไปเป็นเวลาหนึ่งจอกชากลับรู้สึกกล้ามเนื้อตรงลำคอกระตุก แขนสั่นอย่างมิอาจควบคุมได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นางแค่ทันดึงเข็มเงินออกเท่านั้นจากนั้นก็ล้มลงบนพื้น
“คุณหนู?!” ชุ่ยเวยสะดุ้งตกใจพลันเดินหน้ามาพยุงนางไว้แล้วเพิ่งจะเห็นว่าสีหน้าของคุณหนูซีดเซียว หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาจากหน้าผาก
“น้องสาวเป็นอะไรไป” หนิงฮูหยินน้อยก็ขวัญเสียจึงรีบไปเชิญคุณชายรองมา!
“ไม่ต้องกระวนกระวาย” เหยาเยี่ยนอวี่พยุงมือของชุ่ยเวยแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมถอนหายใจ “ข้าคิดว่าข้ารู้สาเหตุมาจากไหนแล้ว”
“มาจากไหนล่ะ” หนิงฮูหยินน้อยกระวนกระวายใจอย่างมาก เหตุใดการเดินทางเข้าเมืองหลวงในครั้งนี้ถึงได้ไม่ราบรื่นเช่นนี้! เกิดภัยจากธรรมชาติและจากน้ำมือมนุษย์ พวกเขาไปทำให้เทพเจ้าองค์ใดไม่พอใจอะไรกันหรือ
“ข้าก็ได้รับพิษเข้าสู่ร่างกายเช่นกัน” เหยาเยี่ยนอวี่นั่งลงบนตั่งไม้ที่อยู่ด้านข้างแล้วทอดถอนหายใจฟู่เบาๆ พร้อมทั้งเอ่ยถามชุ่ยเวย “เมื่อครู่ผักป่าพวกนั้นที่ให้ข้ากินเรียกว่าอะไรนะ”
ชุ่ยเวยพลันพูด “มีหนึ่งหนึ่งเรียกว่าคื่นฉ่ายน้ำ และอีกอย่างเรียกว่าผักอวิ๋นเซียง ผักอวิ๋นเซียงก่อนหน้านี้พวกเราเคยกินมาก่อนเจ้าค่ะ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร หรือว่าจะเป็นคื่นฉ่ายน้ำ”
เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วสั่งการ “เจ้าไปดูว่าคื่นฉ่ายน้ำพวกนั้นยังมีอยู่ไหม”
“คุณหนูรองช่วยด้วย…” คนที่อยู่ด้านนอกชานเรียกอย่างไร้เรี่ยวแรงจากนั้นก็ล้มลงบนพื้น
เหล่าสาวใช้ในเรือนต่างหันไปมองอย่างหวาดผวา พอเห็นแม่ครัวที่รับผิดชอบทำกับข้าวนอนสลบด้วยสีหน้าที่เขียวซีดนอกห้องโดยสาร
เหยาเหยียนอี้และเว่ยจางได้ยินข่าวจึงรีบมาทันที ทันใดนั้นก็ไม่สนว่าหนุ่มสาวควรรักษาระยะห่างอะไรกันอีกจึงพุ่งเข้าไปในห้องโดยสารทันที
“เกิดอะไรขึ้น!” เหยาเหยียนอี้ได้ยินว่ามีคนได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย คนที่ได้รับรวมไปถึงลูกสาวและน้องสาวของตนด้วย ทันใดนั้นก็เกือบจะตกลงไปในน้ำ เวลานี้พอเข้ามาก็เห็นสีหน้าของเหยาเยี่ยนอวี่ หัวใจจึงหล่นลงไปอยู่ตรงตาตุ่ม น้ำเสียงแปรเปลี่ยนไปหมด
“พี่รองไม่ต้องเป็นห่วงน อกจากแม่ครัวคนนั้นแล้วคนอื่นน่าจะไม่ถึงขั้นถึงแก่กรรม” เหยาเยี่ยนอวี่พยายามอดกลั้นความรู้สึกไม่สบายไปทั้งเรือนร่างแล้วเกลี้ยกล่อมเหยาเหยียนอี้
มือของเว่ยจางค่อยๆ กำเป็นหมัดแน่นแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ “มีคนวางยาในอาหาร?”
“น่าจะไม่ใช่การวางยา แต่เป็นพวกเราต่างหากที่กินของมีพิษเข้าไป”
“ของอะไร” เหยาเหยียนอี้เอ่ยถามอย่างฉงนสงสัย “ของมีพิษอะไรที่จะปรากฏอยู่บนเรือได้”
“คุณหนู ท่านดูว่าใช่อันนี้หรือไม่” ชุ่ยเวยวิ่งไปที่เตาไฟตรงหัวเรือแล้วมองผักสีเขียวที่ล้างจนสะอาดในตะกร้าเล็ก นางจึงยกตะกร้านั้นแล้วเดินมาโดยตรง
เหยาเยี่ยนอวี่จับผักสีเขียวหนึ่งใบจากตะกร้าขึ้นแล้วดมตรงปลายจมูกพร้อมขมวดคิ้วแล้วขยี้ผักสีเขียวพลางดมกลิ่นของน้ำผักที่ไหลออกมาพลางขมวดคิ้ว “คือสิ่งนี้! นี่เรียกว่าคื่นฉ่ายพิษและเรียกว่าโสมพิษด้วย มันจะขึ้นตามริมบึงหนองและคูระบายน้ำ ใบของมันเหมือนคื่นฉ่าย ทั้งลำต้นของมันมีพิษ โดยเฉพาะดอกจะมีพิษมากที่สุด สารพิษจากผักชนิดนี้หากกินควบคู่กับเหล้าหนึ่งจอกก็ทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ โชคดี…ที่ทุกคนต่างไม่ได้กินเยอะ อีกอย่าง ผักชนิดนี้ยังไม่ทันออกดอก”
พูดจบเรือนร่างของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ชุ่มเปียกด้วยเหงื่อเย็นทันทีโดยไปถึงเว่ยจางด้วย
“ไปสืบมา!” เหยาเหยียนอี้นิ่งสงบไปสักพักแล้วกัดฟันกรอด “ไปสืบมาให้ข้า! บนเรือมีคนเฉกเช่นนี้อยู่ ข้าไม่เชื่อว่าจะหาผู้ร้ายไม่เจอ!”
หนิงฮูหยินเอ่ยถามอย่างใจร้อน “น้องสาว พิษชนิดนี้แก้ได้ไหม”
ตอนนี้เหยาเยี่ยนอวี่แค่รู้สึกว่ามือไม้หมดเรี่ยวแรงและใคร่อยากหลับ ทว่านางกลับต้องรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ข้าเคยปรุงยาแก้พิษ น่าจะยับยั้งฤทธิ์ของยาพิษได้ชั่วคราวเท่านั้น ชุ่ยเวย ไปหามาแล้วแบ่งให้ทุกคน รอให้ข้าฟื้นฟูร่างกายกลับมาแข็งแรงได้แล้วจะฝังเข็มถอนพิษให้ทุกคน”
“เช่นนั้นตอนนี้เจ้าเป็นเช่นไรบ้างแล้ว” เว่ยจางเอ่ยถามด้วยเสียงเรียบ
“ข้าไม่เป็นไร ให้ข้านอนพักหน่อยเถอะ” เหยาเยี่ยนอวี่พูดไปเปลือกตาจึงยกไม่ขึ้นอีก นางค่อยๆ หลับตาลงแล้วฟุบลงไปด้านข้าง
“น้องสาว!” หนิงฮูหยินน้อยนึกว่าเหยาเยี่ยนอวี่จะสิ้นใจไปแล้วจึงตะโกนอย่างตื่นตกใจและขาดสติ
เหยาเหยียนอี้พลันเดินเข้าไปรับนางไว้แล้วช้อนตัวนางขึ้นพร้อมกับสั่งการ “ไปหายาแก้พิษที่คุณหนูรองบอกออกมาเร็วเข้า!”
“เจ้าค่ะ” ชุ่ยเวยพลันวิ่งไปอย่างเร่งรีบ ไม่นานก็เอาขวดยามาหนึ่งขวด ข้างบนติดลายน้ำสีเขียวอ่อนไว้ บนลายน้ำเขียนไว้ว่า ‘ยาดับร้อนขจัดพิษ’ หกพยางค์นี้นี่คือลายลักษณ์อักษรของเหยาเยี่ยนอวี่
เหยาเหยียนอี้ให้ชุ่ยเวยเอายาหนึ่งเม็ดออกมาละลายน้ำแล้วป้อนให้เหยาเยี่ยนอวี่ดื่มจากนั้นกลับเก็บขวดยาเอาไว้
[1] ปาต้วนจิ่น คือแปดกระบวนท่าพิชิตโรคที่เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ราชวงศ์ซ่ง