บทที่ 211 มือสังหารที่แข็งแกร่งมาแล้ว

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

ภายในห้องยาตระกูลจาง เย่เทียนเฉินและมู่หรงซินโอบกอดกันด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า ไม่สวมใส่เสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว นั่งอยู่ในถังไม้ถังใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำร้อน ทั่วทั้งห้องยาฟุ้งกระจายไปด้วยไอน้ำ มองเห็นไม่ชัดเจนว่าพวกเขาทั้งสองคนกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

จินตนาการได้เลยว่า ชายคนหนึ่งที่มีพลังหยางเต็มเปี่ยมและเด็กสาวงดงามคนหนึ่งที่มีร่างกายเต่งตึง ทั้งสองโอบกอดกันด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่าและยังจูบปากกัน ต่อไปจะทำอะไรได้ล่ะ?

ในตอนนี้ ภายในลานบ้านของตระกูลจาง มู่หรงอวี๋ตูนั่งอยู่บนเก้าอี้หิน เฮยเมี่ยนคุ้มครองอยู่ด้านหลังของเขาไม่ห่างกาย ถึงแม้รอบด้านในระยะ 100 เมตรจะมีการคุ้มครองที่เข้มงวดของทหาร จนถึงขั้นที่แมลงวันก็บินเข้ามาไม่ได้ แต่ก็ไม่ทำให้เฮยเมี่ยนลำพองใจ ในฐานะที่เป็นขุนพลระดับทัพฟ้า เขาจะไม่ให้โอกาสศัตรูเข้ามาสังหารมู่หรงอวี๋ตูโดยเด็ดขาด

ก่อนหน้านี้ก็ได้รับข่าวมาก่อนแล้วว่า มีศัตรูคู่แค้นของมู่หรงอวี๋ตูส่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากหลายคนออกมาเคลื่อนไหว เตรียมที่จะปรากฏตัวออกมาสังหารมู่หรงอวี๋ตูในตอนที่เขาตามหาวิธีรักษาหญ้าสยบกายาให้มู่หรงซินผู้เป็นหลาน เพื่อความปลอดภัยของมู่หรงอวี๋ตู คนระดับสูงของประเทศจึงส่งเฮยเมี่ยนออกมา และยังคิดถึงเย่เทียนเฉินที่เรื่อยเฉื่อยแต่มีฝีมือแข็งแกร่งคนนี้ด้วย สาเหตุสำคัญเพราะครั้งนี้มีเรื่องอื่นที่ทำให้ขุนพลระดับทัพฟ้าของประเทศหลายคนต้องออกเดินทางไปทำภารกิจ ในเวลาเพียงชั่วครู่ไม่สามารถกลับมาได้ทันเวลา ความสามารถของเฮยเมี่ยนนั้นแม้จะนับว่าอยู่ในระดับกลางของขุนพลระดับทัพฟ้า แต่ก็นับว่าเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับกลาง

ครั้งนี้คนที่ต้องการลอบสังหารมู่หรงอวี๋ตูจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ ดังนั้นบุคคลระดับสูงจึงคิดถึงเย่เทียนเฉินขึ้นมา จะยังไงเขาก็ว่างมาก ถ้าไม่ให้ภารกิจเขามาทำสักหน่อย ไม่แน่ว่าคงจะก่อเรื่องในเมืองหลวงอะไรขึ้นมาอีกก็เป็นได้

มู่หรงอวี๋ตูนั่งอยู่หน้าโต๊ะหิน มองนาฬิกาข้อมือของตน ตั้งแต่ที่มู่หรงซินถูกเย่เทียนเฉินอุ้มเข้าไปในห้องยาฝั่งตรงข้าม ก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยสักนิด ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล หญ้าสยบกายาไร้หนทางแก้ไข นี่เป็นสิ่งที่จางอีเต๋อพูด แต่จางอีเต๋อเป็นเซียนแพทย์เทวะ ย่อมไม่พูดเท็จโดยเด็ดขาด แต่ที่มู่หรงอวี๋ตูเชื่อว่าหญ้าสยบกายามีหนทางแก้ ก็เพราะเขาไม่ต้องการให้หลานสาวของตัวเองตายไปจนทำให้เขาต้องสูญเสียเลือดเนื้อเชื้อไขคนสุดท้ายของตระกูลมู่หรง

สำหรับเย่เทียนเฉิน เขาทำให้มู่หรงอวี๋ตูต้องสั่นสะท้านจริงๆ เด็กหนุ่มที่อายุน้อยคนนี้ ถึงกับมีความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับนายพลที่ผ่านไฟแห่งสงครามและการฆ่าฟันมาแล้วเช่นเขา โดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสีใจไม่เต้นแรง ไม่อาจดูเบาได้เลยจริงๆ แต่หากจะกล่าวว่าเย่เทียนเฉินจะสามารถกำจัดหญ้าสยบกายาได้ร้อยเปอร์เซ็นหรือไม่นั้น ในใจของมู่หรงอวี๋ตูก็ยังไม่แน่ใจ จะอย่างไรกระทั่งจางอีเต๋อซึ่งเป็นเซียนแพทย์เทวะก็พูดว่าหญ้าสยบกายาไม่มีทางรักษา

“หวังว่าหญ้าสยบกายาของซินเอ๋อร์จะรักษาได้!” มู่หรงอวี๋ตูมองไปยังห้องยาที่มีไอน้ำคละคลุ้งแล้วพูดพึมพำกับตัวเอง

“ท่านแม่ทัพวางใจเถอะ พิษสยบของคุณหนูจะต้องรักษาได้แน่ ถึงแม้ว่าเย่เทียนเฉินจะดูเรื่อยเฉื่อยพึ่งพาไม่ได้ แต่เรื่องนี้เขาไม่ล้อเล่นอย่างเด็ดขาด!” เฮยเมี่ยนเอ่ยปากพูดอย่างจริงจัง

ก่อนหน้านี้เฮยเมี่ยนรู้สึกไม่พอใจเย่เทียนเฉินจริงๆ และหลายครั้งที่เขาอยากจะลงมืออัดเย่เทียนเฉิน เพราะไอ้หมอนี่ไม่เพียงแต่จะโอหัง แต่ยังไม่มีกฎเกณฑ์และระเบียบวินัยอย่างร้ายแรง เมื่อได้รับคำสั่งที่ออกมาจากท่านผู้นำ ถึงกับยังพูดจาต่อรอง เกรงว่าทั่วทั้งประเทศจีนจะมีเย่เทียนเฉินคนเดียวที่กล้าทำแบบนี้

วันนั้นที่เย่เทียนเฉินพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับขุนพลระดับทัพฟ้าเหล่านั้น ก็เพื่อต้องการที่จะกระตุ้นให้เฮยเมี่ยนลงมือ ต้องการประเมินความสามารถของขุนพลระดับทัพฟ้าคนนี้ นั่นทำให้เฮยเมี่ยนโกรธแค้นอยู่ในใจมาโดยตลอด หากจะพูดถึงนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศจีน จะต้องมีระดับทัพฟ้าร่วมอยู่ด้วยแน่นอน ไม่ใช่อะไรที่สมาชิกแห่งกองกำลังเหยี่ยวนักล่าหรือหน่วยมังกรฟ้าธรรมดาจะเทียบได้ บางทีชางหลางและเหยียนหลงที่เป็นหนึ่งในสามราชันนักรบแห่งประเทศจีนก็อาจจะมีความสามารถในการต่อสู้เทียบได้กับขุนพลระดับทัพฟ้า ส่วนคนอื่นน่ะหรือ เกรงว่าจะถูกอัดอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า

แต่ครั้งนี้เฮยเมี่ยนนับถือเย่เทียนเฉินจริงๆ เจ้าหมอนี่อยู่ต่อหน้าทหารผ่านศึกที่ผ่านความเป็นความตายจากสนามรบอย่างมู่หรงอวี๋ตู ก็ยังสามารถนิ่งสงบอยู่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงเวลาสำคัญยังยืดอกก้าวออกมาช่วยกำจัดหญ้าสยบกายาให้มู่หรงซิน ถึงแม้เจ้าหมอนี่จะพูดอย่างสบายๆ บอกมู่หรงอวี๋ตูว่าจะต้องให้เธอแต่งงานให้กับเขา ให้มู่หรงอวี๋ตูเลี้ยงข้าวอะไรแบบนี้ แต่จิตใจอันกว้างขวางก็ทำให้เขานับถือจริงๆ

สาเหตุที่เย่เทียนเฉินเสี่ยงอันตรายเพื่อกำจัดหญ้าสยบกายาให้มู่หรงซิน ประการแรกก็เพราะเขาต้องการทำความเข้าใจกับเรื่องราวใหม่ๆ พูดให้ชัดเจนก็คือ มีความอยากรู้อยากเห็นสูง และด้วยนิสัยแบบนี้จึงทำให้เขาได้กลายเป็นผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้าในช่วงยุคสิ้นโลกและสะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ช่วงหนึ่ง ประการที่สองก็คือ หากไม่กำจัดหญ้าสยบกายาให้มู่หรงซิน มู่หรงอวี๋ตูจะต้องลงมือกับจางอีเต๋อแน่นอน ต่อให้จางอีเต๋อจะร้ายกาจขนาดไหน ก็คงไม่กล้าลงมือกับมู่หรงอวี๋ตูเพราะมีหลานสาวของเขาอยู่ ดังนั้น ต้องกำจัดหญ้าสยบกายาให้มู่หรงซินเท่านั้นถึงจะสามารถช่วยจางอีเต๋อและจางรั่วถงผู้เป็นหลานของเขาได้ และจะทำให้มีโอกาสขอให้จางอีเต๋อไปรักษาโรคมะเร็งให้แม่ของสาวยากจน

ไม่ว่าคุณจะเป็นวีรบุรุษกู้โลก ทหารผ่านศึก หรือคุณจะไร้คู่ต่อกรในใต้หล้า ก็หนีไม่พ้นอารมณ์และกิเลส มู่หรงอวี๋ตูอยู่ในสนามรบมาชั่วชีวิต เมื่อปีนั้นร่วมแย่งชิงแผ่นดินกับท่านผู้นำผู้ก่อตั้งประเทศ ไม่รู้ว่าผ่านสงครามน้อยใหญ่มามากแค่ไหน รอยมีดรอยปืนรอยกระสุนบนร่างกายนับไม่ถ้วน ยิ่งใหญ่กว่าเด็กหนุ่มสาวหลายคน เขาเป็นนายพลเฒ่าที่มีความเข้มงวดจริงจังมาก ต่อให้ตอนนี้ผู้นำระดับประเทศหลายคนมายืนอยู่เบื้องหน้าเขาก็ยังต้องแสดงความเคารพ นี่คือทหารผ่านศึกที่ใช้เลือดเนื้อสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ให้แก่ประชาชน ควรค่าที่จะให้ผู้คนเคารพนับถือและเลื่อมใส

แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพิษสยบของมู่หรงซินหลานสาวผู้น่ารัก เมื่อต้องเห็นหลานสาวหายใจรวยระริน ใบหน้าซีดขาว มู่หรงอวี๋ตูในตอนนี้ก็เป็นเพียงชายชราไม้ใกล้ฝั่งคนหนึ่ง เป็นชายชราที่รักใคร่หลานสาว และต้องการช่วยชีวิตหลานสาวของตนเองเท่านั้น

“งั้นเหรอ? งั้นใช้ชีวิตของมู่หรงอวี๋ตูมาแลกเปลี่ยนเป็นไง?” ทันใดนั้นเอง กลางลานบ้านของตระกูลจางมีเสียงมืดครึ้มเสียงหนึ่งดังขึ้น มียอดฝีมือทะลวงแนวป้องกันที่แข็งแกร่งเข้ามา หลบเลี่ยงจากทหารผู้แข็งแกร่งนับร้อยที่ล้อมรอบเอาไว้และลอบเข้ามาในร้านบ้านตระกูลจางได้ ต้องการที่จะมาเก็บชีวิตมู่หรงอวี๋ตู

พลั่ก!

ในขณะเดียวกันกับที่เสียงโหดเหี้ยมนั้นดังขึ้น เฮยเมี่ยนก็ได้ลงมือแล้ว เขาพุ่งตัวไปยังต้นไม้สูงเสียดฟ้าด้านข้างด้วยความรวดเร็ว ใช้เท้าซ้ายตวัดเตะไปบนต้นไม้เพื่อยืมแรงส่งให้ตัวเขากระโดดสูงขึ้นไปหลายเมตร ซัดหมัดไปยังใบไม้หนาแน่น คละเคล้าไปด้วยพลังภายในอันแข็งแกร่ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งที่สามารถหลบสายตาทหารนับร้อยและเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่อย่างไรซุ่มไร้เสียงได้ เฮยเมี่ยนจะกล้าลำพองใจได้อย่างไร ถ้าไม่ออกแรงเต็มกำลัง เกรงว่าวันนี้มู่หรงอวี๋ตูคงจะต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว

ตู้ม!

เสียงดังสนั่น บนต้นไม้มีคนโจมตีกลับมา เขาพุ่งลงไปหาเฮยเมี่ยนโดยตรง เฮยเมี่ยนเห็นดังนั้นก็ส่งเสียงคำรามลั่น ซัดหมัดเข้าไปอีกครั้ง หมัดทั้งสองประทะกันอย่างรุนแรง เฮยเมี่ยนกระเด็นตกลงมาที่พื้น กลิ้งไปหลายรอบถึงจะลดแรงปะทะลงไปได้ ส่วนคนที่ประหมัดกับเฮยเมี่ยนก็กระเด็นขึ้นไปในอากาศ ในขณะเดียวกันก็ใช้เท้าถีบลงบนต้นไม้ใหญ่ พุ่งตัวเข้าไปหวังฆ่ามู่หรงอวี๋ตูโดยไม่สนใจเฮยเมี่ยน

ฉัวะๆๆ!

มีดบินสามเล่มพุงไปยังมู่หรงอวี๋ตูอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า เฮยเมี่ยนตกตะลึงจนหน้าถอดสี ผู้มาเยือนเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งดังคาด เมื่อครู่นี้ตนเองลงมือเต็มที่แล้วก็ยังไม่สามารถเอาชนะคนผู้นั้นได้ และจุดประสงค์ของศัตรูก็ชัดเจนเป็นอย่างมาก นั่นก็คือต้องการฆ่ามู่หรงอวี๋ตู นับว่าเป็นวิธีการที่ดีมาก

ความจริงแล้วอาวุธที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากที่สุดในการลอบสังหารไม่ใช่อาวุธสมัยใหม่ แต่เป็นอาวุธโบราณ เพราะคนที่ใช้อาวุธโบราณมักจะเป็นยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณ ฝีมือของพวกเขาไม่อาจดูเบาได้โดยเด็ดขาด กระทั่งยากที่จะป้องกัน

เคร้งๆๆ!

เสียงดังขึ้นอีกสามเสียง เฮยเมี่ยนแสดงความสามารถของยอดฝีมือระดับทัพฟ้าออกมาด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในตอนที่บินทั้งสามเล่มใกล้จะถูกมู่หรงอวี๋ตู ในมือขวาของเขาก็ปรากฏมีดทหารขึ้นเล่มหนึ่ง สกัดกั้นมีดบินทั้งสามเล่มนั้นเอาไว้ได้ทั้งหมด

ตอนนี้เอง นักฆ่าที่สวมชุดสีดำ สวมผ้าปิดหน้าสีดำ ปรากฏให้เห็นเพียงดวงตาทั้งสองข้าง ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากเฮยเมี่ยนและมู่หรงอวี๋ตูไม่ถึงห้าเมตร สายตาโหดเหี้ยมดุดันคู่หนึ่งมองไปยังเฮยเมี่ยนเขม็ง เชื่อว่าเขาก็คงคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ข้างกายของมู่หรงอวี๋ตูจะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งคุ้มครองอยู่

มู่หรงอวี๋ตูลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้หิน เขาเป็นทหารผ่านศึกคนหนึ่ง ผ่านการต่อสู้เป็นตายมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสนามรบเล็กใหญ่ต่างก็เคยเห็นผ่านตามามาก เมื่อต้องเจอกับการลอบสังหารตนเอง มู่หรงอวี๋ตูก็แสดงความสงบนิ่งมั่นคงของทหารผ่านศึกออกมา ทำให้ผู้คนรู้สึกนับถือ ไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ต่อให้ศัตรูที่มาลอบสังหารเขาจะเป็นยอดฝีมือก็ตาม

“ใครส่งแกมาฆ่าฉัน เกี่ยวข้องกับพิษสยบในร่างกายของหลานสาวฉันหรือเปล่า?” มู่หรงอวี๋ตูคิดถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เขาต้องการที่จะพิสูจน์ความจริงจึงได้เอ่ยปากถาม

“ไม่จำเป็นต้องถามให้มาก หลังจากวันนี้แกก็จะถูกฆ่าล้างตระกูล ไม่เพียงแต่หลานสาวของแท้ที่จะต้องตาย แกเองก็ต้องตายเหมือนกัน!” มือสังหารคนนั้นพูดอย่างเย็นชา

“ฆ่ามันซะ เฮยเมี่ยน!” มู่หรงอวี๋ตูออกคำสั่งอย่างเรียบเฉย

เฮยเมี่ยนพยักหน้า ตวัดมีดทหารในมือขวาออกไปในแนวขวาง พุ่งตัวไปยังมือสังหารคนนั้นอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า มือสังหารคนนั้นเองก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เมื่อต้องเจอกับการลงมือเต็มที่ของเฮยเมี่ยน ก็ไม่ยอมถอยเลยแม้แต่น้อย ปรากฏมีดเล็กๆ ออกมาในมือขวาและพุ่งเข้าไปหาเฮยเมี่ยนเช่นเดียวกัน

เคร้ง!

เคร้ง!

เคร้ง!

เฮยเมี่ยนและนักฆ่าต่อสู้พัวพัน ทั้งสองต่างก็ต้องตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก ฝีมือพอๆ กัน หากต้องการฆ่าอีกฝ่ายอย่างเร็วที่สุด ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ นี่เป็นการต่อสู้ยืดเยื้อ

ตู้ม!

ในตอนที่เฮยเมี่ยนพุ่งเข้าไปหานักฆ่าคนนั้นและกำลังต่อสู้อย่างสุดชีวิต เสียงดังสนั่นเสียงหนึ่งดังขึ้น ประตูไม้ของบ้านตระกูลจางถูกระเบิด ทหารผู้แข็งแกร่งหลายคนล้มลงไปบนพื้นด้วยร่างกายโชกเลือด ตายไปแล้ว!

มู่หรงอวี๋ตูขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้อีกฝ่ายจะเคลื่อนไหวอำนาจอิทธิพลที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้เพียงเพื่อที่จะฆ่าเขาให้ได้ ท่าทางหากเขาไม่ตายก็คงไม่ยอมหยุด แต่ตอนนี้มู่หรงอวี๋ตูไม่ได้สนใจความเป็นความตายของตัวเอง มองไปยังห้องยา เขาหวังว่ามู่หรงซินหลานสาวของเขาจะประสบความสำเร็จในการถอนพิษสยบ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจแล้ว!

………………..