บทที่ 132 เจ้าไม่ไป หรือจะให้ข้าไป

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“บนร่างเขามีร่องรอยบาดแผลจากการร่วมรัก บนร่างเจ้ามีหรือไม่”

“แต่ข้าเหลือเสื้อแค่ตัวเดียวแล้ว ถ้าให้เขาไปจริงๆ ข้าจะมองหน้าคนอื่นได้อย่างไร”

กู้ชูหน่วนชี้ไปยังใบไม้ที่อยู่นอกวัดร้าง จากนั้นก็โยนเข็มให้เขาเล่มหนึ่ง”ข้างนอกมีใบไม้ตั้งมากมาย เย็บขึ้นมาอย่างง่ายๆแล้วสวมเอาไว้ก็ได้แล้ว ข้าไม่มีทางหัวเราะเยาะเจ้า”

มองเข็มเงินที่อยู่ในมือ เซียวหยู่เซวียนรู้สึกสับสนวุ่นวาย

“ที่นี่ไม่มีเส้นด้าย และเข็มเงินนี้ก็ใช้ในการฝังเข็ม ไม่สามารถร้อยด้ายได้ ข้าไม่สน ต่อให้ตีข้าให้ตายข้าก็ไม่ถอด ถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไป ชื่อเสียงของข้าคงป่นปี้หมด”

กู้ชูหนวนยกมือขึ้นกอดอก เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “เสื้อนอกของข้าก็พันแผลให้เขาไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่หนึ่งตัว เจ้าไม่ถอด หรือจะให้ข้าถอด”

“แต่ ……แต่ยังมีฝูกวงอยู่มิใช่หรือ รอให้เขากลับมาแล้วถอดของเขาก็ได้มิใช่หรือ”

“ฝูกวงยังไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ หรือเจ้าจะปล่อยให้เขาร่างเปลือยอยู่เช่นนี้”

เซียวหยู่เซวียนแทบจะเป็นบ้า

นี่มันเรื่องอะไรกัน

กู้ชูหน่วนกลอกตาให้เขา ลงมือด้วยตนเองเลยแล้วกัน ถอดเสื้อผ้าบนร่างเขาออกมา

“นี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าอะไรคือหญิงชายไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน หยุดนะหยุดเดี๋ยวนี้ เจ้ารีบหยุดเลย”

เซียวหยู่เซวียนก็ไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเพื่อสะบัดตัวให้หลุดจากนาง แล้ววิ่งตรงไปข้างนอก

“แม้เจ้าจะเอาเสื้อของข้า ก็ต้องให้เวลาข้าบ้าง ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะทำอย่างไร”

“เร็วเข้า”

“นับว่าข้าพ่ายแพ้ต่อเจ้าแล้ว วันหลังให้ตายข้าก็ไม่ออกมาข้างนอกกับเจ้าอีกแล้ว”

กู้ชูหน่วนก็ไม่รู้ว่าเขาไปหาผ้าตาข่ายที่ไหนมาได้ตั้งหลายเส้น ทำเป็นเสื้ออย่างง่ายๆ ปิดบังร่างกายของตัวเองไว้อย่างหมิ่นเหม่

“ไม่ต้องดูแล้ว ข้างหน้าไม่ไกลนักยังมีศาลเทพคุ้มครองภูเขา ข้าไปหาเศษผ้ามาจากที่นั่น ”

จริงหรือ

ในป่าที่ห่างไกลกันดาร ข้างวัดร้างยังมีศาลเทพคุ้มครองภูเขาอีกหรือ

ยังถูกเซียวหยู่เซวียนค้นพบเข้าโดยบังเอิญอีก

จะเป็นการบังเอิญเกินไปหรือไม่

เซียวหยู่เซวียนใบหน้าดำคล้ำ โยนเสื้อให้นาง

กู้ชูหน่วนไม่ได้รับเอาไว้ แต่กลับเดินออกไป “เจ้าใส่ให้เขา อีกอย่าง ตั้งแต่ส่วนเอวลงไป เจ้าช่วยจัดการให้เขาด้วย”

“เจ้ามีวิชาแพทย์มีใช่หรือ เจ้าจัดการให้เขาเองดีกว่า ข้ามือไม้หยาบกร้าน ถ้าทำเขาเจ็บจะทำอย่างไร”

กู้ชูหน่วนพูดประชดประชันเขาว่า”หญิงชายไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกัน เจ้ารู้หรือไม่”

เซียวหยู่เซวียนรู้สึกปวดหัว กุมศีรษะของตัวเองเอาไว้ เป็นเวลานานกว่าจะคิดออกว่ากู้ชูหน่วนต้องการให้เขาจัดการกับตรงไหน

เขารู้สึกลำบากใจ “นี่……นี่ไม่ดีเท่าไหร่กระมัง หลังจากเย่เฟิงตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าข้า ……ทำอะไรกับตรงนั้นของเขา ข้าเกรงว่าเขาจะฆ่าข้า”

“ทำไม หรือว่าเจ้าจะให้ข้าไป”

เซียวหยู่เซวียนใบหน้าดำคล้ำไปหมด กัดฟันพูดว่า “ได้ ข้าไป แต่ว่าเจ้าห้ามบอกคนอื่นอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะเย่เฟิงกับพวกหลิวเยว่กับอวี่ฮุย”

“รู้แล้ว พูดมากไร้สาระเสียจริง”

ใช้เวลาไปเกือบครึ่งก้านธูป เซียวหยู่เซียนจึงเดินออกมาด้วยสีหน้าหนักอึ้ง

กู้ชูหน่วนรู้สึกสงสัย”จัดการเสร็จแล้วหรือ”

“อืม เรียบร้อยแล้ว”

“โกรธหรือ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ครั้งหน้าจะไม่ให้คุณชายเซียวมาทำเรื่องเช่นนี้อีกแล้ว”

มุมปากของเซียวหยู่เซวียนกระตุก แต่ยังคงปิดปากไม่พูดอะไร

เขาไม่ได้โกรธเพราะเรื่องนี้

แต่เป็นเพราะบาดแผลของเย่เฟิงที่สะเทือนจิตใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

คิดถึงบาดแผลที่อยู่ด้านล่างถัดจากบริเวณเอว หัวใจของเซียวหยู่เซวียนก็บิดเป็นเกลียว คิดไม่ออกจริงๆว่าเย่เฟิงผ่านมันมาได้อย่างไร

หลังจากผ่านเรื่องนี้

ไม่ต้องสงสัยเรื่องที่เย่เฟิงเป็นฆาตกรแล้ว

ถ้าหากเขามีความสามารถในการฆ่าอาจารย์ใหญ่กับอาจารย์หรง แล้วจะทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพอนาถเช่นนั้นได้อย่างไร

เซียวหยู่เซวียนเอียงหน้าถามขึ้นมาว่า “ยัยขี้เหร่ เวลาสามวันใกล้จะถึงแล้ว ตอนนี้ไม่มีเบาะแสเลยสักนิด เจ้าจะอธิบายกับคนในราชวิทยาลัยอย่างไร”

“ใครบอกว่าไม่มีเบาะแสเลยสักนิด นี่ไม่เท่ากับเป็นการยืนยันว่าเย่เฟิงนั้นถูกคนกระทำชำเราเป็นเวลาสองวันเต็มๆ แต่ไม่ได้หลบหนีเพราะฆ่าคนหรอกหรือ”

“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้”