เสี่ยวเชี่ยนนึกออกแล้ว เธอรู้จักผู้หญิงวัยกลางคนสวมแว่นกรอบดำที่เพิ่งเดินเข้ามานี้
ก็คือคนที่เป็นมะเร็งความคิดผู้ชายหัวโบราณ ผู้อำนวยการโรงเรียนที่คิดว่าผู้หญิงถูกคนเลวลวนลามเป็นความผิดของตัวผู้หญิงเอง!
ผู้อำนวยการคนนี้ก่อนหน้านี้ดูถูกหลิวเหมยที่เป็นผู้หญิง เหยียดฉิวฉิวว่าเป็นคนผิดเพศแล้วปฏิเสธคนที่มีความสามารถอย่างทั้งสองคน
ต่อมาก็ได้กล่าวหาเวยเวยว่าเป็นความผิดของเวยเวยเอง เป็นคนที่ทำงานด้านการศึกษาชัดๆ อีกทั้งยังเป็นผู้หญิง แต่กลับใช้ความคิดแบบผู้ชายสรุปเรื่องราวส่งเดช รับเงินจากหลุ่ยจือไปแล้วก็กล้าที่จะสร้างคำให้การเท็จบอกว่าปกติเวยเวยทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม
ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนไปหาหลุ่ยจือกับเย่ต้าเชียนด้วยตัวเองเคยเจอผู้อำนวยการคนนี้ จึงจดจำคนที่มีความคิดป่วยๆแบบนี้ได้เป็นอย่างดี แต่ผู้อำนวยการคนนี้กลับจำเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้
“ตรงนี้มีที่นั่งไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ให้พวกเรานั่งล่ะ? พนักงานอย่างพวกเธอนี่นะวันๆชอบอู้งาน อยากทำก็ทำไม่ทำก็ไสหัวออกไปเลย! เดี๋ยวฉันจะไปฟ้องหัวหน้าพวกเธอ!”
ผู้หญิงวัยกลางคนอีกคนที่มากับผู้อำนวยการตะคอกใส่พนักงาน เห็นได้ชัดว่าไม่มองว่าพนักงานเป็นคน
สุ่ยเซียนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เมื่อก่อนตอนที่เธอเป็นโรคเบื่ออาหารเสี่ยวเชี่ยนพาเธอไปลองใช้ชีวิตการเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร ความรู้สึกผูกพันแบบพี่น้องก็ได้เกิดขึ้นในช่วงนั้น ดังนั้นสุ่ยเซียนจึงสนิทสนมกับเสี่ยวเชี่ยนเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันเธอก็ได้เข้าใจหัวอกของคนเป็นพนักงานระดับล่าง
นี่เป็นงานที่ลำบากมาก พนักงานที่ต้องอาศัยความพยายามและแลกด้วยหยาดเหงื่อไม่ควรได้รับการปฏิบัติแบบดูถูกแบบนี้
“ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวฉันอธิบายกับหัวหน้าให้ ไม่ต้องกังวลนะ” เสี่ยวเชี่ยนพูดกับพนักงานคนนั้น พนักงานรีบพูดขอบคุณแล้วโค้งตัวให้เสี่ยวเชี่ยนกับสุ่ยเซียน
“ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน” ผู้หญิงคนที่ต่อว่าพนักงานกวาดตามองเสี่ยวเชี่ยน จากนั้นจึงหันไปทำหน้าประจบผู้อำนวยการ
“ผู้อำนวยการอันคะ เชิญทางนี้ค่ะ”
บอดี้การ์ดเหลือบมองสุ่ยเซียนกับเสี่ยวเชี่ยน สายตานั้นเหมือนกับกำลังบอกว่า เขาได้เห็นมนุษย์ที่ไม่สำนึกในบุญคุณ พวกคุณเป็นดั่งแม่พระ!
คนที่ไม่รู้จักขอบคุณคนแบบนี้ควรจะถีบให้ออกไปกินดินข้างนอก
สุ่ยเซียนเห็นสายตาของเขาแล้วก็ปวดหัว เธอกับประธานเชี่ยนไม่อยากทำให้พนักงานลำบาก ลูกบ้าของบอดี้การ์ดคนนี้บางทีก็ทำให้เกิดความรู้สึกที่ว่า เขาเหมือนจะเป็นบอสมากกว่าเธอ
“อยากมานั่งกินด้วยกันไหม ถ้าไม่อยากก็ไปยืนรอข้างนอก” สุ่ยเซียนไล่บอดี้การ์ดออกไป
“ครับคุณหนู”
เสี่ยวเชี่ยนเอามือเท้าแก้มมองเหตุการณ์ตรงหน้า รู้สึกสนุกมากขึ้นกว่าเดิม
ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อชาติก่อนเธอเคยเจอตาคนนี้มาก่อน เธอเกือบเชื่อแล้วว่าเขาเป็นบอดี้การ์ดจริงๆ แสดงได้เนียนมาก
“บอดี้การ์ดคนนี้พ่อบุญธรรมหาให้เธอเหรอ?”
“ใช่ นิสัยเข้ากับฉันไม่ได้เท่าไร เวลาฉันเห็นดวงตาของเขาจะรู้สึกหงุดหงิดมาก จริงสิเชี่ยนเอ๋อ ลูกพี่ลูกน้องหมิงหลางเป็นวิชาป้องกันตัวใช่ไหม เขาอยากมาเป็นบอดี้การ์ดฉันไหม?”
“เขาน่ะเหรอ ช่วงนี้ก็กำลังมองหางานจริงๆน่ะแหละ แต่อาจไม่ชอบงานบอดี้การ์ด ช่วงนี้เขากับเพื่อนฉันกำลังปรึกษากันอยู่ว่าจะเปิดโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัว เธออยากจะลงทุนไหม? เอาสักหน่อยสิ ฉันก็ลงขันด้วยนะ”
สุ่ยเซียนขำ “ก็ว่าทำไมวันนี้เธอดูอารมณ์ดี ที่แท้ก็รอพูดเรื่องนี้อยู่ เอาสิ โปรเจ็คต์ไหนที่เธอว่าดีไม่มีพลาดอยู่แล้ว เดี๋ยวเอาเลขบัญชีมาแล้วกัน ฉันเอาด้วย”
“ไม่อยากดูแผนงานก่อนเหรอ?”
หลังจากที่ฉิวฉิวกับหลิวเหมยเจอปัญหาตอนหางาน ทั้งสองคนก็มาเริ่มคิดว่าไม่สู้ทำเองเลยดีกว่า ฉิวฉิวจบด้านพลศึกษา หลิวเหมยเป็นแชมป์มวยระดับประเทศ เปิดโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวก็น่าจะดี เสี่ยวเชี่ยนเลยช่วยทั้งสองคนระดมทุนให้
“ไม่ต้องดูหรอก เพื่อนเธอก็เหมือนเพื่อนฉัน ฉันหยุดซื้อกระเป๋าสักสองสามใบก็มีเงินมาลงทุนแล้ว” เงินแค่นี้สุ่ยเซียนไม่แคร์
วันนี้คำพูดของประธานเชี่ยนจี้ตรงจุดของสุ่ยเซียนพอดี ทำให้เธอหายเครียดไปไม่น้อย เอาแค่เรื่องนี้ให้เธอลงทุนหลักแสนมันก็คุ้มค่า
“ฉันดูแล้วไม่มีทางขาดทุน อีกไม่นานก็น่าจะเปิดได้แล้ว ผู้หญิงเรามีกิจการเป็นของตัวเองก็ดี พวกเขาสองคนมีความสามารถมาก แค่ก่อนหน้านี้ไปสัมภาษณ์งานไม่ได้เจอคนที่ดูคนเป็น คนบางคนปฏิเสธพวกเขาเพียงเพราะเรื่องเพศ” เสี่ยวเชี่ยนแอบเหลือบไปมองผู้อำนวยการที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ
โลกนี้มันแคบจริงๆ วนมาเจอกันได้
“ฉันเกลียดที่สุดคนที่ไม่ให้โอกาสผู้หญิงทำงาน—” สุ่ยเซียนยังไม่ทันพูดจบก็ได้ยินโต๊ะข้างๆพูดขึ้น
“เป็นผู้หญิงไม่ได้ รีบหาอาจารย์ผู้ชายมา!”
“ค่ะๆๆ ผู้อำนวยการอันพูดถูก ฉันก็พยายามหาอยู่ค่ะ แต่ไม่เจอคนถูกใจสักที ก่อนหน้านี้สองคนที่มาสมัครหน่วยก้านใช้ได้ มีคนหนึ่งเป็นถึงแชมป์ประเทศเลยนะคะ”
“แชมป์ประเทศคนนั้นฉันเห็นแล้ว ไม่ได้ หน้าตาสวยเกินไปไม่เหมือนคนเป็นอาจารย์พละ ผู้หญิงสาวๆแบบนั้นเดี๋ยวก็แต่งงานมีลูก ทำเสียเวลางาน เอามาไว้ในโรงเรียนวันๆก็คิดแต่จะยั่วยวนอาจารย์ผู้ชาย!”
เสี่ยวเชี่ยนหรี่ตา ผู้อำนวยการคนนี้เคยถูกแย่งผู้ชายไปเหรอ? ทำไมน้ำเสียงดูแค้นผู้หญิงสวยๆมาก?
“มีอีกคนที่ชื่อเซียวหมีชิว ลักษณะท่าทางใช้ได้เลยนะคะ”
“ไร้สาระ! คนครึ่งหญิงครึ่งชายแบบนั้นเอามาไว้ในโรงเรียนไม่เท่ากับเป็นแบบอย่างผิดๆให้นักเรียนเหรอ? ฉันเกลียดคนแบบนี้ที่สุด! รีบไปหาคนอื่นมา!”
สุ่ยเซียนเห็นเสี่ยวเชี่ยนจากที่ยกแก้วชาดื่มอย่างสุภาพ ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงแก้วกระแทกโต๊ะ สายตาเย็นชาลง
เสี่ยวเชี่ยนเริ่มไม่พอใจแล้ว
บทสนทนาของทางนั้นยังไม่จบลง ผู้อำนวยการอันที่มีอคติกับเพศหญิงยังคงไม่หยุดพูด
“ประชุมตอนบ่ายเธอเข้าแทนไปก่อนนะ แฟนเพื่อนสมัยเรียนของฉันเข้าโรงพยาบาล ฉันจะไปเยี่ยมหน่อย”
หลักๆคือหลุ่ยจือต้องการให้เธอช่วยยืนยันว่าเวยเวยเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมแย่ ผู้อำนวยการเฉียนอันรับเงินมาแล้ว ตอนนี้อยู่ๆเย่ต้าเชียนก็เข้าโรงพยาบาล ผู้อำนวยการอันจึงต้องไปเยี่ยมสักหน่อย
ไม่ต้องสนว่าเย่ต้าเชียนจะเป็นหรือตาย เงินนี่ยังไงก็ไม่มีทางคืนอยู่แล้ว
อาหารมื้อนี้เป็นการพาหัวหน้าฝ่ายการศึกษาที่สนิทกับเธอออกมาคุยเรื่องงาน มีคำพูดบางอย่างที่ไม่สะดวกจะคุยในโรงอาหารของโรงเรียน จึงออกมาหาร้านอาหารนั่งคุยกัน ผู้อำนวยการอันไม่มีทางนึกว่าตัวเองจะซวยที่บังเอิญมาเจอประธานเชี่ยนที่นี่
“เรื่องอื่นน่ะไม่เท่าไร แต่ตอนบ่ายคณะตรวจสอบจะมาตรวจสอบเรื่องเย่เสี่ยวเวย ถ้าผู้อำนวยการไม่อยู่ฉันจะตอบยังไงดีล่ะคะ?”
“ก็ว่าไปตามน้ำ ปกติเด็กคนนี้ก็พฤติกรรมไม่ดีอยู่แล้ว พ่อของเขาก็แค่ตีสั่งสอนไม่กี่ที ทำเป็นเรื่องใหญ่กันไปได้ เรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นในโรงเรียนไม่ได้เกี่ยวกับพวกเราเท่าไรหรอก เรื่องแบบนี้เธอก็จัดการเอาละกัน หลักๆก็พูดว่าเด็กคนนี้ชอบมีเรื่องชู้สาว ฉันไปบอกครูประจำชั้นไว้แล้วว่าให้ให้ความร่วมมือกับเธอ”
“ค่ะๆ ผู้อำนวยการพูดถูก เดี๋ยวฉันออกไปดูหน่อยนะคะว่าทำไมอาหารยังไม่มา พนักงานพวกนี้ไม่ได้เรื่องเลย ทำไมเสิร์ฟช้าแบบนี้”
ผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปแล้ว เสียงที่เธอตำหนิพนักงานอยู่ด้านหลังประตูดังลอดเข้ามา ไม่ได้มีท่าทางเหมือนคนที่ทำงานด้านการศึกษาเลยแม้แต่น้อย พูดจาหยาบคายใส่พนักงาน
“เดี๋ยวอาหารก็มาแล้วค่ะ ผู้อำนวยการรอสักครู่นะคะ” ผู้หญิงคนนั้นกลับมาพร้อมพูดด้วยท่าทางนอบน้อม
“สุ่ยเซียน เธอกินก่อนนะ ฉันออกไปข้างนอกหน่อย”
ประธานเชี่ยนลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
เริ่มแรกก็ว่าอวี๋หลิวเหมยน้องเธอ ต่อมาก็ด่าฉิวฉิวเพื่อนเธอ แถมยังกล้าใส่ร้ายเวยเวยคนไข้ของเธอ ผู้อำนวยการคนนี้ตายแน่