ตอนที่ 271 เป็นเพื่อนกัน?

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

ลั่วล่างพลิกตัวทีหนึ่งก็มาถึงเบาะหน้า จากนั้นก็ตรวจสอบข้อมูลที่อีกฝ่ายเพิ่งจะกรอกลงไป เขาอยากเปลี่ยนแปลงเส้นทางแต่กลับพบว่าถูกศัตรูล็อกจุดหมายปลายทางไว้แล้ว ไม่สามารถทำการแก้ไขได้อีก

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการจัดการกับลั่วล่างที่เป็นนักเรียนทหารทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในภาควิชาแฮคเกอร์ แฮคเกอร์ที่ร้ายกาจยังเจาะการล็อกที่ค่อนข้างอยู่ในระดับพื้นฐานแบบนี้ได้ด้วย น่าเสียดายที่ลั่วล่างไม่มีความสามารถด้านนี้ ได้แต่เบิกตามองโฮเวอร์คาร์แล่นไปยังจุดหมายปลายทางที่กำหนดไว้ ในใจรู้สึกฉุนเฉียวไม่หยุด

ลั่วล่างรู้ดีว่า คิดจะหยุดการเดินทางมันเป็นไปไม่ได้เลย นอกเสียจากเขาพังโฮเวอร์คาร์คันนี้โดยใช้วิธีการรุนแรง…อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธความคิดนี้ด้วยความมีสติอย่างยิ่งยวด เนื่องจากโฮเวอร์คาร์กำลังบินมุ่งหน้าไปด้วยความสูงเกือบหนึ่งร้อยเมตร ถ้าทำลายมัน รถก็พาคนร่วงไปด้วยกัน ต่อให้ลั่วล่างมีความมั่นใจอีกแค่ไหน ก็ไม่กล้ารับประกันว่าตัวเองจะร่วงลงสู้พื้นอย่างปลอดภัยในความสูงระดับนี้ หากโชคร้ายก็อาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง

ลั่วล่างไม่อยากตกอยู่ในมือหลี่ซื่ออวี๋อีกแล้ว ถึงแม้ฝีมือการรักษาของอีกฝ่ายสูงส่งจริงๆ แต่วิธีการทรมานคนของก็สูงส่งเช่นเดียวกัน สิ่งสำคัญที่สุด เขาพูดให้ดูดีว่า ‘เพื่อประโยชน์ของนาย’ นายไม่สามารถต่อต้านได้เลย ถึงขนาดที่ยังต้องขอบคุณเขาอย่างคับข้องใจ…

นอกจากนี้ ลั่วล่างอยากรู้มากๆ ว่าอีกฝ่ายคือใคร ศัตรูที่ไม่รู้จักมักจะน่ากลัวและสร้างปัญหามากที่สุด ถ้าหากสามารถสืบเบื้องลึกของอีกฝ่ายได้ย่อมมีประโยชน์ต่อกลุ่มนักเรียนใหม่อย่างยิ่งยวดโดยไม่ต้องสงสัย เรื่องที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ลั่วล่างกลัวว่าถ้าครั้งนี้เขาหนีไปแล้ว ศัตรูจะหันไปลงมือกับสมาชิกกลุ่มนักเรียนใหม่คนอื่นๆ หรือเปล่า นอกจากหลิงหลาน ฉีหลง อู่จย่งแล้ว ความสามารถของลั่วล่างเหนือกว่าสมาชิกคนอื่นๆ นิดหน่อยอย่างเห็นได้ชัด อัตราการหนีรอดก็สูงกว่าคนอื่นด้วย เหตุผลเหล่านี้ทำให้ลั่วล่างตัดสินใจเข้าสู่ถ้ำเสือ สืบเบื้องหลังของอีกฝ่าย

ลั่วล่างที่ตัดสินใจแล้วก็ไม่สนใจโฮเวอร์ เขาใช้เข็มขัดหนังของรุ่นพี่ชุดน้ำเงินที่หมดสติอยู่ข้างๆ มามัดอีกฝ่ายไว้ แน่นอนว่าวิธีการมัดที่ใช้คือวิธีการที่หลิงหลานสอนพวกเขาชุดนั้น หลังจากนั้นก็โยนอีกฝ่ายไปที่เบาะหลังแล้วจ้องไปยังข้างหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เริ่มลอบจดจำเส้นทางของโฮเวอร์คาร์

ความเร็วของโฮเวอร์คาร์รวดเร็วมาก ไม่ถึงยี่สิบนาที โฮเวอร์คาร์ที่เคลื่อนที่ด้วยความฉับไวก็เริ่มผ่อนความเร็วลง ลั่วล่างเริ่มเตรียมการป้องกันขึ้นมา เพราะเขารู้ว่ากำลังจะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ศัตรูก็อยู่เบื้องหน้า

ถึงแม้ว่าแล่นมาไม่ถึงยี่สิบนาที แต่ดูจากความเร็วของโฮเวอร์คาร์ เกรงว่าน่าจะขับออกมาหลายร้อยกิโลเมตร อยู่ไกลจากศูนย์วิจัยแพทย์ทหาร สำหรับลั่วล่างแล้ว สภาพแวดล้อมรอบด้านดูไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง รอบด้านต่างเป็นยอดเขาที่สูงตระหง่านและก็ป่าทึบ นอกจากเสียงอูลาอูลาที่ไม่รู้ว่าเป็นสัตว์อสูรอะไรแล้ว ก็เป็นความเงียบงันที่ให้รู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง ลั่วล่างใช้ประโยชน์จากออปติคัลคอมพิวเตอร์ของโฮเวอร์คาร์ซูมสภาพแวดล้อมรอบด้านเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะพบว่ารอบด้านนอกจากยอดเขากับป่าทึบแล้ว ก็มีแค่ยอดเขากับป่าทึบอยู่ดี ไม่เห็นร่องรอยผู้ใดเลย

คิ้วของลั่วล่างเริ่มขมวดเป็นปมขึ้นมา เดิมทีเขาคิดว่าจะมายังกองบัญชาการหรือว่าฐานที่มั่นชั่วคราวของอีกฝ่ายโดยตรง ไม่นึกเลยว่ากลับมายังสถานที่ร้างห่างไกลแบบนี้ นี่ทำให้ลั่วล่างรับมือไม่ทันอยู่บ้าง

โฮเวอร์คาร์ยิ่งแล่นช้าลงเรื่อยๆ ระดับความสูงก็ค่อยๆ ตกลงมาเช่นกัน จนท้ายที่สุดลั่วล่างก็สัมผัสได้ว่าโฮเวอร์คาร์แล่นเข้าสู่ช่องเขาที่เล็กและแคบแห่งหนึ่ง หลังจากที่แล่นทะลุผ่าน สิ่งที่ปรากฏเข้ามาในสายตาก็คือทุ่งหญ้าเรียบขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ด้านบนเต็มไปด้วยสีเขียวขจี มีดอกไม้เล็กๆ หลากสีสันมากมายนับไม่ถ้วนประดับตกแต่งทุ่งสีเขียวผืนนี้ ให้ความรู้สึกงดงามผิดปกติ

ชายทุ่งหญ้าคือทะเลต้นไม้ผืนหนึ่ง ลั่วล่างได้ยินเสียงลำธารน้ำไหลดังออกมาจากในทะเลป่า ทำให้ทุกอย่างดูสวยงามสงบสุข นี่ทำให้หัวใจที่ระแวดระวังแต่เดิมของลั่วล่างผ่อนคลายลง แต่ว่านี่ก็เป็นแค่เหตุการณ์ในชั่วพริบตาเท่านั้น ลั่วล่างระวังตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ครุ่นคิดถึงทุ่งหญ้าที่สวยงามผืนนั้นอีก หากแต่เพ่งความสนใจไปที่การเคลื่อนไหวของโฮเวอร์คาร์สองคันข้างใต้เขา

โฮเวอร์คาร์แล่นมาที่ทุ่งหญ้าช้าๆ ก่อนจะร่อนลงมาถึงพื้น หลังจากนั้นก็ได้ยินโฮเวอร์คาร์ส่งเสียงจักรกลออกมาว่า “ถึงจุดหมายปลายทางของคุณแล้ว โปรดลงจากรถ”

สิ้นเสียงนี้ประตูรถก็เปิดออกฉับพลัน ลั่วล่างไม่ได้เลือกลงจากรถ หากแต่เปิดออปติคัลคอมพิวเตอร์ทันที อยากดูว่าสามารถกรอกที่อยู่ใหม่ลงไปได้หรือเปล่า ลั่วล่างตัดสินใจหาทางหนีทีไล่ทันทีเมื่ออยู่สถานที่ไม่คุ้นเคยอย่างยิ่งยวดแห่งนี้ เขาอยากตั้งค่าให้โฮเวอร์คาร์รอคอยสิบนาทีแล้วค่อยติดเครื่องยนต์ออกจากที่แห่งนี้กลับไปยังที่พักของโรงเรียนทหาร

ลั่วล่าวพบว่าเขาล้มเหลวอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายก็คิดถึงจุดนี้ไว้แต่แรกแล้ว เมื่อโฮเวอร์คาร์มาถึงจุดหมายปลายทาง ออปติคัลคอมพิวเตอร์ก็จะปิดตัวลงอัตโนมัติ เปลี่ยนเป็นโหมดหยุดการทำงาน มันไม่อาจรับคำสั่งใหม่ของลั่วล่างได้ และลั่วล่างก็ได้แต่ติดอยู่ตรงนี้จริงๆ

ลั่วล่างเห็นดังนั้นก็อดไม่ไหวรู้สึกหวาดหวั่นต่อการจัดการที่ไร้ช่องโหว่ของอีกฝ่ายไม่หยุด ควรรู้เอาไว้ว่าโฮเวอร์คาร์ของโรงเรียนทหารไม่มีทางหยุดทำงาน แหล่งพลังงานขับเคลื่อนที่พวกมันใช้มาจากพลังงานแสง ไม่ว่าจะเป็นแสงอาทิตย์หรือว่าแสงดาวต่างก็มอบพลังงานให้โฮเวอร์คาร์ได้ ดังนั้น ในทางทฤษฎีแล้ว โฮเวอร์คาร์สามารถแล่นต่อไปได้เรื่อยๆ ตลอดกาล นอกเสียจากเกิดปัญหาด้านจักรกลอื่นๆ หรือว่าเกิดปัญหาเรื่องโปรแกรมของออปติคัลคอมพิวเตอร์

และสถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ลั่วล่างรู้ดีว่าทางด้านฝ่ายตรงข้ามจะต้องมีแฮคเกอร์ระดับสูงอยู่ เขาดัดแปลงระบบทำงานของออปติคัลคอมพิวเตอร์ถึงสามารถทำให้โฮเวอร์คาร์มาถึงจุดหมายแล้วก็ปิดเครื่องหยุดทำงานอัตโนมัติ

การจัดการเช่นนี้ของพวกเขาบีบให้ลั่วล่างอยู่ต่อ เนื่องจากเบื้องหน้าที่นี่ไม่มีหมู่บ้าน ด้านหลังไม่มีโรงแรม[1] ไม่มีป้ายประจำทางโฮเวอร์คาร์ พูดอีกอย่างก็คือ เมือคนมาถึงที่นี่ นอกจากนั่งโฮเวอร์คาร์คันเดิมกลับไปแล้ว ก็เรียกโฮเวอร์คาร์คันใหม่เข้ามารับพวกเขาไม่ได้เลย นอกเสียจากพวกเขาใช้อุปกรณ์สื่อสารขอความช่วยเหลือไปยังออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโรงเรียนทหาร…

ตอนนี้ลั่วล่างแทบจะแน่ใจได้ว่า อุปกรณ์สื่อสารของเขาจะต้องติดต่อคนภายนอกไม่ได้แน่นอน ฝ่ายตรงข้ามคิดมารอบด้านขนาดนี้ ไม่มีทางทิ้งช่องโหว่ที่ใหญ่ขนาดนี้อยู่แล้ว

เป็นไปตามที่คิดไว้จริงๆ ลั่วล่างเหลือบมองอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าอุปกรณ์สื่อสารของเขาเริ่มมีตัวอักษรแจ้งเตือนคำว่า ‘ไม่สามารถเชื่อมต่อได้’ เด้งขึ้นมาอย่างสับสนตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาแค่เพ่งความสนใจไปไว้ตรงอื่นตลอด ไม่ได้สังเกตมันเท่านั้น

ลั่วล่างรู้ว่าต่อไปเป็นการต่อสู้อย่างสมบุกสมบัน ฝ่ายตรงข้ามวางกับดักล่อเขามา ย่อมไม่มีทางมาคุยเล่นแน่นอน เขาลอบสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง เดินลงจากโฮเวอร์คาร์โดยที่เตรียมการป้องกันไว้อย่างเต็มเปี่ยมก่อนจะเหยียบลงไปบนทุ่งหญ้าที่งดงามแห่งนี้

หลังของเขาพิงเข้ากับโฮเวอร์คาร์ กวาดสายตามองไปยังสามทิศทางเบื้องหน้ารอบหนึ่งก่อนจะพบว่าไม่มีใครเลยสักคน ขณะที่เขากำลังงุนงงอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงโฮเวอร์คาร์แล่นมาจากด้านหลังเขา ลั่วล่างหันหน้าไปฉับพลัน จากนั้นก็เห็นโฮเวอร์คาร์สามคันกำลังเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ค่อยๆ ร่อนลงมาโดยที่ล้อมเขาไว้สามทิศทาง

ไม่นาน คนจำนวนเจ็ดแปดคนก็เดินออกมาจากในโฮเวอร์คาร์สามคัน คนที่นำหน้าสวมชุดเครื่องแบบสีขาวที่รีดจนเรียบกริบ เขามองลั่วล่างด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ร่างของเขาดูองอาจสง่างาม ดวงหน้าหล่อเหลาอย่างยิ่ง เป็นรูปร่างและหน้าตาที่ลั่วล่างใฝ่ฝันอยากมีแน่นอน อย่างไรก็ตาม นัยน์ตาดอกท้อที่ส่องประกายของอีกฝ่ายคู่นั้นทำให้ลั่วล่างไม่ชอบอยู่บ้าง เขารู้สึกมาตลอดว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับรูปลักษณ์นั้น ทำให้ความรู้สึกที่ว่าสมบูรณ์แบบอย่างยิ่งในตอนแรกลดลงไปมาก

คนอื่นๆ ต่างสวมชุดเครื่องแบบสีน้ำเงิน ดูจากอายุพวกเขาแล้วน่าจะประมาณยี่สิบ พวกเขาต้องเป็นนักเรียนชั้นปีสูงของโรงเรียนทหารแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่าอยู่ปีไหนเท่านั้นเอง พวกเขายืนกันอย่างสบายๆ ทว่าล้อมลั่วล่างให้อยู่ตรงกลางวงพวกเขาพอดิบพอดี

ลั่วล่างมองฝ่ายตรงข้ามด้วยความระแวดระวัง พฤติกรรมเช่นนี้ของอีกฝ่ายทำให้เขารู้ว่าคนที่วางแผนล่อเขาเข้ามาต้องเป็นคนพวกนี้แน่ๆ ทั้งสองฝ่ายคุมเชิงกันเงียบๆ สองสามนาที ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครเอ่ยปาก

ลั่วล่างกัดฟัน ดูจากสถานการณ์แล้ว อีกฝ่ายไม่ยอมเอ่ยปากก่อนแน่นอน เขาตัดสินลงมือก่อน เอ่ยถามอย่างเย็นชากับชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบสีขาวที่เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้นำกลุ่มนี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นนักเรียนดีเด่นของภาควิชาไหน “นายให้คนวางแผนพาฉันมาที่นี่ใช่ไหม?”

ชายหนุ่มชุดขาวหัวเราะพลางตบมือ “ฉลาด!”

“มาหาฉันมีธุระอะไร? ฉันคิดว่า ฉันไม่เคยเจอนายมาก่อน ก็น่าจะไม่ได้ล่วงเกินนายสิ” ลั่วล่างเอ่ยถาม

ชายหนุ่มชุดขาวหัวเราะพลางตอบกลับว่า “ฮ่าๆ ไม่อยู่แล้วสิ ความจริงแล้วฉันแค่อยากเป็นเพื่อนกับนายก็เท่านั้น”

ลั่วล่างได้ยินคำกล่าวก็เอ่ยอย่างดูถูกว่า “เป็นเพื่อนกัน? ใช้วิธีการชั่วร้ายแบบนี้เนี่ยนะ?”

ชายหนุ่มชุดขาวขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยใบหน้ากลัดกลุ้มว่า “หย่งกวงไม่ได้บอกนายเหรอว่า ฉันมีธุระกับนาย?”

“ใช้ข้อความหลอกให้ฉันไปศูนย์วิจัยแพทย์ทหาร และก็หลอกให้ฉันขึ้นโฮเวอร์คาร์โดยที่บอกว่าจะไปตรวจร่างกายที่ศูนย์ตรวจสอบ แล้วถูกบังคับให้มาที่นี่ นายคิดว่าไงล่ะ?”

ชายหนุ่มชุดขาวได้ยินคำกล่าวก็เอ่ยด้วยความขุ่นเคืองว่า “หย่งกวงเข้าใจฉันผิดไป ฉันแค่บอกว่าฉันชื่นชมตอนที่นายประลองอยู่บนเวทีเป็นพิเศษ สามารถพลิกสถานการณ์ เอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองได้ นี่ทำให้ฉันนับถือมาก ฉันนับถือท่าทีไม่ยอมแพ้ของพวกนายมากที่สุดเลย ดังนั้นถึงได้พูดกับเขาว่า ถ้ามีโอกาสก็อยากรู้จักนาย คบหาเป็นเพื่อนกัน…”

ชายหนุ่มชุดขาวกล่าวถึงตรงนี้ก็ก้มหน้าลงพึมพำกับตัวเองว่า “หย่งกวงพูดชัดๆ ว่าเขาสามารถช่วยฉันทำเรื่องนี้ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?” เขาเอ่ยถึงตรงนี้ก็เงยหน้าขึ้นมาฉับพลัน เอ่ยถามลั่วล่างว่า “หย่งกวงล่ะ? ฉันอยากถามเขาว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ฉันให้เขาเชิญนายมาชัดๆ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ฉันชอบมากที่สุด ฉันคิดว่านายก็คงชอบเหมือนกัน ดังนั้นถึงได้กำหนดให้เจอนายที่นี่”

ชายหนุ่มชุดขาวทำหน้าจริงใจ ราวกับว่าความจริงมันเป็นแบบนี้ คำพูดเช่นนี้ของเขาทำให้ลั่วล่าวสงสัยอยู่บ้างว่าเป็นแบบนี้จริงๆ หรือเปล่า เป็นความผิดพลาดของหย่งกวงคนนั้น?

อย่างไรก็ตาม คำเตือนของลูกพี่หลานดังขึ้นในสมองของเขาอย่างรวดเร็ว “ในตอนที่ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นมิตรหรือว่าศัตรู ก็ต้องเตรียมการป้องกันมองว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรู…”

ลั่วล่างใจกระตุก แผ่นหลังหลั่งเหงื่อเย็นๆ เขาเผลอคลายความระมัดระวังลงโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาพลันจ้องเขม็งไปยังดวงหน้าที่ดูเหมือนจริงใจอย่างยิ่งยวดของชายหนุ่มชุดขาว เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ไม่จำเป็นแล้ว ตอนนี้เขาเป็นตัวประกันของฉัน พูดมาเลยดีกว่าว่านายคิดจะทำอะไรกันแน่”

สายตาระแวดระวังของลั่วล่างทำให้มุมปากของชายหนุ่มชุดขาวบิดเบี้ยวเล็กน้อย เอ่ยด้วยสีหน้าเหงาหงอยขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า “ฉันไม่มีเจตนาร้ายจริงๆ นะ” เขากล่าวจบก็ก้มหน้าลงด้วยความเสียใจเล็กน้อย

“ในเมื่อไม่มีเจตนาร้าย งั้นก็ช่วยฉันปลดการตั้งค่าของโฮเวอร์คาร์ เวลาผ่านมานานมากแล้ว ฉันควรกลับไปแล้ว” ลั่วล่างตอบอย่างเย็นชา ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะพูดอะไร เขาก็ไม่เชื่อเด็ดขาด ใครจะทำเรื่องประหลาดขนาดนี้เพื่อขอเป็นเพื่อนกัน ดูยังไงก็รู้สึกผิดปกติ

ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยด้วยความจนใจว่า “ก็ได้ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเรื่องราวถึงกลายเป็นแบบนี้ ทุกอย่างนี้หย่งกวงเป็นคนทำทั้งหมด ขอแค่นายปลุกหย่งกวง เขาก็น่าจะแก้ปัญหาได้”

ลั่วล่างมองชายหนุ่มชุดขาวอย่างลึกซึ้ง ไม่เบนสายตาออก ทว่ามือกลับยื่นเข้าไปในเบาะหลังของโฮเวอร์คาร์ก่อนจะตบเรียกสติคนที่ชื่อหย่งกวงคนนั้นทันที

—————————

[1] อุปมาว่า อยู่ในที่ห่างไกลที่แทบไม่มีอะไรเลย