เซียวซานและเซียวเมิ้ง

แปลโดย iPAT

 

น้ำตกสวรรค์

 

ผีดิบอมตะโป้ชิงกวาดตามองซ่งซื่อซิงกับหยูมู่ฉานอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก

 

หัวใจของคนทั้งสองแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก แรงกดดันอันหนักหน่วงทำให้ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบ

 

โป้ชิงได้รับการยกย่องว่าเป็นกึ่งเทพอมตะ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของห้าภูมิภาคในยุคนั้น

 

แม้เขาจะกลายเป็นผีดิบอมตะแต่เขาก็ยังมีพลังงานอมตะระดับแปดอยู่กับตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบที่ไม่ได้ถูกทำลายไปในภัยพิบัติ

 

ดังนั้นพลังการต่อสู้ของเขาจึงอยู่ในจุดที่น่าสะพรึงกลัว

 

สิ่งสำคัญที่สุดคือพลังงานแห่งเต๋า

 

ยิ่งการบ่มเพาะของผู้อมตะสูงเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากเท่านั้น แม้คนสองคนจะใช้วิญญาณอมตะดวงเดียวกัน แต่พลังอำนาจที่สามารถปลดปล่อยจะขึ้นอยู่กับพลังงานแห่งเต๋าของผู้ใช้งาน

 

หากเปรียบเทียบกับฉินไป่เฉิง เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและโลหะ เขาไม่มีพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบ แต่เมื่อเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนี เขายังสามารถต่อสู้ได้เท่าเทียมกับฟงจิวเก้อ

 

ตอนนี้วิญญาณอมตะของโป้ชิงไม่ได้รับความเสียหายขณะที่เขาเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบ ดังนั้นเขาจึงสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจที่สามารถสั่นสะเทือนโลกหล้า อย่างไรก็ตามนี่ยังไม่เท่ากับช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่

 

ด้วยเหตุนี้ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารา ซ่งซื่อซิง และหยูมู่ฉานจึงไม่มีโอกาสต่อต้าน

 

โดยไม่ต้องกล่าวถึงซ่งซื่อซิงและหยูมู่ฉาน

 

มีความแตกต่างราวกับสวรรค์และพื้นพิภพระหว่างผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดกับผู้อมตะระดับแปด ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด พลังงานแห่งเต๋าของพวกเขาก็ยิ่งแตกต่าง สำหรับผู้อมตะระดับหกและเจ็ด อาจมีบางคนที่ทัดเทียมกัน แต่เมื่อบรรลุระดับแปด เป็นเรื่องยากที่ผู้อมตะระดับเจ็ดจะสามารถต่อต้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อมตะระดับเก้า ผู้คนที่ต่ำชั้นกว่าทั้งหมดไม่ต่างจากมดปลวกสำหรับพวกเขา

 

เผชิญหน้ากับผีดิบอมตะโป้ชิง เป็นธรรมชาติที่ซ่งซื่อซิงและหยูมู่ฉานจะไม่สามารถตอบโต้

 

‘ข้าจะตายวันนี้งั้นหรือ?’

 

‘เราจะทำอย่างไร? เราต้องทำเช่นไร?’

 

ร่างกายของพวกเขาแข็งค้างขณะที่ความคิดต่างๆวนเวียนอยู่ในหัว ทั้งสองอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังอย่างสมบูรณ์

 

โป้ชิงชี้นิ้วไปที่ซ่งซื่อซิง

 

แสงดาบพุ่งออกไป

 

ซ่งซื่อซิงไม่แม้แต่จะพยายามหลบหนี เขาเผชิญหน้ากับความตายด้วยการเผยรอยยิ้มขมขื่น

 

เพราะเขารู้ว่าต่อหน้าโป้ชิง การหลบหนีเป็นเรื่องไร้ประโยชน์

 

ต่อมา โป้ชิงชี้นิ้วไปที่หยูมู่ฉาน

 

“ไม่! ข้าไม่ได้ทำสัญญา ข้าไม่ควรตาย!” หยูมู่ฉานกรีดร้องและนำวิญญาณอมตะดวงหนึ่งออกมา

 

โป้ชิงหยุดเคลื่อนไหวทันที

 

ใบหน้าของเขาเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงราวกับเขากำลังดิ้นรนขัดขืน

 

หัวใจของหยูมู่ฉานแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เขามองโป้ชิงด้วยความกังวล

 

การแสดงออกที่ไม่ยินดียินร้ายของโป้ชิงเปลี่ยนเป็นสับสน เจ็บปวด เกลียดชัง และโศกเศร้า มันเปลี่นแปลงวนไปเรื่อยๆราวกับสัญญาณไฟจราจร

 

ในที่สุดดวงตาของเขาก็ส่องประกายด้วยความฉลาดเฉลียว ใบหน้าเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

 

เขามองฝ่ามือของตนก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆและกล่าวกับหยูมู่ฉาน “เจ้าคือ…”

 

หยูมู่ฉานตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง “ในที่สุดท่านก็ตื่นขึ้น เทพธิดาโม่เหยา ข้าพนันถูกจริงๆ เกือบไปแล้ว…”

 

ปรากฏว่าดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ในร่างผีดิบอมตะของโป้ชิงก็คือโม่เหยา!

 

หยูมู่ฉานปลุกวิญญาณของโม่เหยาให้ตื่นขึ้น ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงถูกผลักออกไป

 

ปราศจากการแทรกแซงของเจตจำนงสวรรค์ ผีดิบอมตะโป้ชิงจึงหยุดโจมตี

 

หยูมู่ฉานสูดหายใจลึกก่อนจะกล่าวต่อ “จำสิ่งที่เคยพูดคุยกันได้หรือไม่? เพื่อทำให้โป้ชิงฟื้นขึ้น…”

 

“โป้ชิง!”

 

ได้ยินชื่อของคนรัก ดวงวิญญาณของโม่เหยาถึงกับสั่นสะท้าน

 

นางบังคับร่างผีดิบอมตะของโป้ชิงให้พยักหน้าและกล่าวขัดจังหวะหยูมู่ฉาน “แล้วตอนนี้ข้าควรทำเช่นไร?”

 

หยูมู่ฉานมองศพของเทพเจ็ดดารากับซ่งซื่อซิงและถอนหายใจ

 

หากพวกเขายังมีชีวิตอยู่ คนทั้งสามจะใช้ท่าไม้ตายอมตะส่งกลุ่มสี่คนของเขาไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือของภาคกลาง

 

ที่นั่นอยู่ภายใต้การปกครองของนิกายบัวสวรรค์

 

แต่ตอนนี้เทพเจ็ดดาราและซ่งซื่อซิงตายไปแล้ว หยูมู่ฉานเพียงลำพังไม่สามารถเคลื่อนย้ายโป้ชิงไปยังนิกายบัวสวรรค์โดยตรง

 

“ข้าหวังว่าพวกเขาจะยังไม่เคลื่อนไหว” หยูมู่ฉานมองไปยังทิศทางที่หอคอยดวงตาสวรรค์ตั้งอยู่

 

วังสวรรค์

 

การแสดงออกของเจ้าวังเต็มไปด้วยความโกรธ

 

ตอนนี้เขาเห็นหยูมู่ฉานร่วมมือกับผีดิบอมตะโป้ชิงบุกโจมตีนิกายเทพยุทธ์อมตะ เจ้าวังไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

 

แม้นิกายบัวสวรรค์จะรอดแต่นิกายเทพยุทธ์อมตะก็เป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของวังสวรรค์เช่นกัน

 

โป้ชิงตื่นขึ้นแล้วขณะที่นิกายเทพยุทธ์อมตะตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้มีเพียงวังสวรรค์ที่สามารถช่วยเหลือพวกเขา

 

เจ้าวังบินลงมาจากหอคอยดวงตาสวรรค์และเรียกเหลียนจิวเฉิงกับไป่เฉินเทียน “เกิดเรื่องที่น้ำตกสวรรค์ เพ่ยกังซุ้ยตายแล้ว โป้ชิงตื่นขึ้นในร่างผีดิบอมตะและกำลังบุกโจมตีนิกายเทพยุทธ์อมตะ เราต้องไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!”

 

ผู้อมตะทั้งสองตกใจมาก ข้อมูลนี้ยากเกินกว่าที่จะเชื่อ

 

“ไป!”

 

คนทั้งสองตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ แต่หลังจากพวกเขาได้สติ ผู้อมตะทั้งสามจึงกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งของวังสวรรค์เพื่อเดินทางไปยังนิกายเทพยุทธ์อมตะ

 

…..

 

ภาคใต้ ภูเขาแสง

 

ภูเขาลูกนี้มีความสูงมากกว่าสองพันกิโลเมตร มันเป็นสถานที่ผลิตวิญญาณบนเส้นทางแห่งแสงที่มีชื่อเสียงของภาคใต้และอยู่ในการปกครองของตระกูลเดียวมาตลอดพันปีที่ผ่านมา

 

มันคือตระกูลเซียว

 

มีข่าวลือว่าตระกูลเซียวของภาคใต้กับทะเลทรายตะวันตกมีต้นกำเนิดเดียวกัน เมื่อหนึ่งพันปีก่อนตระกูลเซียวแห่งทะเลทรายตะวันตกเกิดความขัดแย้งภายใน สมาชิกบางส่วนของพวกเขาจึงเดินทางมาที่ภาคใต้ก่อนจะสามารถก่อตั้งกองกำลังขนาดใหญ่

 

ผู้นำคนปัจจุบัน เซียวซาน ยืนอยู่บนยอดเขาแสงและมองลงไปยังที่ตั้งตระกูลเซียวด้วยการแสดงออกที่หดหู่ใจและสายตาแห่งความเกลียดชัง

 

ร่างหนึ่งวิ่งขึ้นมาบนยอดเขาอย่างรวดเร็วและแสดงความเคารพ “เซียวจื่อฟงคารวะท่านผู้นำ”

 

“วูฮุ้ยยังสร้างปัญหาอยู่งั้นหรือ?” เซียวซานถามเสียงต่ำ

 

ผู้อาวุโสตระกูลเซียว เซียวจื่อฟง ก้มศีรษะลง “รายงานท่านผู้นำ วูฮุ้ยยังกรีดร้องอยู่ในห้องโถงและขอให้เราส่งมอบคนร้ายที่สังหารบุตรชายของเขา ผู้อาวุโสคนอื่นๆเฝ้าระวังอยู่ที่นั่น ท่านผู้นำโปรดอย่ากังวล”

 

เซียวซานตะคอกเสียงเย็น “บุตรชายของวูฮุ้ยพยายามฆ่าเซียวซุ้ยเอ๋อ บุตรสาวของข้าเพียงป้องกันตัวเท่านั้น! วูฮุ้ยผู้นี้กระทั่งใช้ชือของตระกูลวูมาสร้างปัญหาที่นี่ คิดว่าเป็นผู้ใด!?”

 

“ท่านผู้นำ อย่าพึ่งโกรธ วูฮุ้ยไม่ใช่ปัญหา แต่ตระกูลวูแข็งแกร่งเกินไป พวกเราไม่สามารถต่อต้าน” เซียวจื่อฟงเร่งกล่าว

 

หมัดที่กำแน่นของเซียวซานคลายออก เขาถอนหายใจและเผยใบหน้าเหนื่อยล้า

 

เขาโบกมือ “ลืมมันไปเถอะ ข้าจะซ่อนตัวอยู่หลังเขาในช่วงเวลานี้”

 

เซียวจื่อฟงกล่าวลาและจากไป

 

เซียวซานถอนหายใจอีกครั้งด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความโกรธและโศกเศร้า

 

แต่ในจังหวะนี้เสียงสายหนึ่งพลันดังขึ้นในใจของเขา

 

“ลูกหลานข้า มานี่”

 

“ผู้ใด!?” เซียวซานไม่แน่ใจ

 

เสียงนี้ดังขึ้นอีกครั้ง “ลูกหลานข้า มานี่”

 

มันเป็นเสียงที่เซียวซานรู้สึกคุ้นเคย ดังนั้นเขาจึงเดินไปตามทิศทางที่เสียงสายหนึ่งชี้นำกระทั่งไปถึงเขตหวงห้ามของตระกูลเซียว

 

“นี่คือเขตหวงห้ามของตระกูลเซียว แม้ข้าจะเป็นผู้นำตระกูล ข้าก็ไม่มีสิทธิเข้าไป!” เซียวซานหยุดเคลื่อนไหวและรู้สึกหนักใจ

 

เสียงดังขึ้นอีกครั้ง “ลูกหลานข้า เจ้าสืบทอดสายเลือดของข้า เหตุใดต้องกลัว? ข้าคือบรรพชนตระกูลเซียวและเป็นผู้อมตะของตระกูล รีบเข้ามารับสืบทอดมรดกของข้า ตระกูลของเราเป็นสิ่งที่เจ้าต้องแบกรับ”

 

ดวงตาของเซียวซานส่องประกายขึ้นทันที

 

ผู้อมตะ!

 

บรรพชนตระกูลเซียว!

 

‘ข่าวลือเป็นเรื่องจริงงั้นหรือ? ตระกูลเซียวของข้าเคยมีผู้อมตะมาก่อน เสียงนี้คุ้นหูข้ามาก ข้าเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด นอกจากผู้อมตะ บนโลกใบนี้ยังจะมีผู้ใดที่สามารถถ่ายทอดเสียงเข้ามาในใจของข้าได้โดยตรง!’

 

‘แต่นี่เป็นเขตหวงห้ามของตระกูล ผู้ใดล่วงล้ำเข้าไปจะถูกขับไล่ออกจากตระกูล แม้แต่ผู้นำตระกูลเช่นข้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!’ เซียวซานกำหมัดแน่น

 

‘ไม่ ข้าต้องรับมรดกจากท่านบรรพชน มิฉะนั้นวูฮุ้ยจะทำให้ตระกูลเซียวสูญเสียใบหน้า หากตระกูลวูสนับสนุนเขา แล้วข้าจะปกป้องตระกูลเซียวได้อย่างไร? ตระกูลวูแข็งแกร่งและเอาแต่ใจเพราะมีผู้อมตะอยู่เบื้องหลัง หากข้าสามารถรับสืบทอดมรดกและกลายเป็นผู้อมตะ ข้าจะสามารถยกระดับตระกูลและเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง!’

 

ดวงตาของเซียวซานส่องประกายด้วยความมุ่งมั่นเมื่อคิดได้เช่นนี้

 

เขาไม่ลังเลอีกต่อไป

 

ภายใต้การนำทางของเสียงสายนี้ เซียวซานเดินเข้าไปในถ้ำและพบกับวิญญาณอมตะดวงหนึ่ง

 

ก่อนที่เขาจะสามารถตอบสนอง วิญญาณอมตะดวงนี้กลับเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าหลอมรวมกับร่างกายของเซียวซานอย่างรวดเร็ว

 

‘นี่คือวิญญาณอมตะงั้นหรือ?’ เซียวซานรู้สึกประหลาดใจและมีความสุขในเวลาเดียวกัน

 

แต่เมื่อเขาตรวจสอบร่างกายของตนกลับไม่พบวิญญาณอมตะอยู่ที่ใดเลย

 

ขณะเดียวกันเสียงในใจของเขาก็กายไปอย่างสมบูรณ์

 

เซียวซานรู้สึกกังวลและสงสัยขณะเดินออกจากถ้ำ

 

“พี่ใหญ่ ตอนนี้ผู้อาวุโสตระกูลวูมาสร้างปัญหาที่นี่ แต่ท่านในฐานะผู้นำกลับฝ่าฝืนกฎและเข้าไปในเขตหวงห้ามของตระกูล! ท่านไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำของเรา!” เซียวเมิ้งปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับผู้อาวุโสของตระกูลจำนวนหนึ่ง

 

เซียวซานตระหนักถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย

 

เขารู้ว่าน้องชายฝาแฝดของตนมีความทะเยอทะยานและต้องการเป็นผู้นำตระกูลมาตลอด

 

“มันไม่ใช่เช่นที่เจ้าคิด!” เซียวซานต้องการอธิบายแต่เขาไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน

 

เขาไม่เต็มใจที่จะกล่าวถึงมรดกอมตะเพราะเกรงว่าบางคนจะพยายามนำมันไปจากเขา

 

“คำอธิบายของท่านเป็นเพียงข้ออ้าง! ตามกฎของตระกูล ท่านไม่ใช่สมาชิกตระกูลเซียวอีกต่อไป ตำแหน่งผู้นำจะเป็นของข้า!” เซียวเมิ้งคำรามเสียงดังด้วยความโกรธ ตื่นเต้น และความทะเยอทะยานในดวงตา