ตอนที่ 266

เสน่ห์คมดาบ

“อ้าวชวาง… ”สายตาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นดูซับซ้อนเล็กน้อยเขาจะไม่เห็นความกังวลและความลังเลในดวงตาของชีอ้าวชวางได้อย่างไรล่ะนางอยากจะตามไปแต่ก็ทำไม่ได้ 

 

 

สุดท้ายแล้วชีอ้าวชวางก็ถอนหายใจและพูดช้าๆ “เอาอย่างนี้นะ ถึงอย่างไรก็อย่าให้ถึงขั้นทำลายรากฐานของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนก็แล้วกัน ต้องระมัดระวังในสนามรบให้ดี” หลังจากที่ชีอ้าวชวางพูดจบ ใบหน้าของนางก็ดูเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปอย่างเงียบๆ 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองแผ่นหลังของชีอ้าวชวางแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา 

 

 

สงครามปะทุขึ้นแล้ว 

 

 

ตอนที่กองทัพทูตสวรรค์กว่าหนึ่งล้านองค์ของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนมาที่เมืองและประกาศสงครามกับมาริลิน โลกเทพเจ้าทั้งหมดก็เดือดขึ้นทันที 

 

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน? ผู้คนสับสนไปหมด ศาลแห่งแสงเก่ามาต่อสู้กับศาลแห่งแสงในปัจจุบันหรือ? 

 

 

มาริลินไม่ได้โง่ นางเตรียมพร้อมมานานแล้วอีกอย่างถึงอย่างไรนางก็เป็นเทพีแห่งแสงที่แท้จริงนางรวบรวมกองทัพทูตสวรรค์แปดแสนองค์ได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว แม้ว่าความแข็งแกร่งจะไม่เทียบเท่ากองทัพของศาสนจักรเพรสไบทีเรียน แต่จำนวนก็ใกล้เคียงกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรวบรวมกองกำลังจำนวนมากได้ในช่วงเวลาอันสั้น ยิ่งทำให้เห็นได้เลยว่ามาริลินเป็นผู้หญิงที่มีวิธีการมากจริงๆ 

 

 

เห็นได้ชัดว่าคราวนี้ศาสนจักรเพรสไบทีเรียนตัดสินใจจะกำจัดมาริลิน สมาชิกทั้งหมดของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนมีการเคลื่อนไหว รวมทั้งฟลอร่าผู้เป็นเทพีแห่งแสงคนต่อไปด้วย ทูตสวรรค์สิบสองปีกถูกส่งออกมาทั้งหมด จำนวนมากจนน่าตกใจ 

 

 

ส่วนทางนี้มาริลินจะไปที่สนามรบด้วยตัวเองเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจให้เหล่านักรบ 

 

 

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง 

 

 

สนามรบเป็นที่ราบแห่งหนึ่ง 

 

 

บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยปีกสีขาวและเสียงกระพือปีกที่ไม่มีที่สิ้นสุด 

 

 

เสียงแตรเริ่มสงครามดังขึ้น เหล่านักรบทูตสวรรค์ทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้กันเพื่อเกียรติยศของพวกเขา 

 

 

ชีอ้าวชวางและคนอื่นๆ มองไปที่การต่อสู้ในสนามอย่างเย็นชา อันที่จริงถ้าพูดอย่างเห็นแก่ตัวก็คือหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสู้กันให้หนักขึ้นเพราะถ้าเป็นแบบนั้นพลังของโลกเทพเจ้าจะลดลงอย่างมากจนทำให้พวกเขาทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ 

 

 

หยาดเลือดหลั่งรินลงมาราวกับสายฝน ขนปีกสีขาวปลิวกระจายไปทั่วท้องฟ้า ขนสีขาวส่วนมากถูกย้อมเป็นสีแดงเลือดเหล่าทูตสวรรค์ต่างก็กรีดร้องและล้มลงอย่างต่อเนื่อง 

 

 

นี่แหละสงคราม 

 

 

ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วมองทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า 

 

 

โลกเทพเจ้าทำสงครามก็เป็นเช่นนี้ หากเป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสามโลกล่ะ? 

 

 

มันคงจะโหดร้ายกว่าสงครามในตอนนี้เป็นร้อยเท่าพันเท่าเลยใช่หรือไม่? 

 

 

ชีอ้าวชวางหลับตาลงอย่างช้าๆและลืมตาขึ้นอีกครั้ง ท้องฟ้าตอนนี้ราวกับถูกย้อมด้วยสีแดง ส่วนพื้นดินก็เป็นสีแดงไปแล้วจริงๆ 

 

 

กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนทำให้ผู้คนต้องขมวดคิ้ว 

 

 

ชีอ้าวชวางเงยหน้าขึ้นมองไปไกลๆ แล้วก็ถูกดึงดูดด้วยแสงสีขาวพร่างพราวสองสามดวง 

 

 

ที่ตรงนั้นมีทูตสวรรค์มุ่งเข้าไปอย่างต่อเนื่อง จากนั้นพวกเขาก็จะถูกตัดครึ่งและร่วงหล่นลงไป 

 

 

ทูตสวรรค์ที่บินอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ทูตสวรรค์สิบปีกหรือทูตสวรรค์สิบสองปีก 

 

 

แต่เป็นทูตสวรรค์ที่มีสิบหกปีก! 

 

 

หนึ่งสอง สาม… 

 

 

มีทูตสวรรค์สิบหกปีกทังหมดเก้าองค์ 

 

 

นั่นคือสมาชิกของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนหรือ 

 

 

ชีอ้าวชวางเหลือบมองแล้วกางปีกเปลวไฟอันร้อนแรงด้านหลังบินบนท้องฟ้าตรงไปทางทูตสวรรค์สิบหกปีกนั่น 

 

 

เฟิงอี้เซวียนเหลิ่งหลิงยวิ๋นและคนอื่นๆ ก็ตามชีอ้าวชวางไปเช่นกัน 

 

 

คามิลล์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมและมองการต่อสู้ตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง 

 

 

ในสายตาของชีอ้าวชวางเห็นปีกสีขาวสิบหกคู่ที่เด่นชัดใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ… 

 

 

ทูตสวรรค์สิบหกปีกทั้งเก้าถือดาบขนาดใหญ่ด้วยใบหน้าเหยียดหยามแล้วตัดนักรบทูตสวรรค์ทั้งหมดที่อยู่รอบๆ พวกเขาออกเป็นสองท่อนขนที่ปลิวอยู่รอบๆ นั้นล้วนถูกย้อมเป็นสีแดงแล้วจึงค่อยๆร่วงหล่นลงไป 

 

 

ชาร์ลอตต์และเหล่าทูตสวรรค์ก็ตามชีอ้าวชวางไปด้วย 

 

 

ทูตสวรรค์สองปีกและสี่ปีกทั้งหมดค่อยๆ ถอยไปด้านหลังอย่างช้าๆ เว้นที่ว่างไว้ให้พวกเขา 

 

 

“เหอะๆ ชาร์ลอตต์นักรบผู้ซื่อสัตย์ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเลื่อนระดับจากทูตสวรรค์แปดปีกไปเป็นทูตสวรรค์สิบสองปีกได้ในชั่วข้ามคืนนะ เจ้าดูดซับหัวใจของนักรบทูตสวรรค์ไปเท่าไหร่ล่ะ” ทูตสวรรค์ที่อยู่ด้านหน้ามองชาร์ลอตต์อย่างเยาะเย้ยแล้วพูดประโยคนี้ออกมา ทูตสวรรค์องค์นี้คือกาบรินจากศาสนจักรเพรสไบทีเรียนและเป็นปู่ของฟลอร่านั่นเอง 

 

 

สีหน้าของชาร์ลอตต์ขาวซีดและตัวสั่นขึ้นเล็กน้อย 

 

 

“เจ้าเป็นคนทรยศที่ทำผิดบาปจนไม่อาจให้อภัยได้ จิตวิญญาณของเจ้ามันสกปรกถึงขีดสุดแล้ว” เดวิสผู้เป็นทูตสวรรค์ปีกสิบหกปีกอีกองค์หนึ่งพูดอย่างเย็นชา 

 

 

ชาร์ลอตต์กัดฟันแล้วหน้าซีดลงเรื่อยๆ แต่ก็พูดอะไรไม่ออกเขาไม่อาจครอบครองเกียรติยศของนักรบทูตสวรรค์ได้อีกต่อไปแล้ว อย่างที่พวกนั้นบอก วิญญาณของเขาแปดเปื้อนมากแล้วและเขาก็จะต้องตกลงไปในขุมนรกในท้ายที่สุด 

 

 

“หากเทียบกับเจ้าที่เอาตัวเทพีแห่งแสงคนก่อนไปไว้เป็นเชลยเหมือนสุนัขเพื่อเล่นกับเจ้า ดูเหมือนว่าชาร์ลอตต์จะดีกว่าเจ้าหลายเท่านะ” เสียงของเย็นชาของชีอ้าวชวางพูดขึ้น เสียงนั้นไม่ได้ดังมากแต่ก็เพียงพอให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยิน สมาชิกทั้งหมดของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนที่เป็นทูตสวรรค์สิบหกปีกต่างก็ได้ยินรวมถึงทุกคนในฝั่งของชีอ้าวชวางก็เช่นกัน แต่ชีอ้าวชวางคิดไว้อย่างดีว่าเพียงแค่ให้คนในบริเวณนี้ได้ยินก็พอไม่ได้ต้องการให้คนอื่นได้ยิน 

 

 

ชีอ้าวชวางมีแผนของตัวเองอยู่ ถึงอย่างไรต่อไปก็จะต้องให้ศาสนจักรเผชิญหน้ากับมาริลินอยู่แล้ว ดังนั้นจะทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาเสียหายมากเกินไปไม่ได้ แต่คำพูดเหล่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนของทางศาสนจักรเพรสไบทีเรียนจิตใจสั่นคลอน 

 

 

แน่นอนว่าเมื่อสมาชิกของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนได้ยินคำพูดของชีอ้าวชวาง การแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก แทบจะก้าวไปฉีกชีอ้าวชวางออกเป็นชิ้นๆ 

 

 

“เจ้าเป็นใคร มาพูดเรื่องไร้สาระอะไรที่นี่” กาบรินพูดอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าที่มืดครึ้ม 

 

 

“ฮ่าๆ เป็นความจริงหรือไม่พวกเจ้ารู้อยู่แก่ใจไม่ใช่หรือ” ชีอ้าวชวางตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม 

 

 

สีหน้าของทูตสวรรค์ทางฝั่งชาร์ลอตต์เริ่มกลับมาเป็นปกติอย่างช้าๆ การเผชิญหน้ากับสมาชิกที่พูดดีแต่ภายในสกปรกของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนนี้ การกระทำของพวกเขาก็ไม่เกินไปแล้ว จิตวิญญาณของพวกเขาก็สกปรกพอๆ กันนั่นแหละ! 

 

 

ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือทูตสวรรค์จิตใจล้วนเหมือนกัน ในตอนที่รู้สึกไม่ดีแล้วรู้สึกว่ามีคนที่มีความผิดร่วมกันก็จะเป็นเรื่องที่ช่วยสร้างสมดุลทางจิตใจ 

 

 

พวกเจ้าก็เป็นแค่พวกที่หลอกตัวเองและผู้อื่นเท่านั้นเอง 

 

 

ชีอ้าวชวางยิ้มเยาะมองเหล่าคนของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนที่กำลังโกรธยิ่งขึ้น 

 

 

ทูตสวรรค์สิบหกปีกเก้าองค์ จะมีมากกว่านี้อีกหรือไม่? 

 

 

สิ่งนี้ดูเหมือนจะไม่ยุติธรรมกับมาริลินนะ 

 

 

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็ตาม ในเมื่อเจ้าอยู่ข้างมาริลิน เจ้าก็ต้องชดใช้ด้วย” เดวิสแสยะยิ้มแล้วเหวี่ยงดาบไปทางชีอ้าวชวางและพูดอย่างเย็นชา “ชดใช้ด้วยชีวิตของเจ้า” 

 

 

ชีอ้าวชวางเพียงแค่ยิ้ม นางไม่พูดอะไรค่อยๆยกมือขึ้นและโบกมือออกไป 

 

 

แสงสีทองพราวโอบล้อมร่างกายของชีอ้าวชวาง แสงสีทองพราวนั้นทำให้เหล่าคนในศาสนจักรเพรสไบทีเรียนต้องหรี่ตาลงเพราะมองไม่ได้จริงๆ 

 

 

ตอนชีอ้าวชวางดึงดาบออกมา ดาบก็สั่นสะท้าน มันกำลังตื่นเต้น! ดาบในมือของทูตสวรรค์สิบหกปีกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นไม่ธรรมดาเลยตอนนี้ดาบในมือของชีอ้าวชวางตื่นเต้นราวกับผีหิวโซที่ไม่ได้เจออาหารมื้อใหญ่มาเนิ่นนานถ้ามันส่งเสียงได้มันคงจะคำรามออกมาไม่หยุดแล้ว 

 

 

“เงียบหน่อย” ชีอ้าวชวากกระตุกมุมปากแล้วยื่นนิ้วออกไปสะกิดดาบ เจ้านี่อยู่ไม่นิ่งจริงๆ! 

 

 

“ตายไปซะ!” เดวิสตะโกนออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับยกดาบขึ้นแล้วฟันไปที่ชีอ้าวชวาง 

 

 

ชีอ้าวชวางยิ้มเล็กน้อยและยกดาบขึ้นตั้งรับ 

 

 

ทูตสวรรค์สิบหกปีกที่อยู่ด้านหลังเดวิสต่างก็ยกดาบขึ้น ทุกคนที่อยู่ด้านหลังของชีอ้าวชวางก็บินขึ้นปะทะเช่นกัน 

 

 

จากนั้นการต่อสู้ที่ดุเดือดก็เริ่มขึ้น 

 

 

เดวิสมองปีกเปลวไฟที่อยู่ตรงหลังของชีอ้าวชวางด้วยความสงสัยและพยายามคิดว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร ดูเหมือนนางจะไม่ใช่คนของโลกเทพเจ้า คนในโลกเทพเจ้าไม่มีปีกเช่นนี้หรอก 

 

 

ผมสีดำตาสีดำปีกเปลวไฟ… 

 

 

เคร้ง… 

 

 

เสียงการปะทะกันของอาวุธระหว่างชีอ้าวชวางและเดวิสดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า 

 

 

เดวิสขมวดคิ้วและแอบตกใจที่หญิงสาวตรงหน้ารับดาบของเขาได้โดยที่สีหน้าของนางไม่เปลี่ยนไปเลย 

 

 

ในช่วงเวลาต่อมา สีหน้าของเดวิสก็ซีดลงเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าและรูม่านตาของเขาก็หดแคบลงทันที 

 

 

เขาเห็นอะไร 

 

 

เขาเห็นดาบในมือของหญิงสาวตรงหน้าเขาเชื่อมต่อกับดาบของเขาแล้วเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นของเหลวที่ล้อมรอบดาบของเขาทันที! 

 

 

เสียงดังนั้นทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัว 

 

 

ในชั่วพริบตา ดาบในมือของเดวิสก็เหลือเพียงแค่ด้ามจับแล้ว! 

 

 

ดาบของเขาหายไปเลย! ถูกอาวุธในมือหญิงสาวกลืนกินไปหมดแล้ว! ใช่ เขาไม่ได้ตาฝาด ดาบของเขาถูกกลืนกินไป… 

 

 

เดวิสมองด้ามดาบสั้นๆในมืออย่างงุนงงและเหม่อไปเป็นเวลานาน เพียงแค่พริบตาดาบของเขาก็หายไปเลย! ดาบแห่งแสงที่อยู่คู่กับเขามาหลายหมื่นปีหายไปแล้ว 

 

 

ชีอ้าวชวางรอให้ดาบในมือกลืนกินให้หนำใจแล้วมองเดวิสที่กำลังงุนงงอยู่ แน่นอนว่านางไม่ได้ใจดีปล่อยเวลาให้เดวิสตั้งตัวนางยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมกับแสงสีทองที่ล้อมรอบตัว จากนั้นก็เหวี่ยงดาบในมือออกไปอย่างรุนแรง! 

 

 

คราวนี้เดวิสจึงเรียกสติกลับมาได้ เขารีบหลบอย่างตื่นตกใจ แต่มันสายไปแล้ว ไหล่ของเขาถูกดาบของชีอ้าวชวางฟันลงมาไหล่ซ้ายทั้งหมดแทบจะแยกออกจากร่างกายของเขา 

 

 

เดวิสถอยออกไปอย่างรวดเร็วแล้วรีบใช้เวทมนตร์เพื่อรักษาตัวเอง เขาเห็นรอยยิ้มเย็นชาที่ทำให้หายใจไม่ออกบนใบหน้าที่สดใสของหญิงสาวผู้นั้น เดวิสก็นึกได้และตะโกนออกมา “นางคือผู้หญิงที่มีสีดำทั้งสอง! หญิงสาวผู้มีสีดำทั้งสองในตำนาน!” 

 

 

พอเดวิสตะโกนออกมา เหล่าทูตสวรรค์สิบหกปีกของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนต่างก็ตกใจกันหมด! 

 

 

หญิงที่มีสีดำทั้งสอง? ใช่นางจริงๆ หรือ? ตอนแองเจลิก้ารายงานเรื่องนี้พวกเขายังคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระและคิดว่ามันเป็นข้ออ้างที่ไร้สาระในความผิดพลาดของนาง คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวในตำนานจะมาปรากฏตัวในโลกเทพเจ้าและอยู่ตรงหน้าพวกเขา แถมตอนนี้ยังเป็นศัตรูกันอีกด้วย! 

 

 

“หรือว่าตำนานจะเป็นจริงและไม่ได้เกิดขึ้นแค่โลกด้านล่าง?” ทูตสวรรค์สิบหกปีกชูดาบตั้งรับการโจมตีของชาร์ลอตต์พร้อมกับพูดประโยคนั้นออกมา 

 

 

ประโยคนี้เหมือนกับก้อนหินที่โยนลงไปในทะเลสาบอันสงบจนทำให้เกิดระลอกคลื่นเลยทีเดียว