ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 33

จื่ออานตอบกลับว่า “ไม่ดีกว่า ข้าขอบคุณแม่นมมาก วันนี้ข้ายังไม่ได้กินอะไรเลย ถ้าข้ากินมากเกินไปในคราวเดียว มันจะไม่ดี ข้ากินเท่านี้เพียงพอแล้วล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้เจ้าค่ะคุณหนู!” นางข้าหลวงหยางจึงสั่งให้คนมานำติ่มซำออกไป และสั่งให้คนชงชาเข้ามา จากนั้นเธอก็ออกไปรอข้างนอกวังคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ห่าง ๆ

มู่หรงเจี๋ยมองดูแววตาของจื่ออานอีกครั้งหนึ่ง เขาก็พบกับความมหัศจรรย์ เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีความสามารถที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ นางข้าหลวงหยางคนนี้อยู่ปรนนิบัติรับใช้ฮองเฮามานานนับปี นางคุ้นเคยกับชีวิตในวังหลวงแห่งนี้เป็นอย่างดี แต่เธอใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็สามารถให้นางข้าหลวงคนนี้มาอยู่ข้าง ๆ เธอได้ แม้ว่าคนอื่น ๆ จะใช้เวลาครุ่นคิดกันกี่ปีก็ยังไม่สามารถหาวิธีให้เธอมาอยู่ข้างกายเช่นนี้ได้

หลังจากที่จื่ออานทานอาหารเสร็จแล้ว เธอก็หันไปถามหยวนพ่านว่า “นายท่าน ข้าอยากรู้สถานการณ์อาการกำเริบขององค์จักรพรรดิเหลียงทั้งสองครั้งเจ้าค่ะ”

หยวนพ่านพยักหน้ารับ เขาเล่าเหตุการณ์อาการกำเริบขององค์จักรพรรดิเหลียงตั้งแต่แรกเริ่มจนสิ้นสุดให้เธอฟัง ตั้งแต่ช่วงเวลาการรักษาตลอดจนการค้นพบสาเหตุของโรค และผลข้างเคียงที่จะตามมา เขาเล่าให้เธอฟังตามที่เขาเห็น

หลังจากที่จื่ออานได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ก็ทำให้เธอได้รู้สภาพการณ์ขององค์จักรพรรดิเหลียงเบื้องต้นแล้ว

เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับมู่หรงเจี๋ยว่า “ท่านอ๋องเพคะ จากสภาพการณ์ตอนนี้ขององค์จักรพรรดิเหลียง สิ่งที่ร้ายแรงที่สุด คือ องค์จักรพรรดิเหลียงอาจเกิดโรคปอดบวมอีกเพคะ โรคปอดบวมสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายในสองหรือสามชั่วโมง และทำให้พระองค์หายใจลำบาก หรือขาดอากาศหายใจ หากฮองเฮาไม่เห็นด้วยกับการฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการหายใจขององค์จักรพรรดิเหลียง ทำให้การรักษาของเราตอนนี้ต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมากเพราะองค์จักรพรรดิเหลียงจะรู้สึกเจ็บปวดทรมานเป็นเวลานานเพคะ”

มู่หรงเจี๋ยขมวดคิ้วเป็นปมเข้าหากัน เขาไม่คิดว่าโรคปอดอักเสบจะมีผลกระทบต่อการหายใจอย่างรุนแรงจึงถามว่า “การรักษาแบบโบราณสามารถรักษาโรคนี้ได้หรือไม่”

จื่ออานตอบกลับว่า “เราต้องให้ออกซิเจนที่เพียงพอเพคะ”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” มู่หรงเจี๋ยฟังเธอพูดไม่เข้าใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อว่า “เจ้าหมายถึงเสบียงหรือ?”

“ออกซิเจน ออกซิเจนคือ…” จื่ออานต้องการอธิบายให้กระชับที่สุด เพราะดูเหมือนผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะไม่ค่อยมีความอดทนมากนัก เธอจึงอธิบายต่อว่า “ออกซิเจนเป็นก๊าซในอากาศที่พวกเราใช้หายใจเพคะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิเหลียงขาดออกซิเจน ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอและทำให้ร่างกายเกิดปัญหาต่าง ๆ จากการได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเพคะ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ คือการให้ออกซิเจน ลดอาการอักเสบของปอด และจากนั้นจะสามารถแก้ปัญหาอื่น ๆ ของร่างกายได้ในที่สุดเพคะ”

เริ่มแรกหยวนพ่านให้การสนับสนุนเธอ แต่หลังจากที่เขาได้ยินเธอพูดถึงก๊าซออกซิเจนในอากาศที่ใช้หายใจ เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันช่างไร้สาระ และเขาไม่สามารถหาเหตุผลมาช่วยหักล้างเรื่องนี้ได้จึงพูดขึ้นว่า “อากาศก็คืออากาศ ยังมีก๊าซชนิดใดอีกหรือ? หรือว่าอากาศนี้สามารถแบ่งออกเป็นหลายชนิดได้หรือไม่?”

จื่ออานต้องการอธิบายองค์ประกอบของอากาศให้เขาฟัง แต่ตอนนี้การอธิบายต้องใช้เวลามาก และสำหรับเขาคงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “ท่านหยวนพ่าน เชื่อใจข้าเถอะ ข้าไม่คิดที่จะทำร้ายองค์จักรพรรดิเหลียง ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับองค์จักรพรรดิเหลียง ข้าจะรับผิดชอบเอง ข้าหวังว่าท่านจะให้การสนับสนุนแผนการรักษาของข้า และข้าจะทำการรักษาอย่างดีที่สุดเท่าที่ข้าจะสามารถทำได้เจ้าค่ะ”

หยวนพ่านทำงานเป็นข้าราชการในวังมานาน ไม่ต้องพูดถึงความสามารถว่าเขาเป็นคนฉลาดหลักแหลม และมีเล่ห์เหลี่ยมมากแค่ไหน แต่เขาก็เชื่อมั่นในการรักษานี้ มิฉะนั้นเขาก็คงจะไม่เชิญให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาเข้าร่วมเป็นพยานด้วย

แต่จากที่ได้ฟังสิ่งที่จื่ออานพูด และเห็นความจริงใจในแววตาของเธอ ในที่สุดเขาก็เริ่มรู้สึกลังเลสองจิตสองใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงพูดว่า “แต่ว่า เจ้าจะให้ออกซิเจนได้อย่างไร? เจ้าพูดว่าออกซิเจนอยู่ในอากาศแต่กลับบอกว่าหายใจลำบากใช่หรือไม่? พูดได้หรือไม่ว่า เจ้าจะหยิบอากาศออกมาหนึ่งกำมือ และแยกออกซิเจนออกมาเสียนั่น” ทั้งหมดนี้ช่างเหลวไหลยิ่งนัก!

จื่ออานเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ นี่เป็นปัญหาที่แก้ยากจริง ๆ ที่นี่แยกออกซิเจนออกมาไม่ได้

วิธีที่ง่ายที่สุดในการแยกออกซิเจนคือ การทำให้อากาศเย็นลง และทำการแยกจุดเดือดของก๊าซแต่ละตัวในอากาศออกจากกัน แต่เธอไม่สามารถลดอุณหภูมิให้ต่ำกว่าลบ 183 องศาได้

เธอนึกถึงภูเขาและป่าไม้ ผู้คนในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการเพิ่มปริมาณก๊าซออกซิเจนในอากาศให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นจึงมีจุดชมวิวทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงเรื่องอากาศออกซิเจนจากธรรมชาติ เพื่อดึงดูดให้ผู้คนมาฟื้นฟูร่างกาย แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ดีเท่าออกซิเจนทางการแพทย์ แต่ตอนนี้มันคือหนทางเดียวเท่านั้น

แต่ว่าการเคลื่อนย้ายองค์จักรพรรดิเหลียงไปยังป่าไม้ในสภาพตอนนี้คงเป็นเรื่องยากนัก เธอคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่งก็นึกขึ้นได้ว่า ในสวนขององค์จักรพรรดิเหลียงมีพืชจำนวนมาก และพืชที่เติบโตเร็วจะปล่อยออกซิเจนออกมาเป็นจำนวนมาก

“ท่านอ๋องเพคะ ในวังแห่งนี้มีต้นไทรหรือไม่เพคะ”