บทที่ 269 กลายพันธุ์

“หลิวเฟิง ไอ้คนที่ใช้ธนูนั่นมันเป็นผู้ใช้พลังจิต รีบหนีเร็วเข้า”

เสียงที่ร้อนรนได้ดังลั่นก้องฟ้าจนทำให้หลิวเฟิงรู้สึกตัว

นี่ทำให้หลิวเฟิงรีบบินกลับหลังไปในทันใด

“ฮี่ฮี่ฮี่ คิดจะหนีรึ ปีกแกเล็กไปหน่อยนะ”

เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว เฉินเฉียงก็อดที่จะหัวเราะเยาะออกมาเสียไม่ได้ เขาได้เก็บธนูดำของตนก่อนที่จะไล่ตามหลิวเฟิงไปด้วยก้าวย่างสวรรค์

เทียบกับปีกสีเงินระดับหนึ่งแล้ว ก้าวย่างสวรรค์ของเขานั้นเร็วกว่ามาก

เพียงชั่วพริบตา เฉินเฉียงก็ได้ร่นระยะระหว่างเขากับหลิวเฟิงด้วยเวลาไม่นาน

“เร็วเข้า หยุดไอ้บ้านั่นซะด้วยทุกสิ่งที่พวกเจ้ามี ช่วยหลิวเฟิงให้ได้”

หลินไฮ่หวังผู้ที่อยู่บนฟ้าเห็นฉากนี้ เขาก็รีบเรียกคนไปช่วยหลิวเฟิงในทันที

แต่กระนั้น มีหรือที่เฉินเฉียงจะยอมปล่อยให้ไก่อ้วนตรงหน้าลอยจากไปอีกครา

ในตอนนี้ดาบดั้นเมฆได้ปรากฏอยู่ในมือเขา พร้อมกระบวนท่าต่างๆที่ถูกโบกสะบัดออกไป กรงเล็บมังกรคราม คลื่นมังกรคลั่ง มังกร…

การต่อสู้นี้เป็นที่จับจ้องโดยมนุษย์และมนุษย์กลายพันธุ์ได้แทบจะในทันที

“ท่านเว่ย หลานชายของท่านนั้นช่างเป็นนักรบผู้หาญกล้านัก”

“หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ไอ้ตัวพลังจิตนั่นต้องหนีออกไปได้อย่างแน่นอน”

เว่ยหยวนตี้เองก็คิ้วกระตุกขึ้นมาราวกับคิดอะไรได้จากคำพูดนี้ ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ไอ้เด็กนี่ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ…..หากครั้งนี้ยังดีขนาดนี้ การต่อสู้ครั้งต่อไปก็คงไม่ต่างกันสินะ……เอาล่ะ เรากลับกันได้แล้ว รอบหน้าค่อยกวาดล้างมันให้หมดสิ้นแล้วกัน”

“ดูนั่น”

เป็นตอนนี้ที่จางจุนได้ชี้ไปที่กองกำลังเทียนเว่ยที่อยู่ท่ามกลางสนามรบ

จางหยวนกำลังฟันใส่ชายที่แต่งตัวราวกับเป็นฝั่งเดียวกันแล้วตะคอกออกมา “ไอ้แซ่ฉี ข้าไม่คิดเลยจริงว่าเจ้าจะเป็นสายลับของข้าศึก ดูสิว่าวันนี้เจ้าจะหนีไปไหนได้พ้นอีก”

แน่นอนว่าคนที่กำลังแต่งตัวแบบเดียวกับพวกมนุษย์และกำลังวิ่งหนีอยู่นี้ก็คือองครักษ์ฉี เขาหันกลับมามองจางหยวนด้วยความหวาดกลัว แต่ในทันทีที่เขาวิ่งออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็ถูกเชือดคอหายโดยจางหยวน

หลังจากนั้นจางหยวนก็ซัดฝ่ามือลงบนศีรษะขององครักษ์ฉีโดยที่ร่างยังไม่ตกหล่น ก่อนที่จะดูดแผ่นแก่นพลังงานออกมา

“จางหยวน เก็บร่างมันไว้ด้วย จะได้เป็นหลักฐานความดีความชอบของเจ้า”

จางหยวนเงยหน้าขึ้นมองไปที่เว่ยหยวนตี้ ก่อนที่จะยื่นมือขวาของตนออกไปเก็บร่างขององครักษ์ฉีเข้าไปในแหวนเก็บของ

นี่คือการแสดงเล็กๆน้อยๆที่เฉินเฉียงได้พูดคุยกับพวกเขาเอาไว้ก่อนที่จะออกจากทะเลสาบกระจก

หากในการศึกจิ้งชวนนั้นไม่พบร่างขององครักษ์ฉี ฮั่นจุยก็คงไม่เลิกราจากเรื่องนี้

นี่จึงทำให้เฉินเฉียงมอบซากร่างขององครักษ์ฉีให้เจิ้งยี่ โดยให้หยานเสวี่ยสอนเจิ้งยี่เกี่ยวกับวิธีการฝังแผ่นแก่นพลังงาน

มาถึงในตอนนี้ เจิ้งยี่อาศัยจังหวะช่วงชุลมุน นำซากร่างขององครักษ์ฉีออกมา ก่อนที่เจิ้งยี่จะใส่แผ่นแก่นพลังงานไว้ในหัวขององครักษ์ฉี และเมื่อองครักษ์สีลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ให้จางหยวนเรียกความสนใจก่อนที่จะลงมือเชือดทิ้งไปอีกรอบ

“เยี่ยมมาก คราวนี้คงทำให้ผู้อาวุโสฮั่นระบายแค้นออกไปได้บ้าง”

เมื่อเห็นว่าจางหยวนฆ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ฆ่าฮั่นปู้เอ๋อ ลูกชายของฮั่นจุยไปแล้ว สองพี่น้องจานก็มองหน้ากันพลางยิ้มออกมา

ในตอนนี้ ทั้งสองคนนั้นตกที่นั่งเดียวกับปันเหริน นั่นก็คือถูกก่นด่าจากฮั่นจุยอยู่ทุกเช้าค่ำที่หากตัวองครักษ์ฉีไม่พบ เหตุผลก็เพราะจำนวนของมนุษย์กลายพันธุ์ในศึกนี้ครั้งนี้มันมากขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะไม่อาจหาพบได้โดยง่าย

แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าจะเป็นกองกำลังเทียนเว่ยอีกครั้งที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้พวกเขา นี่เท่ากับว่ากองกำลังเทียนเว่ยสามารถสะสางปัญหาที่ค้างคาอยู่ได้สองอย่างในการลงมือเพียงครั้งเดียว

และในตอนนี้ สายตาของสองพี่น้องจานได้ตกไปอยุ่ที่เฉินเฉียงและหลิวเฟิง

ในช่วงเวลาสั้นๆ นายพลทักษะพิเศษที่ขวางทางเฉินเฉียงเอาไว้ได้ตกตายไปภายใต้ดาบดั้นเมฆมากมายหลายตน แม้แต่หลินไฮ่หวังที่มองดูอยู่กลางอากาศก็ทำได้เพียงตะโกนสั่งออกมาอย่างไม่หยุดปากให้เหล่านายพลทักษะพิเศษที่อยู่ใกล้เคียงของไปต้านทานเฉินเฉียงเอาไว้ แต่เห็นวิธีการคร่าชีวิตของดาบดั้นเมฆภายใต้เฉินเฉียงแล้ว ใครจะอยากเข้าไปให้เชือดทิ้งเฉยๆกัน

“ฮี่ฮี่ฮี่ หลิวเฟิง ดูสิว่าแกจะหนีไปไหนอีก”

เฉินเฉียงได้ย่างก้าวเข้าไปอีกครั้ง และด้วยความเร็วของก้าวย่างสวรรค์ทำให้เขานั้นได้ไปโผล่ตรงหน้าหลิวเฟิงด้วยเวลาเพียงสองช่วงลมหายใจ และนี่ทำให้การเป็นว่าทั้งสองกำลังประจันหน้ากันแทน

หลิวเฟิงที่กำลังบินหนีอย่างสุดชีวิตนั้น ในตอนนี้เมื่อเขารู้ตัวก็เห็นว่าดาบดั้นเมฆในมือเฉินเฉียงนั้นกำลังสอดแสงทอประกายใส่ตนอยู่ เพียงเห็นฉากตรงหน้านี้ก็แทบจะทำให้วิญญาณของเขานั้นหลุดจากร่างเลยทีเดียว

ยังดีที่หลิวเฟิงก้มตัวหลบการโจมตีถึงตายนี้ได้อย่างฉิวเฉียด

หลังจากปาดเหงื่อไปทีหนึ่ง หลิวเฟิงก็ได้ตะเบ็งเสียงขึ้นมา “ท่านหลิวไฮ่หวัง ช่วยข้าด้วย”

หลินไฮ่หวังผู้ซึ่งลอยตัวอยู่กองอากาศนั้นที่ในตอนนี้มองคนของตนโดนไล่ฆ่าอยู่ตาปริบๆได้พูดออกมา “ราชาจิวเจียง(เก้าแม่น้ำ) หากหลิวฟางเป็นอะไร ข้า หลินไฮ่หวังจะไม่ขอร่วมมือกับพวกท่านอีกอย่างแน่นอน ท่านคิดดีๆแล้วกัน”

จิวเจียงผู้ซึ่งลอยตัวอยู่ข้างๆนั้นได้กัดฟันอย่างระรัว ก่อนตะโกนอย่างดังลั่นออกมา “นายพลทักษะพิเศษทั้งหมด จงฟัง หยุดไอ้เฉินเฉียงนั่นให้ได้แม้แต่ต้องแรกด้วยชีวิตของพวกเจ้ายังไงก็ต้องหยุดมันให้ได้”

คำพูดของราชันย์เก้าแม่น้ำผู้นี้ทรงพลังเสียยิ่งกว่าของหลินไฮ่หวังมากนัก

ยังไงซะ นักรบกลายพันธุ์ทั้งหลายเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนของราชันย์เก้าแม่น้ำผู้นี้ทั้งสิ้น

และเพียงสิ้นคำพูดนี้ นายพลทักษะพิเศษนับสิบก็ได้ทะยานบินขึ้นมา ตั้งตนเป็นกำแพงมนุษย์ปิดกั้นเฉินเฉียงเอาไว้ ไม่ให้ติดตามหลิวฟางได้อีกต่อไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า หลานชายเฉินเฉียงโดนเล่นเข้าให้จนได้สินะ อย่างนี้ก็คงตามต่อไม่ได้แล้วกระมัง”

“ผู้ตรวจสอบจาน ต่อให้เราถอนกำลังรบในตอนนี้ก็ยังถือว่าเป็นต่อใช่หรือไม่”

“ถูกต้อง ท่านเว่ย ไอ้ตัวพลังจิตที่ชื่อว่าหลิวเฟิงนั่นในตอนนี้โดนทั้งกองทัพปกป้องอยู่ ต่อให้ท่านอยากจะฆ่ามันขนาดไหนก็ตาม ข้าเกรงว่าคงไม่อาจจะฆ่ามันได้ในตอนนี้”

เมื่อเว่ยหยวนตี้ได้ยินก็พยักหน้ารับก่อนที่จะพูดออกมา “หลานชายเฉินเฉียง ตอนนี้ถือว่าพวกเราเป็นต่อแล้ว พวกเราสามารถถอนกำลังได้แล้วล่ะ กลับมาซะ”

เฉินเฉียงที่กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมตัวจะตะลุยฝ่ากำแพงมนุษย์กลายพันธุ์นี่ไปนั้นได้นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย และเมื่อได้รับคำสั่งนี้ออกมาก็ยิ่งรีบทำให้เขาต้องรีบตัดสินใจบางอย่าง

ในที่สุดเขาก็ได้มีโอกาสพบเจอหลิวเฟิงแล้ว แล้วจะให้เขาปล่อยมันไปแบบนี้เนี่ยนะ

หลิวเฟิงผู้ซึ่งเห็นว่าตนเองรอดแล้วก็ได้ถอดถอนลมหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนที่จะจ้องมองไปยังเฉินเฉียงที่เห็นเพียงบางส่วนผ่านกำแพงมนุษย์ และหันไปมองเว่ยหยวนตี้ที่สั่งให้เฉินเฉียงถอนทัพไปพลาง

เมื่อเขาได้หันกลับมามองเฉินเฉียงอีกครั้งก็พบว่าเฉินเฉียงนั้นได้เก็บดาบดั้นเมฆไปแล้วก็จริง แต่กลับนำธนูดำออกมาแทน

นี่มันกำลังจะทำอะไรกัน

อย่าบอกนะว่าคิดจะขัดคำสั่ง

แต่ด้วยพวกของเขาที่กีดขวางทางไว้อย่างเนืองแน่นขนาดนี้แล้วอย่างมันจะทำอะไรได้กัน

ความคิดนี้ก็ราวถูกคัดลอกไปวางในความคิดของเว่ยหยวนตี้และคนอื่นๆ

ด้วยธนูดำในมือ ลูกธนูไร้สีอีกสองดอกที่ถูกขึ้นสายไว้แล้ว เฉินเฉียงก็แสยะยิ้มแล้วพูดออกมา “แกคิดจะใช้เพียงโล่มนุษย์มาบดบังการโจมตีของข้าเนี่ยนะ ถ้าอย่างนั้นขอดูหน่อยเถอะว่าแกจะหลุดรอดจากธนูของข้าไปได้อีกนานสักเท่าไหร่”

เพียงสิ้นเสียงของเฉินเฉียง ธนูสองดอกก็ได้ถูกยิงออกไปด้วยความเร็วประดุจสายฟ้าฟาด มนุษย์กลายพันธุ์นับสิบที่อยู่ตรงหน้าหลิวเฟิงนั้นตกตายไปหลายสิบในทันที

ก่อนที่จะได้มีใครได้ทำอะไร ธนูอีกสองดอกก็ได้ถูกยิงออกไป

และเพียงห้าลมหายใจ ร่างกายทั่วทั้งร่างของหลิวเฟิงก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าเฉินเฉียงอีกครั้ง

“หลิวเฟิง รีบใช้พลังจิตของเจ้าโจมตีมันซะ”

เมื่อได้เห็นว่าหลิวเฟิงนิ่งอึ้งไปราวกับคนโง่งมนั้น หลินไฮ่หวังที่ยังคงลอยอยู่บนฟ้าก็ได้ตะโกนออกมาจนทำให้หลิวเฟิงได้สติกลับมา

เมื่อได้ยินแบบนี้ เว่ยหยวนตี้รีบตะโกนออกมา “หลานชายเฉินเฉียง ช่างหัวมัน รีบหลบเร็วเข้า”

จากมุมมองของเว่ยหยวนตี้แล้วนั้น เฉินเฉียงได้แสดงความสามารถเป็นที่ประจักษ์จนได้รับชัยชนะ เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา เขาไม่ต้องการให้เฉินเฉียงแลกหัวตัวเองกับหลิวเฟิงเพราะมันไม่คุ้มค่า

หรือก็คือเว่ยหยวนตี้คิดว่าเฉินเฉียงนั้นต่อให้ต้องตายก็ต้องนำหัวของหลิวเฟิงกลับมาให้ได้ แต่ในมุมมองของเฉินเฉียงนั้น หากเขาต้องการจะฆ่าหลิวเฟิงนั้นช่างง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ

หลิวเฟิงที่ได้หันไปมองหลินไฮ่หวังอย่างช้าๆก็นิ่งอึ้งไปสักครึ่งวิเห็นจะได้ เมื่อได้ยินเสียงนี้ เขาเองก็ได้กลับคืนสู่สติและใช้การโจมตีทางจิตวิญญาณของตนออกมาในทันที

หลินไฮ่หวังที่เห็นก็ยิ้มกริ่มออกมาในทันใดเมื่อเห็นบรรยากาศตรงหน้าของหลิวเฟิงบิดเบือนและพุ่งตรงไปยังเฉินเฉียงในชั่วพริบตา

เว่ยหยวนตี้ได้หันหน้าหนีไปทางอื่นด้วยใจที่ไม่อยากจะเห็นฉากตรงหน้า

หากไม่ใช่มีกฎค้ำคอ เขาคงจะลงมือช่วยเฉินเฉียงไม่ว่ายังไงก็ตาม

ด้วยความสามารถของเฉินเฉียงนั้น เขาน่าจะหาโอกาสเล่นงานหลิวเฟิงได้อีกในอนาคต แม้แต่เขาก็ยังมองออกว่าเฉินเฉียงนั้นสามารถกุดหัวของหลิวเฟิงได้อย่างง่ายดาย

ใครจะไปคิดว่าเฉินเฉียงจะไม่ฟังคำสั่ง และยังกล้าที่จะลงมือกับหมาจนตรอก นี่มันโดนหมาแว้งกัดชัดๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่า” หลังจากโจมตีไปแล้ว หลิวเฟิงก็ได้หัวเราะออกมาอย่างดังลั่น พลางมองไปที่เฉินเฉียงที่ไม่ได้มีท่าทีจะป้องกันหรือหลบหนีแต่อย่างใด

“ไอ้มนุษย์เลวระยำ เจ้าคิดว่าจะไล่ฆ่าเล่นๆไปนานๆใช่ไหมล่ะ”

“นี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า หากเจ้ารับมันได้ ข้า หลิวเฟิงผู้นี้ก็จะไม่ขอมีชีวิตอยู่เพราะในชีวิตนี้จะไม่มีสิ่งใดค้างคาแล้วอีกต่อไป”

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิวเฟิงได้พูดจนสิ้นคำ วงแหวนประหลาดก็ได้ปรากฏอยู่ที่รอบตัวของเฉินเฉียง และนั่นทำให้การโจมตีทางจิตวิญญาณของหลิวเฟิงนั้นได้หายไปในบัดดล

และยิ่งไปกว่านั้นคือ ในตอนนี้ที่เฉินเฉียงยืนอยู่นั้น เหล่านายพลวิญญาณและนายพลทักษะพิเศษโดยรอบต่างก็รู้สึกหมดก็จิตกะใจที่จะฆ่าฟันกันพลางมองไปที่เฉินเฉียงอย่างหวาดกลัว

เป็นขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ที่หลิวเฟิงไปกระตุ้นให้มันปรากฏออกมา

เมื่อเฉินเฉียงสัมผัสได้ว่าร่างกายของตัวเองนั้นแข็งแกร่งขึ้นเสียยิ่งกว่าเดิมแล้ว จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาก็ได้ลุกโชนขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากที่ได้ยกตัวขึ้น “ฮี่ฮี่ฮี่ หลิวเฟิงเอ๋ย ดูเหมือนว่าชีวิตนี้แกนั้นจะไม่เหลือสิ่งที่ค้างคาใจอีกต่อไปแล้วสินะ เอานะ ยังไงซะ ชาติหน้าก็อย่าได้มากล้าหือกับข้าผู้นี้อีก”

เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ลั่นปล่อยธนูที่เขาดึงจนสุดออกไป และนี่ทำให้ธนูสองดอกได้พุ่งตรงไปยังหลิวเฟิงที่กำลังยิ้มร่าอยู่อย่างรวดเร็วจนบังเกิดลมกรรโชก จนทำให้เกิดรูที่อกสองรูใหญ่บนร่างของหลิวเฟิงในขณะที่ใบหน้าของเขายังเปื้อนยิ้มอยู่

หลิวเฟิงที่ค่อยหมดพลังชีวิตลงไปอย่างช้าๆจนทำให้ปีกของหลังของตนนั้นไม่อาจฝืนพยุงร่างไปได้อีก และท้ายที่สุด ร่างก็ได้ร่วงหล่นสู่พื้นดิน

หลังจากสำเร็จการฆ่าหลิวเฟิงไปได้แล้ว เฉินเฉียงก็เบิกตากว้าง ก่อนที่จะพุ่งตนไปที่ร่างของหลิวเฟิงด้วยความเร็วประดุจสายฟ้าฟาด มือขวาของเขาได้ยื่นเข้าไปสัมผัสนิ้วของหลิวเฟิงในขณะที่กำลังร่วงหล่นนี้ราวกับต้องการจะได้แหวนของหลิวเฟิงมา แต่ความจริงนั้นคือการดูดซับพลังของหลิวเฟิง

หลินไฮ่หวังที่อยู่กลางอากาศนั้นในตอนที่เห็นว่าเฉินเฉียงป้องกันการโจมตีของหลิวเฟิงได้นั้นก็รู้สึกสังหรร้ายในทันที ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าหลินเฟิงคงไม่รอดแล้วก็อยากจะพุ่งเข้าไปขวางแต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปป้องกันการโจมตีนี้ของเฉินเฉียง

เมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงได้ฆ่าหลิวเฟิงด้วยธนูเพียงครั้งเดียวนี้ทำให้เว่ยหยวนตี้ตื่นเต้นยินดีออกมาในทันใด

“ฮ่าฮ่าฮ่า ดี หลานชายที่ดี เจ้านี่ไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังเลยจริงๆ”

นายพลวิญญาณทั้งหลายเมื่อได้เห็นว่า เฉินเฉียง กัปตันแห่งกองกำลังเทียนเว่ยนั้นได้สังหารหัวหน้าของมนุษย์กลายพันธุ์พลังจิตไปแล้ว ทุกคนที่มีความแค้นในใจราวกับว่าได้รับการระบายแค้น

ภายใต้คำพูดต่างๆของเว่ยหยวนตี้ ในตอนนี้ไฟแห่งการต่อสู้ของหลี่เชินและนายพลวิญญาณคนอื่นได้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับความรู้สึกกดดันจากมนุษย์กลายพันธุ์พลังจิตได้สลายหายไป

“ท่านเว่ย ข้าว่าระวังไอ้ตัวขุนพลไว้ก็ดีนะ ข้ากลัวว่ามันจะใช้โอกาสนี้กำจัดเฉินเฉียงไปด้วย”

จานฮงรีบพูดออกมา

“อย่าได้กังวลไป ยังไงซะราชาผู้นี้ไม่ยอมให้ใครมาพลากชีวิตเฉินเฉียงได้เป็นอันขาด” เว่ยหยวนตี้พูดพลางมองไปยังหลินไฮ่หวังและจิวเจียง

“ราชาเก้าแม่น้ำ การศึกครั้งนี้พวกเราแพ้แล้ว โปรดออกคำสั่งให้นักรบทั้งหลายถอนตัวเทิด”

หลินไฮ่หวังถอดถอนลมหายใจพลางก้มหน้ามองไปยังเฉินเฉียงอีกครั้ง

แต่เพียงการมองปราดเดียวนี้กลับทำให้หลินไฮ่หวังที่กำลังเซ็งเป็ดอยู่นั้นต้องเปลี่ยนเป็นตกตะลึงอึ้งกิมกี่ในทันที

“ราชาเก้าแม่น้ำ ดูนั่น เกิดอะไรขั้นกัน”

หลินไฮ่หวังได้สะกิดจิวเจียงให้ดูสิ่งที่เขาได้พบเห็นตรงหน้าด้วยท่าทางตกตะลึง

และนี่ทำให้เว่ยหยวนตี้และพี่น้องจานอดไม่ได้ที่จะต้องมองตาม ซึ่งนั่นก็คือทิศทางที่เฉินเฉียงอยู่ในตอนนี้

ด้วยการที่กำลังพัวพันกับการต่อสู้ตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้กองกำลังเทียนเว่ยที่อยู่ในแนวหลังนั้นไม่ได้เห็นฉากนี้แต่อย่างใด

แต่กับนายพลทักษะพิเศษที่กำลังรายรอบเฉินเฉียงอยู่นี้กลับบังเกิดความกลัวไปทั่วทุกตัวตน

พวกเขาเห็นว่าเฉินเฉียงพึ่งจะดึงแหวนของหลิวเฟิงออกมาได้นั้น ร่างกายของเขาบังเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
ติ้ง ย่อยสลายนายพลทักษะพิเศษขั้นสูงสำเร็จ

เจ้าของระบบ: เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นสูง
การหลอมรวมทักษะ: 1
การคัดเลือกทักษะ : 8
ค่าพลังงาน:300,000,000
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:550
ค่าความแข็งแกร่ง:576
ค่าความเร็ว:422
ค่าพลังจิต:1147

เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: หลอมเลือดทำลายล้างระดับสูง
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: ภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทร ระดับสูง
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคฝึกฝนร่างกายพื้นฐาน ระดับสูงสุด
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุแบบดั้งเดิม ระดับต้น
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคการยิงธนูของโฮ่วอี้(ผู้ดับตะวัน) ระดับสูงสุด
ทักษะ: ไร้ตัวตน
ทักษะ: การตรวจสอบด้วยเสียง
ทักษะ: เพลิงดาบสายฟ้าทำลายวิญญาณระดับต้น
ทักษะ: ก้าวย่างสวรรค์ระดับสูง
ทักษะ: ภาษาสัตว์
ทักษะ: แกะรอยด้วยกลิ่น
ทักษะ: เคลื่อนย้ายพริบตาระดับสูงสุด
ทักษะ: สื่อสารไร้สาย
ทักษะ: สะกดจิต ระดับสูงสุด
ทักษะ: สะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ ระดับสูง
ทักษะ: แก่นแท้แห่งการเล่นแร่แปรธาตุ ระดับต้น
ทักษะ: รอบรู้สมุนไพร
ทักษะ: เพลงดาบลมเฉือน ระดับต้น
ทักษะ: อินทรีย์สยายปีก ระดับสูง
ทักษะ: ควบคุมสายน้ำ (ทักษะที่ 1)
ทักษะ: เปลี่ยนรูปลักษณ์ (ทักษะที่ 2)
ทักษะ: ปีกสีเงิน ระดับ 7 (ทักษะที่ 3)
ทักษะ: ซ่อนตัวจากแสง ระดับ 3 (ทักษะที่ 4)
ทักษะ: เกราะเหล็กไหล (ทักษะที่ 5)
ทักษะ: คลื่นเสียงทำลายวิญญาณ (ทักษะที่ 6)
ทักษะ: ขอบเขตจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ขั้นกลาง (ทักษะที่ 7)
ทักษะ: คลื่นอัดกระแทก ระดับ 3 (ทักษะที่ 8)
ทักษะ: กลืนกินเลือดวิญญาณ
……
สายเลือด: โกลาหลแรกกำเนิด(โกลาหลขั้นต้น)

เพียงได้ดูดซับพลังของหลิวเฟิงเข้าไปนั้นทำให้ค่าพลังจิตของเฉินเฉียงเพิ่มขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดขึ้นมาในทันทีอีกสามร้อยหน่วย

ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่เคล็ดวิชาภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทรของเขาก็ยกระดับขึ้นเป็นระดับสูงเรียบร้อยแล้ว

แม้แต่เคล็ดวิชาการยิงธนูของโฮวอี้ของเขานั้นก็อยู่ในขั้นสูงเช่นเดียวกัน

แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือทักษะการโจมตีทางจิตวิญญาณของหลิวเฟิงนั้นได้บรรลุสู่ระดับสามไปแล้ว

เขาไม่แปลกใจเลยจริงๆว่าทำไมหลินไฮ่หวังนั้นถึงได้ให้ค่ากับหลิวเฟิงมากมายนัก

เฉินเฉียงมีความสุขอย่างมาก นั่นก็เพราะเขาได้ดูดซับพลังงานจากมนุษย์กลายพันธุ์พวกพลังจิตที่เขาได้ไขว่ขว้าหามานานนับแรมปี

แต่โชคดีบรรลัยขนานี้ก็มักจะตามมาด้วยโชคร้ายอย่างมหันต์ด้วยเช่นกัน และนี่จะทำให้เฉินเฉียงที่มีความสุขในตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาเป็นโศกเศร้าในที่สุด

นั่นก็เพราะในขณะที่เฉินเฉียงเตรียมจะฝ่าวงล้อมของมนุษย์กลายพันธุ์ออกไปนั้น อยู่ๆ จุดลมปราณที่สามสิบสามของเขาก็ได้เปิดออกเพราะการดูดซับพลังจากหลิวเฟิง

ผนวกกับค่พลังจิตของเขาที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ ส่งผลให้ขอบเขตจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเฉินเฉียงนั้นก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับสูงอย่างไม่ทันรู้ตัว

ด้วยการที่ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนทำให้แม้แต่เฉินเฉียงก็รับมือไม่ทัน

แต่เดิม เขานั้นคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดี แต่เจ้าบอลเลือดปีศาจที่ชั่วร้ายที่เขาถมมันไว้ในจุดชีพจรที่สามสิบสองนั้นกลับใช้โอกาสนี้กระจายตัวออกมา

นี่เป็นผลให้ยามที่เฉินเฉียงเปิดจุดตันลมปราณที่สามสิบสามพร้อมกับขอบเขตเจตจำนงในการต่อสู้ที่ก้าวเข้าไปอยู่ขั้นสูงนี้ทำให้บอลเลือดปีศาจเหล่านี้พุ่งตงไปตามเส้นเลือดของเขาอย่างบ้าคลั่งและรวดเร็วอย่างกระสุนปืน

ด้วยความเจ็บปวดที่ยากจะทานทนนี้ทำให้ขอบเขตจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขั้นสูงของเขานั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง และนี่ส่งผลให้นายพลทักษะพิเศษที่อยู่ในรัศมีร้อยกว่าเมตรรอบตัวเฉินเฉียงนี้บินแตกตัวออกไปราวกับเรือเล็กรีบพายเรือหนีจากเรือใหญ่ที่กำลังจมดิ่ง

เว่ยหยวนตี้และสองพี่น้องจานเองนั้นในตอนนี้ตกอยู่ในสภาพเดียวกับหลินไฮ่หวังและจิวเจียง แต่อย่างน้อยๆพวกเขาก็พอจะบอกได้ว่าเฉินเฉียงนั้นกำลังข้ามขั้น

“เด็กดี เขานั้นกล้าที่จะทะลวงขั้นในการศึกแบบนี้ได้นี่ สมแล้วที่เป็นทายาทของพี่เทียนเว่ยของข้า”

เว่ยหยวนตี้รู้สึกภูมิใจในตัวเฉินเฉียงพลางทุบอกตนเอง ก่อนที่จะมองไปยังหลินไฮ่หวังด้วยท่าทางอหังการ์

แต่ในตอนนี้หลินไฮ่หวังไม่ได้แยแสต่อท่าทีของเว่ยหยวนตี้แต่อย่างใด สายตาของเขาจ้องมองไปยังเฉินเฉียงอย่างตาไม่กะพริบ ด้วยท่าทางที่ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม