EP.236 ปราณควบคุมกระบี่

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

“ฮ่า!”

ทันทีที่ตู้ไห่คำราม รัศมีพลังก็เอ่อล้นพร้อมปราณยุทธ์มหาศาลพวยพุ่งออกมา เสียงหวีดแหลมดังจากดาบเล่มยาวขณะที่ปราณสีขาวขุ่นล้อมรอบใบดาบ นี่เป็นสัญลักษณ์ของขอบเขตนภาชั้นที่สาม…ควบแน่นวิญญาณสงคราม! ซึ่งเป็นจิตวิญญาณของปราณยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มพลังปราณอย่างมหาศาล และเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของขอบเขตนภาชั้นที่สาม

ดวงตาตู้ไห่เผยความดุร้ายขณะที่หัวเราะลั่น “เพลงดาบของข้าไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับเพลงดาบเก้าวายุของเฟิงจี้สิง ทว่าเพลงดาบตู้ไห่ล้วนแต่ใช้สังหารคนเท่านั้น! เข้ามา! ลิ้มรสกระบวนที่หนึ่งของข้าหน่อย…กองพันโกลาหล!”

ตู้ไห่กวาดดาบเป็นวงส่งพลังโจมตีรุนแรงออกมา!

หลินมู่อวี่รู้สึกได้ถึงพลังอย่างท่วมท้นในการโจมตีนี้ เขาจึงประมาทไม่ได้ หลินมู่อวี่เพิ่มปราณยุทธ์ขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็วพร้อมเรียกกระดองเต่าทมิฬ ปราการเกล็ดมังกร เกราะน้ำเต้าเขียว และเกราะปราณยุทธ์ล้อมรอบตัว จากนั้นก็ชักกระบี่วิญญาณมังกรและปลดปล่อยปราณยุทธ์อย่างบ้าคลั่งต้านพลังโจมตีของตู้ไห่!

‘เปรี้ยง!’

เสียงพลังปะทะกันดังกึกก้องขณะที่กระดองเต่าทมิฬแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมเกิดรอยร้าวบนปราการเกล็ดมังกร! ตามดังคาด…เกราะป้องกันไม่สามารถหยุดการโจมตีของตู้ไห่ได้!

‘ชิ้ง!’ เสียงใบดาบกระทบกันรุนแรงจนทำให้หลินมู่อวี่ถอยหลังไปหลายก้าว เขารีบทรงตัวทันทีและจ้องมองตู้ไห่ด้วยสีหน้าจริงจัง ขณะเดียวกันก็ฟื้นฟูกระดองเต่าทมิฬ ทว่าอาอวี่ฟื้นฟูไม่ทันเวลาก่อนตู้ไห่จะโจมตีครั้งที่สอง

“โอ้?!”

เมื่อเห็นว่าหลินมู่อวี่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากกระบวนท่าที่หนึ่ง ตู้ไห่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “หลินมู่อวี่จากสี่วีรบุรุษแห่งเมืองหลันเยี่ยนไม่เลวเลยนี่ ฮ่า! รับกระบวนท่าที่สองไปซะ…ระบำสงคราม!”

การเฉือนครั้งที่สองควบแน่นวิญญาณสงครามเป็นลำแสงสี่เส้น ทันใดนั้น! ดาบเล่มยาวก็ตกลงมาจากฟ้าเกิดลมพัดเทียนโดยรอบอย่างรวดเร็ว ทำให้ห้องโถงตกอยู่ในความมืด

ขณะเดียวกันกระบี่วิญญาณมังกรในมือพลันเปล่งแสงเป็นประกาย หลินมู่อวี่มิได้วางแผนรับมือไว้ และคงไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้

ทันใดนั้น! พลังเจ็ดประทีปพร้อมพลังปีศาจล้อมรอบใบดาบ หลินมู่อวี่ย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจะตวัดกระบี่ออกไป ซึ่งคล้ายคลึงกับท่า ‘พลังปีศาจกลืนกินสวรรค์’ ของเฟิงจี้สิง ความจริงแล้วหลินมู่อวี่แอบลักจำอย่างลับๆ

‘ตูม!’

ประกายไฟลุกโชนในอากาศ กระบี่วิญญาณมังกรมีความคมมาก จึงสลัดการโจมตีกระบวนท่าที่สองของตู้ไห่ไว้ได้

ทว่าหลินมู่อวี่มิได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์นัก แขนเขาชาและเลือดในตัวเดือดพล่าน ทันใดนั้นก็ล้มลงพื้นและไถลไปไกลกว่าสิบเมตรชนก้อนหินใหญ่อย่างรุนแรง ส่วนตู้ไห่ยังคงสงบนิ่งก่อนจะลอยลงมาที่พื้น ขณะที่ปราณยุทธ์ล้อมรอบใบดาบอย่างหนาแน่น เขามองหลินมู่อวี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ทว่าในใจตู้ไห่นั้นมิได้สงบเลย มีคลื่นปั่นป่วนรบกวนอยู่ภายใน เขาไม่รู้เลยว่ามีจอมยุทธ์หนุ่มเช่นนี้ปรากฏตัวในจักรวรรดิตั้งแต่เมื่อใด ซึ่งมีพลังยุทธ์ไม่ด้อยไปกว่าเฟิงจี้สิงและฉินเหลยเลย ไม่แปลกใจว่าเหตุใดเจ้าเด็กนี่จึงถูกจัดให้อยู่ระดับสองจากสี่แม่ทัพวาโย พิรุณ อสนี และอรุณ อีกทั้ง…เจ้าเด็กนี่ใช้วิญญาณยุทธ์น้ำเต้า นั่นมันวิญญาณยุทธ์อะไรกัน?

ในมุมมองของตู้ไห่ วิญญาณยุทธ์ประเภทพืชล้วนแต่เป็นเพียงขยะ วิญญาณยุทธ์ประเภทพืชที่แข็งแกร่งที่สุดคือเถาวัลย์มังกรสวรรค์ของตระกูลโอวหยางแห่งมณฑลเทียนชู่ ทว่าน้ำเต้าของเจ้าเด็กนี่มันคือสิ่งใดกันแน่!?

ทันใดนั้นความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปราณยุทธ์ของตู้ไห่ก็ถูกทำลาย

จากนั้นตู้ไห่พลันรู้สึกโกรธเกรี้ยว เขาตวัดใบดาบพร้อมวิญญาณสงครามทั้งห้าปรากฏขึ้นรอบกาย ก่อนจะหัวเราะลั่น “พลังยุทธ์ของแม่ทัพหลินช่างน่าตกตะลึง เข้ามา! ลองกระบวนท่าที่สามของชายเฒ่าผู้นี้หน่อย ทัพโกลาหลปลิดชีพ!”

‘วิ้ง!’

จู่ๆ ใบดาบของตู้ไห่เริ่มหมุนคว้าง เขาปล่อยดาบออกจากมือ ก่อนที่ปราณยุทธ์จะเชื่อมฝ่ามือกับศาสตราวุธทันใด นั่นคือปราณควบคุมกระบี่ในตำนานอย่างนั้นหรือ?!

หลินมู่อวี่ตกใจ ท่านี้เหมือนเกลียวเพลิงมังกรของเขา ซึ่งใช้พลังหมุนทะลวงการป้องกันของศัตรู การใช้กระบวนท่านี้…ตู้ไห่มีเจตนาฆ่าเขารึ?

ไม่ว่าอย่างไรหลินมู่อวี่ก็ตายไม่ได้เด็ดขาด!

หลินมู่อวี่พลันผายฝ่ามือปลดปล่อยเปลวเพลิงขณะที่โยนกระบี่ขึ้นบนอากาศเช่นเดียวกับทักษะของตู้ไห่ น้ำเต้าสีทองทอแสงประกายพร้อมไฟลุกโชติช่วง ขณะเดียวกันแสงดาวก็เริ่มมารวมกันรอบใบดาบ หลินมู่อวี่ต้องสู้อย่างเต็มที่…มิเช่นนั้นคงไม่คุ้มค่าที่จะตายด้วยคมดาบของตู้ไห่!

เกลียวเพลิงมังกรรวมกับสามประทีปทรกรรมชีวี!!

สองจอมยุทธ์ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาจนทำให้ห้องโถงสว่างไสวด้วยเปลวไฟและปราณยุทธ์ เกิดพายุปราณขนาดใหญ่พัดผ่านกระโจมอย่างบ้าคลั่ง ทหารด้านนอกที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ตกตะลึง

“พระเจ้า! เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นแม่ทัพใหญ่ต่อสู้อย่างจริงจังเช่นนี้!”

“เจ้าเด็กนามว่าหลินมู่อวี่ไม่ธรรมดาเลย…บังคับให้แม่ทัพใหญ่ใช้กระบวนท่าปราณควบคุมกระบี่ได้…”

“อืม…ข้าว่าเจ้าเด็กหลินมู่อวี่นั่นซวยแล้ว แม่ทัพใหญ่ต้องสับหัวเขาเป็นชิ้นๆ แน่!”

“อาจไม่เป็นเช่นนั้น รัศมีพลังของเจ้าเด็กนั่นไม่แพ้แม่ทัพใหญ่เลย…”

ขณะเดียวกันดาบของตู้ไห่ปะทะกับกระบี่ของหลินอย่างรุนแรง ‘เปรี้ยง!’ เกิดพลังหมุนอันทรงพลังปะทุขึ้นราวกับฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ทันใดนั้น! วิญญาณสงครามพุ่งเข้ากระแทกชุดเกราะหลินมู่อวี่อย่างบ้าคลั่ง!

‘อั่ก…’

หลินมู่อวี่กระอักเลือดออกมาขณะที่ลอยกระแทกเสาหินพร้อมกระบี่ก่อนจะล้มลง เขาคุกเข่าข้างหนึ่งด้วยความอัปยศ

ตู้ไห่ยืนอยู่ที่เดิมก่อนที่ดาบของเขาจะตกลงบนพื้นเบื้องหน้า พลังหมุนที่เกิดจากทั้งสองทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมทำลายหลังคาห้องโถง จนมีเศษหินก้อนใหญ่ตกลงมาก่อนจะกระเด้งออกจากเกราะปราณยุทธ์ของตู้ไห่

“แม่ง…ไอ้เด็กเหลือขอนี่…”

ใบหน้าตู้ไห่ซีดลงเล็กน้อย จริงอยู่ว่าการโจมตีของเขาสามารถกระแทกหลินมู่อวี่ลอยไป ทว่าตู้ไห่เองก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะจับดาบ ตู้ไห่ท้าทายหลินมู่อวี่ขณะที่ตนอยู่ระดับที่สูงกว่า…และดูเหมือนจะกลายเป็นเขาเองที่พ่ายแพ้

‘ฮึ้บ!’

ตู้ไห่คว้าดาบขณะที่บังคับกลืนเลือดในคอลงไป ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่ทัพหลินเป็นอะไรมากไหม?”

หลินมู่อวี่มีพลังฟื้นฟูของน้ำเต้า ด้วยวิญญาณยุทธ์ที่รักษาเขาตลอดเวลาจึงทำให้บาดแผลไม่สาหัสมาก หลินมู่อวี่ลุกขึ้นพร้อมถือกระบี่ ก่อนจะประสานมือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณแม่ทัพใหญ่ที่เมตตา ข้าแพ้แล้วขอรับ”

หลินมู่อวี่ถ่อมตัวจนทำให้ตู้ไห่ละอายใจเล็กน้อย ทว่าก็ยังรักษาภาพลักษณ์แม่ทัพใหญ่ไว้ เขาเดินไปตบไหล่หลินมู่อวี่พร้อมกล่าว “มีจอมยุทธ์หนุ่มไม่เกินสามคนเท่านั้นที่มีพลังยุทธ์ทรงพลังเช่นแม่ทัพหลิน จงฝึกฝนต่อไปแล้วกลายเป็นแม่ทัพชื่อเสียงเกรียงไกรแห่งยุคนี้!”

หลินมู่อวี่พยักหน้าอย่างนอบน้อม “แม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยมีอาการบาดเจ็บภายในเล็กน้อย จำเป็นต้องกลับไปพักผ่อนขอรับ”

“อืม! ทหาร! พาแม่ทัพหลินไปพักผ่อนซะ!”

หลังจบการประลอง หลินมู่อวี่ได้สร้างความประทับใจแก่ตู้ไห่มากขึ้น ซึ่งมันคุ้มค่าเป็นอย่างมาก

กลางคืนผันผ่าน ดวงอาทิตย์สาดแสงเริ่มวันใหม่ หลินมู่อวี่ฟื้นฟูจนกลับสู่สภาพสมบูรณ์ บาดแผลได้รับการรักษา และพละกำลังก็เพิ่มมากขึ้นกว่าก่อนจะต่อสู้กับตู้ไห่ สำหรับจอมยุทธ์…บางครั้งการฝึกฝนในสถานการณ์แห่งความเป็นความก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งได้

ลมและหิมะสงบลงแล้ว กองทัพทั้งสองหมื่นนายต่างก็เตรียมพร้อม ซึ่งมีทหารม้าห้าพันนาย และทหารราบหนึ่งหมื่นห้าพันนาย จึงทำให้การเดินทัพมิสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาอาจถึงมณฑลชางหนานภายในครึ่งเดือน สิ่งนี้ทำให้หลินมู่อวี่กังวล ดูเหมือนว่าต้องแบ่งกองทหารโดยการนำทหารม้าไปก่อน แล้วทหารราบค่อยตามมาสมทบ

“ท่านแม่ทัพ นี่คือตราพยัคฆ์ ได้โปรดดูแลมันด้วยขอรับ”

นายพลด้านข้างมอบตราพยัคฆ์สีทองจางๆ ให้หลินมู่อวี่ สิทธิ์ในการบัญชาการกองทัพสองหมื่นนายขึ้นอยู่กับตราพยัคฆ์อันเล็กจิ๋วนี่หรือ…ช่างน่าขันเสียจริง

หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ ก่อนจะกวาดตามองกองทัพ เป็นไปตามที่เว่ยโฉวพูด…อย่างน้อยสามสิบเปอร์เซ็นต์เป็นทหารเก่า อีกสามสิบเปอร์เซ็นเป็นทหารเกณฑ์ใหม่ ส่วนสี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือเหล่ายอดฝีมือ ทว่าหลินมู่อวี่มิได้สนใจมากนัก

ขณะเดียวกันก็มีนายพลผู้มีดาวสองดวงที่ปกเสื้อและเสื้อคลุมสีดำควบม้าเข้ามา ซึ่งเป็นชายอายุราวสามสิบปี รูปคิ้วแหลมคมเหนือดวงตาที่เปล่งประกาย เขาพลันกล่าวอย่างเข้าเคารพ “แม่ทัพหลิน ข้าน้อยนามว่าเฉินหยาง ข้าไต่เต้าขึ้นมาทีขั้นในกองทัพทะลวงนภาจนได้เป็นผู้บัญชาการกองพัน ข้ามาเพื่อรับใช้ท่านขอรับ”

ชายผู้นี้ถูกส่งมาโดยตู้ไห่ ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงประสานมือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านเฉินคงพยายามอย่างหนักเพื่อตำแหน่งนี้ ข้าขอชื่นชม”

“ขอบคุณท่านแม่ทัพ!”

หลินมู่อวี่ใช้ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจสอบพลังของเฉินหยาง สหายผู้นี้อยู่ขอบเขตมนุษย์ชั้นที่สอง ซึ่งแทบไม่แตกต่างจากคนธรรมดา ดูเหมือนว่าเขาจะใช้สติปัญญาเพื่อไต่เต้าขึ้นมา

“ท่านแม่ทัพ เราจะเคลื่อนทัพเมื่อไหร่ขอรับ?” เฉินหยางเอ่ยถามอย่างเคารพ

หลินมู่อวี่ตอบ “เราเคลื่อนทัพได้ทุกเมื่อ ทหารม้าทั้งห้าพันนายจะมุ่งหน้าไปจุดหมายในห้าวัน ขณะที่ทหารราบหนึ่งหมื่นห้าพันนายจะตามมาทีหลัง ท่านเฉินคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?”

เฉินหยางตกใจ “ท่านแม่ทัพต้องการแยกกองทหารออกจากกันหรือ?”

“อืม มิเช่นนั้นเราคงช้ากว่ากำหนดการหกสิบวัน”

“ก็ดีเหมือนกันขอรับ…เช่นนั้นท่านหลินนำทัพทหารม้าไป ส่วนข้าน้อยจะเป็นผู้นำทหารราบเอง แล้วเราจะรวมพลกันที่ใด?”

“เมืองหยินซาน”

“ขอรับ!”

เมืองหยินซานเป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนเหนือของมณฑลชางหนาน และยังเป็นเมืองที่ใกล้กับศูนย์บัญชาการสำนักอัศวินแห่งมณฑลชางหนานอีกด้วย การเลือกเมืองหยินซานเป็นจุดรวมพลของกองทหารทั้งสองหมื่นนายนั้นเป็นตัวเลือกที่ไม่ผิดอย่างแน่นอน

เวลาเช้าตรู่มีเสียงเท้าม้าดังขึ้น หลินมู่อวี่นำทัพทหารม้าห้าพันนายออกจากเมืองหน้าด่านชีไห่ ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

เฉินหยางเป็นผู้นำทัพทหารราบด้านหลัง เขามองขึ้นไปที่ชั้นสองของห้องโถงซึ่งมีตู้ไห่ยืนมองด้วยแววตาที่เปล่งประกาย

“ท่านแม่ทัพใหญ่วางใจเถิด!”

เฉินหยางประสานมือกล่าวทั้งรอยยิ้ม “ข้าน้อยผู้นี้จะนำพวกเขากลับมาอย่างแน่นอน!”

ริมฝีปากตู้ไห่ยกขึ้น “คงต้องลำบากนายพลแล้ว!”

……………………