ตอนที่ 405 ฟังบรรยายในชั้นเรียน โดย ProjectZyphon
“ใช้เวลาไปเท่าไหร่”
“หนึ่งในสี่เค่อ”
“นี่…”
ในบริเวณที่ห่างออกไป เหล่าอาจารย์เห็นรอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปรที่หลินสวินพลิกมือกลับไปวาดเสร็จในครั้งเดียวโดยไม่หันกลับไปมอง แม้ยังดูอะไรไม่ออกในทันที แต่พอรู้ว่าหลินสวินใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเค่อวาดรอยสลักวิญญาณอันซับซ้อนนี้ขึ้นมาก็ตะลึงไปตามๆ กัน
พวกเขายังไม่สามารถทำได้ขนาดนั้นภายในเวลาอันสั้นแบบนี้!
บางทีความไวก็เป็นการยืนยันความสามารถของนักสลักวิญญาณคนหนึ่งอย่างอ้อมๆ ได้เช่นกัน คนที่วิปริตเช่นหลินสวิน แม้ไม่ได้มีคนเดียวบนโลก แต่ก็มีน้อยมาก!
อย่างน้อยในสาขาสลักวิญญาณนี้ก็มีแค่ไม่กี่คนที่ทำได้ขนาดนี้
ตอนที่เดินออกจากห้องเรียนผ่านเหล่าอาจารย์ที่สีหน้าแปลกแปร่งพวกนี้ หลินสวินพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มแล้วเดินตรงออกไป
เขาได้ยินเสียงทางนี้ตั้งแต่ตอนสอนแล้ว และได้ยินสิ่งที่เสิ่นทั่วและฟางจงเจียนถกเถียงกัน
แต่หลินสวินไม่มีกะจิตกะใจถือสาฟางจงเจียน
ไม่ใช่เพราะหลินสวินกลายเป็นคนใจกว้าง แต่เขารู้สึกว่าถ้าตัวเองไปถือสานักสลักวิญญาณชั้นสูงคนหนึ่ง ก็เห็นจะว่างเกินไป…
ก็เหมือนกับเหยี่ยวนกเขาท้องขาวที่ท่องทะยานเหนือน่านฟ้า มีหรือจะสนใจคำเย้ยหยันของนกกระจอก
ดังนั้นหลินสวินจึงเดินออกไปอย่างสง่า
ชั้นเรียนแรกของเขาผ่านไปอย่างราบรื่น ไม่เพียงทำลายล้างความเย่อหยิ่งของศิษย์หัวโจกเหล่านั้นอย่างไม่ปรานี ยังใช้ความสามารถที่แท้จริงทำให้เหล่าศิษย์เลื่อมใสอย่างสุดจิตสุดใจ
เชื่อว่าชั้นเรียนต่อๆ ไปจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแน่นอน
นี่ก็คือการตบก่อนหนึ่งฝ่ามือแล้วค่อยให้กินผลไม้หวาน ก่อนหน้านี้ถ้าหลินสวินไม่ใช้ไม้แข็งข่มขวัญศิษย์เหล่านั้น ชั้นเรียนแรกคงไม่ต้องเรียนกันแล้ว!
ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริง คนที่ขายหน้าก็คือเขา
……
ภายในห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้ายังคงเงียบสงัด
รอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปรที่ประทับอยู่บนกระดานดำราวกับมีมนต์สะกด ดึงดูดจิตใจของพวกเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น
พวกเขาไม่ตะลึงแล้ว แต่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการเรียนรู้และหยั่งถึง สีหน้าจึงดูใคร่ครวญไม่มากก็น้อย
แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้องเรียน บรรยากาศเงียบสงบและเคร่งขรึม
ภายใต้การนำของเสิ่นทั่ว กลุ่มอาจารย์เดินตามกันเข้าไปในห้องเรียน พอเข้าไปถึงสายตาก็จ้องไปที่กระดานดำทันที
หลังจากนั้นอาจารย์ที่คร่ำหวอดอยู่ในศาสตร์การสลักวิญญาณมาไม่รู้กี่ปีอย่างพวกเขาต่างนัยน์ตาหดรัด ความตื่นตะลึงพลุ่งพล่านขึ้นในใจ
สมบูรณ์แบบ!
รอยสลักวิญญาณนี้ได้มาตรฐานอย่างไม่มีที่ติ แม้ไม่ได้เขียนด้วยหมึกวิญญาณ แต่ทุกลายเส้นของรอยสลักวิญญาณราวกับมีชีวิต เปี่ยมไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่!
ยากจะจินตนาการว่านี่คือรอยสลักวิญญาณที่หลินสวินวาดออกมาลวกๆ
ในรอยสลักวิญญาณเต็มไปด้วยความเก่าแก่ ลึกล้ำ หนาแน่น ความนัยอันยิ่งใหญ่ดุจเทือกเขายาว กว้างใหญ่ดั่งผืนมหาสมุทรพาให้หัวใจของพวกเสิ่นทั่วสั่นสะท้าน
ไม่นานห้องเรียนอื่นๆ ในตึกระดับ ค. ก็ทยอยกันเลิกเรียน เด็กหนุ่มสาวเปี่ยมชีวิตชีวาทยอยเดินออกจากห้องเรียน
พวกเขาสวมชุดคลุมสีขาว ท่าทางดูร่าเริงมีพลัง เต็มไปด้วยบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มสาว
“ไป ไปดูห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้ากัน! ”
“ข้ารอแทบไม่ไหวแล้ว ได้ข่าวว่าวันนี้หลินสวินมาสอน ฮู้ว เขาเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่ข้าชื่นชอบที่สุด อายุแค่นั้นก็มีความสามารถขนาดนั้นแล้ว ช่างเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ…”
“น่าเสียดาย ได้ยินว่ามีแม่นางสวยๆ มากมายในสาขาสลักวิญญาณหมายปองหลินสวินอยู่ เจ้าก็เลิกหวังเถอะ”
“หึ ข้าไม่เหมือนนางมารชั้นต่ำพวกนั้นสักหน่อย ข้าเป็นที่นิยมในสาขาสลักวิญญาณ เชื่อว่าต้องดึงดูดความสนใจจากปรมาจารย์หลินสวินได้อย่างแน่นอน”
“เจ้า? เหอะๆ ข้าว่าคนนิยมวิ่งหนีเสียมากกว่า”
เหล่าหนุ่มสาวถกเถียงเสียงเบา แต่เป้าหมายกลับเหมือนกัน คือมุ่งไปทางห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้าโดยไม่ได้นัดหมาย สีหน้าล้วนแฝงความตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็น
ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนได้ยินมาว่า เด็กหนุ่มหลินสวิน ปรมาจารย์สลักวิญญาณที่ทำให้เกิด ‘เสียงร้องเก้ามังกร’ จะมาสอนที่สาขาสลักวิญญาณวันนี้
ด้วยเหตุนี้จึงรีบมุ่งไปที่ห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้าเพื่อชื่นชมความสง่าของหลินสวินทันทีที่เลิกเรียน
ตอนที่หนุ่มสาวเหล่านี้ไปถึงกลับต้องผิดหวัง เพราะหลินสวินกลับไปตั้งนานแล้ว เหลือเพียงเหล่าศิษย์ที่จ้องกระดานดำอย่างขบคิดราวกับต้องมนต์สะกด
เสิ่นทั่วและเหล่าเหล่าอาจารย์ก็อยู่ด้วย แต่พอเห็นศิษย์คนอื่นๆ อย่างพวกเขาก็หันหลังเดินออกไปอย่างรู้ตัว
บนกระดานดำนั่นมีอะไร?
เหล่าหนุ่มสาวแปลกใจ พอกวาดสายตามองไปก็ถูกรอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปรอันสมบูรณ์แบบและทรงพลังดึงดูดไปด้วย สีหน้าพลันแตกต่างกันไป
ศิษย์ที่เข้ามาล้อมอยู่หน้าห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้ามากขึ้นเรื่อยๆ
เสิ่นทั่วเห็นภาพนี้แล้วสลดใจอย่างห้ามไม่อยู่ อดพูดกับฟางจงเจียนไม่ได้ “เจ้าดูสิ นี่คือเสน่ห์ของหลินสวิน”
ฟางจงเจียนใบหน้าอึมครึม เงียบไม่พูดจา
“ต่อไปอย่าทำเรื่องพวกนี้อีก”
เสิ่นทั่วถอนหายใจเบาๆ มีหรือที่เขาจะไม่รู้ เมื่อเทียบกับภาพนี้ก็รู้แล้วว่า กลุ่มศิษย์ที่จงใจเย้ยหยันหลินสวินก่อนหน้านี้ ต้องถูกฟางจงเจียนยุยงอย่างแน่นอน
มิเช่นนั้นศิษย์เหล่านั้นคงเหมือนศิษย์ห้องอื่นๆ ที่มีแต่ความอยากรู้อยากเห็นและเคารพนับถือต่อหลินสวิน ไม่ใช่เกิดความขัดแย้งและท้าทายทันทีที่เจอกัน
และตอนนี้ศิษย์ในห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้า ก็ได้สติกลับมาเพราะเสียงจากนอกห้องเรียน พอเห็นผู้คนมากมายขนาดนั้นก็อดตกใจไม่ได้
พอรู้ว่าพวกเขามาเพราะเลื่อมใสในชื่อเสียง เพียงเพราะอยากชื่นชมความสง่างามของหลินสวิน ศิษย์เหล่านั้นก็เกิดความภาคภูมิใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ
หลินสวินเป็นอาจารย์ของพวกเขาห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้าเชียวนะ!
……
ครั้งแรกที่มาสำนักศึกษามฤคมรกตอันเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจของผู้ฝึกปราณ สำหรับคนส่วนใหญ่อาจจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก
แต่หลินสวินไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก และไม่มีกะจิตกะใจจะออกจากสาขาสลักวิญญาณไปเดินเล่นที่อื่น แต่ตรงกลับที่พักของตัวเองทันที
หน้าโต๊ะหนังสือ
หลินสวินหยิบกระดาษพู่กันขึ้นมาเขียนอย่างขะมักเขม้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานบนกระดาษสิบกว่าแผ่นก็เต็มไปด้วยตัวหนังสือ
เมื่ออ่านดูอย่างละเอียดจะพบว่า เนื้อหาบนนั้นกล่าวถึงความสามารถด้านการสลักวิญญาณ จุดเด่นจุดด้อยในการสลักวิญญาณ รวมทั้งความรู้และวิธีที่ใช้กับศิษย์แต่ละคนในห้องระดับ ค. ห้องเก้า
ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็ต้องมีระบบระเบียบ
ตอนเด็กหลินสวินเรียนกับท่านลู่ ก็มักจะถูกท่านลู่ฝึกฝนด้วยวิธีนี้ ให้เพียงคำชี้แนะเป็นรูปธรรมและตรงจุด ที่เหลือต้องไปศึกษาและฝึกฝนเอง
และวันนี้หลินสวินเพียงใช้วิธีแบบเดียวกันกับศิษย์แต่ละคนในห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้า
รับเงินมาแล้วก็ต้องทำงานอย่างเต็มที่
ในเมื่อเป็นอาจารย์ในสาขาสลักวิญญาณ แน่นอนว่าหลินสวิสจะไม่ทำลวกๆ นี่คือการสร้างมาตรฐานให้กับตัวเองอย่างหนึ่ง
อีกอย่างถ้าทำการสอนได้ดี ผลการทดสอบของศิษย์ยิ่งโดดเด่นเท่าไหร่ อาจารย์อย่างเขาก็ยิ่งได้รับคะแนนสะสมจากสำนักศึกษามากขึ้นเท่านั้น
ก็เหมือนกับป้ายประจำตัวของเขาในตอนนี้ ที่มีเพียงคะแนนแรกเริ่มหนึ่งร้อยคะแนน
แม้ไม่รู้มูลค่าที่แน่ชัดของคะแนนพวกนี้ แต่ในเมื่อเป็นเงินตราของสำนักศึกษามฤคมรกต มูลค่าของคะแนนสะสมย่อมไม่สามารถดูถูกได้
จวบจนกระทั่งช่วงหัวค่ำ
หลินสวินจึงวางพู่กัน บนโต๊ะมีกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือปึกใหญ่กองอยู่
พวกนี้คือเนื้อหาในการสอนต่อจากนี้อีกระยะหนึ่ง ล้วนเกี่ยวข้องกับการสลักวิญญาณ ด้วยคำนึงถึงศิษย์เหล่านั้นซึ่งยังเป็นเพียงนักสลักวิญญาณชั้นต้น ตอนที่เขียนบทเรียนเหล่านี้หลินสวินจึงใช้เวลาและลงแรงไปไม่น้อย
เขารวมกระดาษพวกนี้เป็นเล่มเดียวกัน หลินสวินใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนทำเครื่องหมายบนหน้าปกว่า ‘บันทึกการสอน’
หลินสวินไม่รู้เลยว่า ในอนาคต ‘บันทึกการสอน’ เล่นนี้จะถูกสำนักศึกษามฤคมรกตเก็บไว้เป็นตำราการสอน ทั้งยังส่งอิทธิพลต่อจักรวรรดิอย่างกว้างขวาง เป็นที่ร่ำลือไปทั่วหล้า ถูกยกย่องว่าเป็นตำราที่นักสลักวิญญาณชั้นต้นทุกคนต้องเรียนโดยไม่มีอะไรแทนที่ได้
แน่นอนว่า นี่เป็นเรื่องของอนาคต
……
เช้าวันถัดมา
หลินสวินตื่นจากสมาธิ ลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่าง นอกหน้าต่างมีนกกระเรียนขาวตัวหนึ่งกำลังยืนก้มหัวจัดขนขาวสะอาดของมันบนกิ่งไม้โบราณ
เห็นหลินสวินกวาดสายตามองมา กระเรียนขาวตัวนั้นก็ไม่กลัว กลับส่งสายตาหยิ่งผยองให้หลินสวินแล้วกระพือปีกเหินฟ้าไป ทิ้งเสียงร้องชัดเจนถนัดหูเอาไว้
ในบริเวณไกลออกไปแสงอรุณอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่อง สายลมพัดโชย หมอกกระจายไปทั่วทุ่งหญ้า เสียงระฆังดังขึ้น เห็นกลุ่มศิษย์สองคนบ้างสามคนบ้างเดินเกาะกลุ่มกันเป็นระยะ ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา
หลินสวินมองทุกอย่างเงียบๆ ในใจพลันตระหนักได้ว่า หากไม่ใช่เพราะอุปสรรคที่เข้ามาในชีวิต ไม่ต้องแบกรับภาระของตระกูล บางทีเขาก็น่าจะสามารถสนุกกับชีวิตที่สงบสุขและไร้กังวลในช่วงวัยนี้เช่นกันกระมัง
หลินสวินส่ายหน้า หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ฝึกฝน ‘เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์’ รอบหนึ่ง ก่อนจะหยิบบันทึกการสอนที่เตรียมไว้และข้อมูลที่เขียนขึ้นสำหรับศิษย์แต่ละคนเดินไปที่ห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้า
สิ่งที่หลินสวินแปลกใจคือ ตอนที่ไปถึงห้องระดับ ค. ห้องเก้า มีหนุ่มสาวมากมายมาล้อมกันอยู่ อีกทั้งยังไม่ใช่ศิษย์ของห้องนี้ด้วย
พอเห็นหลินสวิน หนุ่มสาวพวกนั้นก็ตาเป็นประกาย ส่งเสียงร้องดีใจ
“อาจารย์หลินสวินมาแล้ว!”
“ในที่สุดก็ได้เจอตัวจริง เด็กมากเลย”
“ว๊าย หล่อมาก แบบที่ข้าชอบเลย”
“เชอะ คิดตื้นๆ ข้ารำคาญพวกที่มองคนจากภายนอกอย่างพวกเจ้าที่สุด แน่นอนว่าข้าเองก็ยอมรับว่าอาจารย์หลินสวินหล่อมากจริงๆ ดูนุ่มนิ่มน่าอร่อย แฮะๆๆ”
ศิษย์เหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์กันจ้อกแจ้ก สายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและตื่นเต้น หญิงสาวหลายคนถึงกับยิ้มเคลิ้ม
หลินสวินอึ้งงันไปชั่วขณะ
โชคดีที่ในขณะนั้นเด็กหนุ่มตัวอ้วนหูกางได้เดินเข้ามาตะคอกเสียงดัง “หลีกๆ อย่าขวางทางสิ อาจารย์เสี่ยวหลินเป็นของห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้า ขัดขวางการเรียนของเรา พวกเจ้าถือว่ามีความผิดนะ!”
พูดจบเขาก็หันมองหลินสวินอย่างประจบ “อาจารย์เสี่ยวหลินเชิญขอรับ เพื่อนๆ ร่วมชั้นกำลังรอเรียนกับท่านอยู่”
อาจารย์เสี่ยวหลิน…
หลินสวินอึ้งไป พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ถามว่าใครเป็นคนตั้งชื่อนี้ เดินเข้าห้องไปโดยมีหลิวฮุยคอยคุมเชิงให้
สิ่งที่ทำหลินสวินตะลึงคือ ศิษย์ห้องอื่นๆ กลับไม่ไปไหน ยืนอยู่ตรงหน้าต่างทำทีเหมือนจะอยู่ฟังหลินสวินสอนที่นี่
——