ฝีมือของฉียวี่ชูนั้นยอดเยี่ยม การเคลื่อนไหวเฉียบแหลมและรวดเร็ว ทั้งยังต่อเนื่องเหมือนสายธาร มองจนตาลาย
“ซูฉิง เห็นชัดแล้วใช่ไหม?” ฉียวี่ชูจงใจชะลอตัวลงและเชยตามองซูฉิง
“ค่ะ” ซูฉิงพยักหน้าและแอบจดเทคนิคของฉียวี่ชูไว้ในใจ
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉียวี่ชูก็ดึงเข็มเงินบนหน้าอกของท่านผู้เฒ่าฮ่อออกทีละเล่ม ก่อนจะใส่กลับเข้าไปในกล่องยา
“คุณอาฉี ได้แล้วเหรอคะ?” ซูฉิงยังคงหมกมุ่นอยู่กับเทคนิคการฝังเข็มอันยอดเยี่ยมของฉียวี่ชูอยู่
“ใช่แล้วล่ะ” ฉียวี่ชูพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันหลังไปเปิดประตูห้อง
ฮ่อหยุนเฉิงที่รออยู่นอกประตูเห็นว่าในที่สุดประตูห้องก็เปิดออก ขายาวก็เดินมาที่เตียงอย่างแทบทดไม่ไหว ก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง “คุณปู่ผมเป็นไงบ้างครับ?”
“อาการของท่านผู้เฒ่าฮ่อสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการฝังเข็ม” ฉียวี่ชูกล่าวอย่างราบเรียบ “เมื่อกี้ฉันฝังเข็มให้เขาแล้ว”
“แล้วทำไมเขายังไม่ตอบเลย คุณเป็นหมอต้มตุ๋นที่พยายามจงใจแบล็กเมล์เงินหรือไง?” แม่ฮ่อถาม ก่อนจะมองลงไปที่ท่านผู้เฒ่าฮ่อที่ยังคงหมดสติอยู่บนเตียง
ทันทีที่สิ้นเสียง มุมของริมฝีปากของซูฉิงก็ยกขึ้นอย่างประชดประชัน “ทำไมจะไม่ตอบสนองล่ะคะ ไม่เห็นว่าสีหน้าคุณปู่ฮ่อดูดีขึ้นหรือไงคะ?”
ฮ่อหยุนเฉิงก้มมอง และใช่ สีหน้าของท่านผู้เฒ่าฮ่อดูไม่ซีดเหมือนเมื่อก่อน ทั้งยังอมชมพูดนิดๆ ด้วย
ดูท่าว่าอาการของคุณปู่จะดีขึ้นมาก
ใบหน้าที่ตึงเครียดของฮ่อหยุนเฉิงมาตลอดได้คลายลง และในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยขอบคุณ ทันใดนั้นก็เห็นนิ้วของท่านผู้ดฒ่าฮ่อขยับ
“คุณปู่ คุณปู่ครับ!” ฮ่อหยุนเฉิงดีใจมากและรีบจับมือท่านผู้ดฒ่าฮ่ออย่างรวดเร็ว
ฉียวี่ชูที่อยู่ข้างๆ พูดเสียงเรียบ “เขาคงไม่ตื่นเร็วขนาดนั้นหรอก อาการของท่านฮ่อยังต้องฝังเข็มอย่างน้อยสามครั้งจึงจะฟื้น ฉันเพิ่งทำไปครั้งเดียวเอง”
“งั้นรบกวนอาจารย์ฉีช่วยฝังเข็มให้ปู่ผมเร็วที่สุดเลยนะครับ” ฮ่อหยุนเฉิงกล่าวอย่างกระตือรือร้น
เขาเฝ้ารอท่านผู้ดฒ่าฮ่อตื่นมาเป็นเวลานาน และในที่สุดเขาก็มีความหวังแล้ว
ฉียวี่ชูเลิกคิ้วขึ้น “เรื่องนี้ไม่สามารถรีบเร่งได้ การฝังเข็มทุกครั้งจะต้องห่างกันสามวัน ไม่อย่างนั้น ชีวิตของคนไข้จะตกอยู่ในอันตรายได้”
“อย่างนั้นเองเหรอครับ…” ฮ่อหยุนเฉิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง กว่าคุณปู่จะฟื้นก็คงใช้เวลาอย่างน้อยสิบวัน
แต่ถ้าเทียนกับก่อนหน้านี้ สถานการณ์ตอนนี้ก็ดีขึ้นมาแล้ว
อย่างน้อยคุณปู่ก็ค่อยๆ ดีขึ้น และฝังเข็มอีกสามครั้งก็จะฟื้นแล้ว
เมื่อคิดได้อย่างนั้น น้ำเสียงของฮ่อหยุนเฉิงก็ผ่อนคลายลงอย่างหาได้ยาก “อาจารย์ฉีครับ ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณช่วยอยู่ที่นี่อีกหน่อย เดี๋ยวคุณปู่ฟื้น…”
ฮ่อหยุนเฉิงยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกฉียวี่ชูขัดจังหวะ “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว”
“อะไรนะครับ?” ฮ่อหยุนเฉิงตกใจ “ถ้าอย่างนั้นปู่ผม…”
“ฝังเข็มส่วนที่เหลือ ส่งต่อให้ซูฉิงก็ได้แล้ว” ดวงตาของฉียวี่ชูจับจ้องไปที่ซูฉิง
“ซูฉิง??? เธอจะทำได้งั้นเหรอ!” แม่ฮ่อกระโดดออกมาและพยายามคัดค้านอย่างเต็มที่
ซูฉิงยิ้มอย่างเย็นชา “ฉันทำไม่ได้ แล้วคุณทำได้งั้นเหรอคะ?”
สีหน้าของแม่ฮ่อเปลี่ยนไป
ซูฉิงกล่าวต่อ “เมื่อกี้ไม่ได้สงสัยในฝีมือของคุณอาฉีเหรอคะ? นี่ก็พิสูจน์แล้วว่าคุณอาฉีมีฝีมือมากและสามารถรักษาคุณปู่ฮ่อได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วย”
“เขาทำได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอทำได้!” ฮ่อเฉียนก้าวไปข้างหน้าก่อนจะกรอกตาใส่ “เธอรู้ทักษะทางการแพทย์หรือไง ฉันคิดว่าเธอต้องจงใจสร้างภาพต่อหน้าพี่ฉันใช่ไหมล่ะ?”
ฉียวี่ชูขมวดคิ้ว “ซูฉิง ฉันไปก่อนนะ”
คนในตระกูลฮ่อช่างวุ่นวาย เขาไม่อยากอยู่ทนรองรับอารมณ์อีกต่อไป
ฉียวี่ชูหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวฉันไปส่งนะคะคุณอาฉี” ซูฉิงรีบตามไป
ฉียวี่ชูชะงักฝีเท้าก่อนจะมองซูฉิงอย่างมีความหมาย “ไม่ต้องไปส่งหรอกซูฉิง เธอดูแลตัวเองด้วยนะ”
หลังจากพูดจบเขาก็จากไปโดยไม่หันกลับมาอีก
ซูฉิงรู้นิสัยฉียวี่ชูดี พูดคำไหนคำนั้น เธอมองตามแผ่นหลังอีกคนจากไปก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะอาการของคุณปู่ฮ่อ เธอคงไม่ยอมให้คุณอาฉีมาเจอกับบ้านตระกูลฮ่อ และถูกแม่ฮ่อสบประมาทแบบนี้หรอก
ซูฉิงที่กำลังตกตะลึงก็มีเสียงแหบห้าวของฮ่อหยุนเฉิงดังขึ้นจากด้านหลัง “ซูฉิง อาจารย์ฉีเขาไปจริงเหรอ?”
ซูฉิงหันมองและพูดด้วยท่าทางสงบ “ใช่ คุณอาฉีไปแล้ว แต่ไม่ต้องกังวล ฉันจะรักษาคุณปู่ฮ่อเอง”
เพราถึงยังไงอาการของคุณปู่ฮ่อก็เกิดจากเธอ เธอจะพยายามอย่างเต็มที่
“อีกสามวันฉันจะมาตรงเวลาและฝังเข็มให้คุณปู่ฮ่อ” ซูฉิงเหลือบมองถังรั่วอิงที่คอยตามหลังฮ่อหยุนเฉิงก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “ตอนนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อน”
“ฉันจะไปส่ง” ฮ่อหยุนเฉิงโพล่งออกมาโดยไม่ได้คิด
“นายไม่จำเป็นต้องไปส่ง” ซูฉิงขมวดคิ้ว และหลังจากพูดเสียงเรียบ เธอก็หันหลังเดินไปที่ลิฟต์
ฮ่อหยุนเฉิงที่อยากตามไปกลับถูกถังรั่วอิงรั้งเอาไว้ “พี่เฉิง ฉันก็อยากกลับแล้ว พี่ไปส่งฉันได้ไหม?”
ซูฉิงเดินไปถึงประตูก็มีรถเบนท์ลีย์สีดำจอดอยู่ตรงหน้าเธออย่างพอดิบพอดี
เป็นรถของเฉินจุนเหยียน
ประตูเปิดออก เฉินจุนเหยียนลงจากรถอย่างเป็นสุภาพบุรุษ พยักหน้าเล็กน้อยและทำท่าทางเชิญชวน “ขึ้นรถสิซูฉิง ฉันจะไปส่งเธอเอง”
ซูฉิงที่เหนื่อยมากจากการวิ่งวุ่นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
“ขอบคุณ” เธอยิ้มแล้วเข้าไปนั่งข้างคนขับ
“ยวี๋น่าล่ะ?” ซูฉิงหันไปถาม
เฉินจุนเหยียนเอื้อมมือออกไปช่วยซูฉิงรัดเข็มขัดนิรภัย “เธอกลับโรงแรมไปก่อนแล้วล่ะ”
“อืม” ซูฉิงตอบเบาๆ
ทันทีที่เฉินจุนเหยียนเหยียบคันเร่ง รถยนต์ก็ขับไปทางเฉิงตงฮวาหยวน
เมื่อฮ่อหยุนเฉิงเดินมาถึงประตูก็เห็นฉากที่ซูฉิงเข้าไปในรถของเฉินจุนเหยียนด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของเขานิ่งขรึมทันที
ถังรั่วอิงเดิมตามมา “พี่เฉิง พี่มองอะไรอยู่เหรอ?”
“ไม่มีอะไร” ฮ่อหยุนเฉิงละสายตา ริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่นจนเป็นเส้น ทั้งยังยแสดงความไม่พอใจอย่างมาก
“นั่นไม่ใช่เฉินจุนเหยียนกับซูฉิงเหรอ?” เมื่อเห็นใบหน้าฮ่อหยุนเฉิงดูไม่ดี ถังรั่วอิงก็พูดใส่ไฟ “ดูท่าว่าข่าวซุบซิบบนอินเทอร์เน็ตจะเป็นความจริงที่ว่าซูฉิงอาศัยอยู่กับเฉินจุนเหยียนใช่ไหมล่ะ?”
“ถังถัง ไม่ใช่ว่าเหนื่อยแล้วอยากกลับบ้าน?” ฮ่อหยุนเฉิงขัดจังหวะถังรั่วอิงอย่างไม่สบอารมณ์
“อื้ม” ถังรั่วอิงมองอีกคนอย่างเสน่หา “พี่เฉิงไปส่งฉันได้ไหม?”
“ฉันยังมีธุระ ฉันจะให้คนขับรถไปส่งแล้วกัน” ฮ่อหยุนเฉิงพูดอย่างเย็นชา
หัวใจของถังรั่วอิงกระตุก “พี่เฉิง พี่มีธุระอะไรเหรอ ฉันจะไปเป็นเพื่อน…”
“ไม่ต้อง ถังถัง เธอกลับไปก่อน” ฮ่อหยุนเฉิงไม่พูดพร่ำเพรื่อก่อนจะให้คนขับรถพาถังรั่วอิงไปส่ง
ส่วนเขาขับรถด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไปทางเฉิงตงฮวาหยวน…