ตอนที่ 256 รับรู้ คืนดี

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“มี่เอ๋อร์ เจ้าและเจวี๋ยเอ๋อร์ทะเลาะกันหรือ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อได้ยินว่าสองสามีภรรยาแยกห้องนอนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากตกใจก็รู้สึกกังวลขึ้นมา…นอกจากวันสองวันหลังจากที่เสี่ยวหมิงเอ๋อร์เกิด พวกเขาก็ไม่เคยแยกห้องนอนกันมาก่อน นี่นับเป็นเรื่องที่ใหญ่เชียว!

“ทะเลาะ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยรอยยิ้มที่แฝงมาด้วยความงุนงง “เหตุใดท่านแม่จึงมีความคิดเช่นนี้ได้ ข้าจะทะเลาะกับเขาได้อย่างไรกัน?”

“แล้วไม่ใช่หรอกหรือ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อถูกรอยยิ้มของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ทำให้สับสน “เช่นนั้นเมื่อวานเหตุใดพวกเจ้าจึงแยกห้องนอนกันเล่า?”

“นั่นเป็นเพราะเจวี๋ยมีธุระที่จัดการไม่เสร็จ ไม่อยากจะรบกวนเวลาพักผ่อนข้า ดังนั้นจึงกลับไปที่เรือนไร้เดี่ยว” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ “นี่คือความใส่ใจของเขา จะกลายเป็นพวกเราทะเลาะกันได้อย่างไร?”

“แล้วเป็นเพราะเรื่องอะไรที่ทำให้เจวี๋ยเอ๋อร์กลับไปเรือนไร้เดี่ยวด้วยใบหน้าถมึงทึงเช่นนั้น?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อขมวดคิ้วเล็กน้อย นางย่อมเชื่อเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ทั้งไม่ได้สงสัยว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ปกปิดอะไรอยู่หรือไม่ เพียงแต่นางก็นึกถึงเรื่องที่ซั่งกวนเจวี๋ยเคยสอบถามนางเกี่ยวกับอวี๋ฮวนขึ้นมาทันที หรือศิษย์ของหญิงสาวผู้นั้นจะปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งแล้ว?

“บางเรื่องข้าก็ไม่สะดวกจะถามเขา!” สิ่งที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์เสียใจที่สุดไม่ใช่ท่าทีตัดบทที่ซั่งกวนเจวี๋ยแสดงออกมาเมื่อวาน แต่ในสถานการณ์เช่นนั้น เขาไม่แม้แต่จะกล่าวปลอบใจอะไรสักคำก็หนีออกไปจากเรือนมีคู่ คนพูดกันว่าสามีภรรยามีปากเสียงกันก่อนนอน แต่เมื่อนอนเผชิญหน้ากันก็คืนดีกันแล้ว แต่เขากลับไม่ให้โอกาส ‘คืนดี’ กับตัวเองสักนิด

“อีกเดี๋ยวข้าจะไปถามเขา!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกล่าวอย่างโกรธเคืองอยู่บ้าง ในความคิดของนาง ย่อมต้องเป็นลูกชายที่เป็นฝ่ายผิด แม้ว่าการสอดส่องช่วงนี้จะแสดงให้เห็นว่า เจวี๋ยเอ๋อร์ไม่ได้ไปมาหาสู่กับคนที่มีที่มาไม่ชัดเจน หรือคนที่น่าสงสัยอะไร แต่นางก็เชื่อว่า หากลูกชายจะไปมาหาสู่กับใครจริงๆ อยากจะปิดบังตัวเองก็คงเป็นเรื่องที่ง่ายดายอยู่แล้ว

“ท่านแม่…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มดึงมือของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อไว้ “ข้าเชื่อว่าไม่อาจเป็นเรื่องใหญ่อะไร เมื่อวานยามที่เขาจากไปก็ทำท่าราวกับมีเรื่องหนักใจเท่านั้น ไหนเลยจะทำหน้าถมึงทึง ย่อมต้องเป็นพวกคนใช้ที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเจวี๋ยมานาน ดังนั้นจึงเข้าใจอะไรผิดไป รอเขาจัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว ก็คงไม่มีเรื่องอันใด อย่างไรท่านก็ให้เวลาเขาหน่อยเถิด!”

“มี่เอ๋อร์ บางครั้งก็จำเป็นต้องคอยจับตาดูผู้ชายอย่างระแวดระวังหน่อย ไม่ใช่ว่าจะเรื่องอะไรก็เข้าข้างเขา ตามใจเขา หากมีนิสัยตามใจจนเหลิงออกมาก็จะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเจ้านัก!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกล่าวสั่งสอน นางมักจะรู้สึกว่ามี่เอ๋อร์ตามใจซั่งกวนเจวี๋ยเกินไปอยู่บ้าง ควรจะเข้มงวดขึ้นมาหน่อยจึงจะดีกว่า

“ท่านแม่…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยสีหน้าจนใจ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง กล่าวยิ้มๆ “ไหนเลยจะร้ายแรงถึงขนาดที่ท่านพูด เจวี๋ยทำเรื่องด้วยความเหมาะสมมาโดยตลอด ไม่ใช่คนประเภทที่ตามใจหรือเอาแต่ใจเรื่อยเปื่อย อีกทั้งท่านคงไม่อยากเห็นข้าเอาแต่ไล่ตามหลังเขาตั้งแต่เช้าจรดเย็นหรอก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนควบคุมเขา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เอาแต่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เช่นนั้นจะกลายเป็นภาพแบบไหนกันเล่า!”

“เพราะเจ้านิสัยดีเกินไปเช่นนี้แหละ!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อนับวันกลับยิ่งชอบเยี่ยนมี่เอ๋อร์มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในบ้านล้วนสามารถจัดการเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งยังให้กำเนิดหลานที่น่ารักสดใสให้กับนางคนหนึ่ง งานแต่งของลูกสาวกี่ครั้งนางก็สามารถช่วยพวกซั่งกวนฮ่าวจัดการได้อย่างรอบคอบเหมาะสม งานชมดอกบัวนั้นก็จัดได้อย่างคึกคักมีสีสัน แทบไม่มีที่ติจริงๆ

“ไม่ใช่ว่ามี่เอ๋อร์นิสัยดี แต่เป็นท่านพ่อท่านแม่ที่เอ็นดู ทั้งเจวี๋ยก็ตามใจ จึงใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น แม้อยากจะโมโห ก็คงไม่มีเหตุผลให้โมโหอยู่ดี” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดไปพูดมา ตัวเองก็รู้สึกร้อนตัวอยู่บ้าง นางอดถามตัวเองไม่ได้ หากเรื่องเมื่อวานเกิดขึ้นในยามที่ซั่งกวนเจวี๋ยยังไม่รู้ถึงฐานะที่ตัวเองปิดบังไว้ หรือเกิดเร็วกว่านั้นหน่อย เกิดก่อนที่นางจะคลอดเสี่ยวหมิงเอ๋อร์ นางจะรับมือกับมันอย่างไร ยังจะเย็นชาอย่างไม่ยั้งคิดเช่นนั้นหรือไม่? เกรงว่าคงจะไม่! นางย่อมจะคิดทุกวิธีทางให้ซั่งกวนเจวี๋ยคิดได้อย่างกระจ่างก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ วางแผนอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดูท่าเป็นตัวเองที่ถูกตามใจจนเหลิงจริงๆ ยามที่ทำเรื่องจึงไม่ได้ครุ่นคิดและตรึกตรองอย่างจริงจัง

“มี่เอ๋อร์?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเห็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์จู่ๆ ก็เงียบขึ้นมา จึงร้องเรียกอย่างกังวลอยู่บ้าง

“ข้าสบายดี” จู่ๆ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็คิดไม่ตก เรื่องเมื่อคืนควรจะเป็นนางที่เป็นฝ่ายถอยก้าวหนึ่ง พูดคุยกับซั่งกวนเจวี๋ยดีๆ ให้เขาทราบถึงความคิดของตัวเอง ทั้งก็ต้องตั้งใจฟังความคิดของเขาด้วย ไม่ควรเอาแต่ขอร้องเขาให้ตามใจตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว

“ท่านแม่…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มดึงมือของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ “ข้าเชื่อคำพูดของท่าน รอหลังจากเจวี๋ยกลับมาก็จะไถ่ถามเขาอย่างดีๆ ถามว่าเมื่อคืนตกลงเกิดเรื่องอะไรกับเขากันแน่ ทำให้พวกบ่าวใช้ตกใจ ทั้งทำให้ท่านเป็นห่วง ดังนั้นท่านก็ไม่ต้องถามเขาแล้วดีหรือไม่?”

“ได้สิ!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพยักหน้า เรื่องบางเรื่องอย่างไรให้สามีภรรยาเป็นฝ่ายจัดการด้วยตัวเองย่อมดีกว่า ยิ่งคนมีมากก็ยิ่งง่ายที่จะทำให้เกิดเรื่องยุ่งยาก หลักการนี้นางกระจ่างใจดี ทั้งยังเคยสัมผัสอย่างลึกซึ้ง

————————–

ในยามที่ถึงเวลาอาหารเที่ยงซั่งกวนเจวี๋ยก็กลับมา มองเห็นใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ได้รับกอดที่อบอุ่นจากลูกชาย หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว ก็ไปเดินเล่นกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่ริมทะเลสาบตามตำแนะนำของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ แน่นอนว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นการพูดคุยเปิดใจ

“มี่เอ๋อร์…” เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนของภรรยา ซั่งกวนเจวี๋ยรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง เขายอมที่จะเห็นใบหน้าโมโหบึ้งตึงของมี่เอ๋อร์ ดีกว่าต้องมาเห็นรอยยิ้มที่เกรงใจและห่างเหินของนางเช่นนี้ ตั้งแต่เช้าตรู่ก็ทำเรื่องด้วยความไม่สบายใจ ในหัวมีแต่ภาพของมี่เอ๋อร์ที่เผยแววตาเรียบนิ่งทั้งรอยยิ้มที่สงวนท่าทีวาบผ่านไปมา แต่หากจะให้ยอมอ่อนข้อเช่นนี้เขาก็ไม่ยินดี

“ข้าขอโทษ” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กล่าวขอโทษกับเขาอย่างตรงๆ “เรื่องเมื่อวานเป็นความผิดของข้าเอง ข้าควรจะตระหนักถึงจุดยืนและสถานการณ์ของเจ้าด้วย ไม่ใช่เอาแต่คิดถึงเพียงตัวเอง”

“มี่เอ๋อร์ เมื่อวานข้าก็มีส่วนผิดเหมือนกัน แต่บางเรื่องก็ไม่อาจทำตามใจเจ้าได้ทั้งหมด พวกเราจำเป็นต้องครุ่นคิดอย่างรอบคอบ” ซั่งกวนเจวี๋ยคิดว่า ‘มี่เอ๋อร์ยังโกรธอยู่เสียอีก’ ถอนหายใจ ก่อนกล่าวอธิบาย “ใช้ฐานะของคุณหนูสุราปรากฏตัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในยามที่คุณหนูสุราปรากฏตัว ใครจะมาเป็น ‘เยี่ยนมี่เอ๋อร์’ พวกเราล้วนต้องปรึกษาวางแผนกันอย่างดีๆ ก่อน!”

“เป็นข้าที่เอาแต่ใจ…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มเล็กน้อย กวาดสายตามองไปรอบๆ บางทีอาจจะเป็นหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่จัดการสถานที่ นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ริมทะเลสาบก็ไม่มีคนอื่นอยู่เลย นางเป็นฝ่ายยื่นมือไปจับซั่งกวนเจวี๋ย กล่าวอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้พูดเป็นมารยาทอะไร ทั้งไม่ได้อยากพูดให้เจ้าเสียใจ แต่ข้าตระหนักได้แล้วว่าเป็นความผิดของตัวเอง ข้าไม่ควรเอาแต่ใจถึงเพียงนั้น ไม่ควรถูกเจ้าตามใจจนลืมตัว”

“มี่เอ๋อร์…” ซั่งกวนเจวี๋ยมองนางลงลึกเข้าไปในดวงตา อยากรู้ว่านี่เป็นคำพูดที่มาจากใจนางหรือนางจงใจพูดเพื่อเว้นระยะห่างความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงแววตาที่จริงใจและซื่อตรงของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ไม่มีความเรียบนิ่งและเย็นชาอีกต่อไป

“ข้าพูดจริงๆ นะ!” ใบหน้าของเยี่ยนมี่เอ๋อร์แฝงไปด้วยความรู้สึกผิด “เรื่องนี้เป็นข้าที่บุ่มบ่ามไป เจ้าสามารถรับความจริงเรื่องที่ข้าเป็นคุณหนูสุราได้ ทั้งยังคงปฏิบัติกับข้าเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้น รักและตามใจข้า ทำให้ข้าสูญเสียความยั้งคิดและความสุขุมที่ควรมีไป แทบไม่นึกถึงเจ้าเลย ก็ตัดสินใจอย่างมักง่าย จะใช้ฐานะของคุณหนูสุราปรากฏตัว เรื่องนี้เป็นข้าที่ทำผิดไป ข้าอยากขอโทษเจ้าด้วยใจจริง หวังว่าเจ้าจะให้อภัยข้า”

“มี่เอ๋อร์ ข้าคิดว่าข้าก็มีส่วนที่ทำเกินไปอยู่บ้างเช่นกัน” ซั่งกวนเจวี๋ยมองใบหน้าของภรรยา นี่จึงจะนับว่าเป็นภรรยาที่สุขุมและหลักแหลมของเขาผู้นั้น ไม่ใช่เหิมเกริมแบบคุณหนูสุรา ลดเสน่ห์ของคุณหนูสุราลงหน่อย แต่รักษาความสุขุมนุ่มลึก สามารถเผชิญกับทุกเรื่องได้อย่างใจเย็น เป็นคนที่สามารถทำให้เขาไว้ใจได้คนนั้น

“สิ่งเดียวที่เจ้าทำเกินไปก็คือการหมุนกายหนีไปในสถานการณ์เช่นนั้น!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์นึกถึงเมื่อวานที่ได้ยินเสียงเขาจากไปก็ยังคงรู้สึกสั่นสะท้านในใจ ประสบการณ์เช่นนั้นนางไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกแล้ว

“ใช่แล้ว ข้าไม่ควรทิ้งเจ้าที่กำลังโมโหไว้” ซั่งกวนเจวี๋ยโอบมี่เอ๋อร์ไว้ในอ้อมกอดเบาๆ ภรรยาที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นของเขาคนนั้นกลับมาแล้ว ดูท่าเขายังคงต้องพยายามปรับตัวเข้ากับมี่เอ๋อร์ที่เป็นเช่นนี้

“ทั้งเพราะว่าเจ้าตามใจข้ามากเกินไป ทำให้ข้าลืมตัว ดังนั้นจึงทำเรื่องที่โง่เง่าและทำร้ายคนออกมา” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กอดซั่งกวนเจวี๋ยอย่างแนบชิด ฟังเสียงหัวใจเต้นของเขา กล่าวเบาๆ “ข้าสามารถพบว่าตัวเองจงใจหาเรื่องอย่างไร้เหตุผลได้ทันเวลาก็เพราะว่าความเป็นห่วงของท่านแม่ ท่านแม่ได้ยินว่าเมื่อคืนเจ้าไปนอนที่เรือนไร้เดี่ยว สิ่งที่นางคิดกลับไม่ได้เป็นข้าที่ไปทำเรื่องอะไรให้เจ้าโกรธ แต่เป็นเจ้าที่ทำเรื่องอะไรให้ข้าโมโหหรือเปล่า และก็เป็นยามนั้นข้าจึงพบว่า คนทั้งหมดในบ้านหลังนี้ล้วนแต่มั่นใจว่าข้าเป็นคนที่มีคุณธรรม ไม่อาจทำความผิด รวมถึงข้าก็มีความเข้าใจผิดๆ เช่นนั้นด้วย เจวี๋ย ข้าก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ข้าสามารถดื้อดึงทำเรื่องไร้เหตุผล แสดงนิสัยเอาแต่ใจแบบเด็กๆ สามารถทำความผิดแบบที่คนธรรมดาทั่วไปทำกันบ่อยๆ ข้าหวังว่าภายหลังเจ้าจะไม่ตามใจข้าเช่นนี้อีก และก็หวังให้เจ้าอย่าได้หมุนกายหนีไป แม้แต่คำอธิบายสักคำก็ไม่มี เมื่อคืนนั้นข้านอนไม่หลับทั้งคืน เอาแต่รอเจ้ากลับมา…ไม่ใช่อยากจะให้เจ้ายอมรับผิดหรือยอมแพ้ แต่หวังให้เจ้าสามารถปลอบใจข้า อยู่เป็นเพื่อนข้า…”

“ข้าขอโทษ” ซั่งกวนเจวี๋ยรู้สึกละอายใจ เยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นฝ่ายยอมรับผิดและยอมถอยให้อยู่บ้าง ตัวเองเป็นบุรุษ เป็นสามี ทั้งเป็นผู้นำครอบครัว ผลลัพธ์กลับแพ้เรื่องความใจกว้างแก่ภรรยาตัวเอง นี่ทำให้เขารู้สึกผิดอยู่บ้าง

“ข้าพูดกับท่านแม่ว่าเจ้ามีธุระที่ยังสะสางไม่เสร็จ ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของข้า ดังนั้นจึงกลับไปยังเรือนไร้เดี่ยว หากท่านแม่ถามขึ้นมา อย่าได้หลุดปากออกไปเชียว” เยี่ยนมี่เอ๋อร์อิงแอบเขา กล่าวเตือนอย่างง่ายๆ

“ข้าเข้าใจแล้ว! มี่เอ๋อร์ เกี่ยวกับเรื่องของคุณหนูสุรา…” ซั่งกวนเจวี๋ยรู้สึกว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ล้วนยอมถอยแล้ว หากตัวเองไม่ยอมถอยก็คล้ายกับไม่เหมาะสมอยู่บ้าง แต่เขาไม่อยากให้เรื่องที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้นก็คือคุณหนูสุราล่วงรู้ไปถึงหูของทุกคนจริงๆ โดยเฉพาะสองสามีภรรยาซั่งกวนฮ่าว เขากังวลใจเป็นอย่างมากว่าเรื่องนี้จะทำให้ระหว่างสองสามีภรรยาเกิดความขัดแย้งที่ไม่อาจเข้ากันได้

“เรื่องนี้ให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจ ข้าจะฟังเจ้า!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์แย้มยิ้มเล็กน้อย กล่าวมองซั่งกวนเจวี๋ย “นี่ไม่ใช่ให้เจ้าทำอย่างขอไปที ทั้งไม่ได้พูดให้เจ้าดีใจ แต่ข้าตัดสินใจว่าจะฟังเจ้า ข้าคิดว่า ข้าอาจจะมีความฉลาดอยู่บ้าง แต่การมองภาพรวมย่อมไม่อาจคิดได้รอบคอบเหมาะสมเหมือนกับเจ้า แทนที่จะให้ข้าทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น ยังมิสู้ฟังเจ้าดีกว่า แต่ว่า ข้าก็มีความปรารถนาของตัวเองเช่นกัน หวังว่าเจ้าจะสามารถทำให้ข้าบรรลุผลได้!”

“เจ้าพูดมาเถิด ข้าย่อมจะคิดทุกวิถีทางทำให้เจ้าสมปรารถนา!” ซั่งกวนเจวี๋ยเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ มีภรรยาเช่นนี้ สามียังจะต้องการอันใดอีก

“ข้าหวังว่าจะสามารถฝังศพท่านป้าในเดือนสิบเอ็ดปีนี้ ถ้าหากให้ข้าเป็นคนฝังศพท่านป้าด้วยมือของตัวเองได้ย่อมดีที่สุด หากไม่ได้ เช่นนั้นให้ข้าสามารถเห็นศพของท่านป้าถูกฝังอย่างสงบด้วยตาของตัวเองก็เพียงพอแล้ว” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถอยให้อีกก้าว จำกัดความต้องการของตัวเองให้อยู่ในขอบเขตที่จะไม่สร้างความลำบากใจให้ซั่งกวนเจวี๋ย

“ข้าย่อมจะสรรหาทุกวิถีทางให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง!” ซั่งกวนเจวี๋ยกระชับกอดภรรยาแน่น ในใจรู้สึกซาบซึ้งจริงๆ

“ข้ายังมีความปรารถนาอีกหนึ่งอย่าง” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองซั่งกวนเจวี๋ยทั้งเผยรอยยิ้ม “ข้าอยากมีน้องสาวหรือน้องชายให้หมิงเอ๋อร์ในปีหน้า ความปรารถนานี้เจ้าคงไม่มีปัญหากระมัง?”

“แน่นอนอยู่แล้ว!” ซั่งกวนเจวี๋ยอดจุมพิตนางไม่ได้ เขาคิดว่าในชีวิตนี้ของเขาไม่อาจจะมีผู้หญิงคนใดได้แล้ว ทั้งไม่อาจให้ผู้หญิงคนอื่นมาคลอดลูกให้เขาอีก เช่นนั้นก็ย่อมทำได้เพียงลำบากเยี่ยนมี่เอ๋อร์แล้ว…