ตอนที่68 วางยาจริงๆ
จ้าวเฉียนครุ่นพินิจิย่างละเอียดถี่ถ้วน รีบหยิบแก้วไวน์ที่ถูกโยนทิ้งบนพื้นขึ้นมา โชคยังดีที่ยังมีเศษแก้วที่ทีคราบไวน์ติดอยู่ เขาสามารถนำเจ้าสิ่งนี้ส่งไปตรวจสอบได้ว่าเป็นยาชนิดใดกันแน่น จากนั้นเขาก็โทรหาผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมตงไห่ทันที
“สวัสดีครับคุณชายจ้าว มีอะไรให้รับใช้ครับ?”
“ตอนนี้คุณอยู่ไหน? ฉันอยู่บริเวณห้องน้ำชั้นหกของโรงแรม”
“ผมอยู่ที่บ้านครับ ครับ..เข้าใจแล้วครับ ผมจะรับไปหาในทันที ถึงที่นั่นแน่นอนภายในสิบนาทีครับ โปรดรอก่อนสักครู่”
“ตกลง”
จ้าวเฉียนวางสายและกลับไปที่ห้องอาหาร พอเปิดเข้าไปก็พบกับบรรดาเพื่อนร่วมงานที่นั่งซึมกันทั่วหน้า แต่ทันทีที่เห็นจ้าวเฉียนกลับมา พวกเขาต่างมีชีวิตชีวาในทันใด
“ในที่สุดนายก็กลับมา! ไปทำอะไรมากันแน่ ทำไมถึงได้นานจัง?”
“พวกเรารอนายตั้งนาน”
“ถ้านายจ่ายไม่ไหวจริงๆก็บอกพวกเราก็ได้ จะได้ช่วยกันแบ่งเบา ไม่ต้องอายหรอกน่า”
จ้าวเฉียนเหลือบไปมองเจวียงหยวนและเอ่ยถามด้วยความโกรธว่า
“ฉันบอกแกแล้วไม่ใช่เหรอว่า ถ้าทุกคนกินเสร็จก็ให้แยกย้ายกันกลับ ฉันเคลียร์ตรงนี้ไว้หมดแล้ว! ทำไมถึงไม่บอกทุกคนแล้วยังปล่อยให้นั่งรอกันแน่นี้?”
เจวียงหยวนแย้งตอบเสียงแห้งกลับว่า
“ก็ใครจะไปรู้ว่านายพูดความจริงกัน! ถ้าพวกเราทำตามที่นายว่า แล้วทางโรงแรมโทรเรียกตำรวจมาจับจะทำยังไง?”
แววตาคู่นั้นของจ้าวเฉียนเปลี่ยนเป็นสีเย็นชาในบัดดล น้ำเสียงทุ้มต่ำ เอ่ยเตือนอย่างแช่มช้าขึ้นว่า
“เจวียงหยวน ฉันหวังว่าแกจะทำเรื่องโง่ๆแบบนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะ ถ้าวันหลังยังกล้าขัดคำสั่งแบบนี้อีก ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
เจวียงหยวนหวาดกลัวจัดจนไม่กล้าสบตามองอีกฝ่าย ได้แต่ก้มหน้าก้มตาลงไม่พูดอะไร
ทันทีที่ทุกคนได้ยินว่า จ้าวเฉียนจัดการค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแล้ว แต่เจวียงหยวนไม่ได้บอก ก็ทำให้ทุกคนโมโหในทันที
“เจวียงหยวน! ทำไมแกถึงไม่บอกพวกเรา? ปล่อยให้นั่งรอเก้อแบบนี้นี่นะ? แกจำเอาไว้ สถานะของจ้าวเฉียนในตอนนี้มันไม่ใช่สิ่งที่นายจะเถียงได้!”
“ถูกต้อง! พวกนายทั้งคู่ไม่ได้อยู่ใรระดับเดียวกันอีกต่อไปแล้ว นายมองเขาเป็นศัตรู แต่เขาไม่ได้มองนายเป็นศัตรูอีกต่อไปแล้ว หัดแหกตาดูความเป็นจริงซะบ้าง!”
“ต่อไปก็เลิกทำตัวไร้สาระได้แล้ว หัดทำตัวให้มีประโยชน์ไม่ใช่ถ่วงมือถ่วงเท้าคนอื่น!”
ถึงคำพูดของทุกคนจะจงใจมุ่งเป้าไปที่เจวียงหยวน แต่นี่ก็มีเหตุผลเช่นกัน จ้าวเฉียนในปัจจุบันไม่ใช่จ้าวเฉียนแบบในอดีตอีกต่ออไป เจวียงหยวนไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะขึ้นกลายเป็นคู่แข่งของเขาได้แล้ว
เจวียงหยวนโดนบรรดาเพื่อนร่วมงานแห่กันดุด่า พลันรู้สึกละอายใจขึ้นมาทันตา เขารับขอโทษทุกคนตามตรงว่า
“ฉันต้องขอโทษทุกคนจริงๆที่ปล่อยให้นั่งรอเป็นชั่วโมงโดยเปล่าประโยชน์ ฉันควรจะเชื่อใจจ้าวเฉียนมากกว่านี้”
ทุกคนโบกมือปัดบอกไปว่าชั่งมันเถอะ และหันไปขอโทษกับจ้าวเฉียน
ทางด้านจ้าวเฉียนไม่อยากเสียเวลากับเจวียงหยวนอีกแล้ว เขาจึงขอให้ทุกคนแยกย้ายกับกลับบ้านโดยเร็ว ส่วนทางนี้เขาจัดการให้เบ็ดเสร็จแล้ว
ทุกคนรีบเก็บของและโบกมือลาจ้าวเฉียนอย่างยิ้มแย้ม
ทันทีที่บรรดาเพื่อนร่วมงานออกไปหมด ผู้จัดการทั่วไปก็โทรมาหาจ้าวเฉียน พร้อมแจ้งไปว่าตอนนี้เขามารอบริเวณหน้าห้องน้ำชั้นหกแล้ว
ในไม่ช้า ทั้งสองก็มาพบกัน ผู้จัดการทั่วไปรีบพาเขาไปที่ห้องทำงานส่วนตัวทันที
“คุณชายจ้าว เชิญนั่งก่อนครับ”
จ้าวเฉียนโบกมือปัดและกล่าวว่า
“นั้นเป็นตำแหน่งที่คุณควรนั่ง ผมมาที่นี่ในฐานะแขก เอาล่ะคุณช่วยไปเรียกพนักงานเสิร์ฟที่ไว้ใจได้มา ขอเป็นคนที่มีหน้าที่รินไวน์และจัดแจงอาหารในห้อง606ด้วย แล้วเก็บหลักฐานทั้งหมดมาให้ผม”
ผู้จัดการทั่วไปไม่มีเอ่ยถ่ามเหตุผลใดๆและพยักหน้าทำตามที่บอกทันที เขาเรียกชายหนุ่มสองคนที่ทำหน้าที่ในห้องหมายเลขดังกล่าวมา และซักถามสองสามประโยค ก่อนจะบอกให้พวกเขากลับไปทำงานต่อ
ผู้จัดการทั่วไปกลับเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวและกล่าวกับจ้าวเฉียนว่า
“คุณชายจ้าวโปรดรอสักครู่ ผมจะรีบหาข้อเท็จจริงมาให้ได้ หนึ่งในคนที่อยู่ในห้องนั้นเป็นหลายชายผมเอง หลังจากทำธุระเสร็จแล้ว เขาจะรีบมาหาแน่นอน คนนี้เชื่อใจได้ครับ”
จ้าวเฉียนพยักหน้าเอ่ยชมไปคำหนึ่ง การจะใช้คนจำเป็นมีศิลปะการพูดที่ดี สร้างความประทับใจและภาคภูมิเมื่อได้รับใช้ใครสักคน นี่เป็นข้อสำคัญที่ต้องจำไว้
สิบนาทีต่อมา หลานชายของผู้จัดการทั่วไปก็ทำขวดไวน์และจานอาหารทั้งหมดจากห้องอาหารที่หวานเจียงอยู่มาให้ทันที
จ้าวเฉียนขอให้พวกเขาออกไปก่อนสักครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็โทรหาหวานเจียงต่อทันที
หวานเจียงรับโทรศัพท์มือถือและเอ่ยถามน้ำเสียงปนหงุดหงิดว่า
“ฮาโหล มีอะไรอีก?”
“หัดพูดจาดีๆหน่อย แล้วเธออยู่ไหน?”
“กำลังกลับบ้าน น้ำเสียงแบบนี้คือฉันกำลังอารมณ์เสียไง ฟังไม่ออกเหรอ!”
“หยุดพล่ามเถอะ ฉันจะบอกเธอว่า ตอนนี้ทั้งแก้วไวน์และจานอาหารทั้งหมดในห้องอาหารเธอกับสหายเพื่อนจากอเมริกาอะไรนั้น ฉันได้มาหมดแล้วนะ คงส่งไปทดสอบตรวจหาว่ามียาอะไรเจือปนอยู่ไหมในวันพรุ่งนี้ ถ้าเกิดมีขึ้นมา ฉันไม่อนุญาตให้เธอไปยุ่งกับเขาอีกในอนาคต ไม่ว่าเธอจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม”
หวานเจียงที่ได้ยินดังนั้นก็รีบเอ่ยถามทันทีว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน เธอจะไปหาทันที
“ฉันอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของผู้จัดการโรงแรม กำลังจะออกไปแล้ว มาเจอฉันที่ลานจอดรถใต้ดิน”
“โอเค! ฉันกำลังไป!”
หวานเจียงวางสายโทรศัพท์ หักพวงมาลัยดริฟรถกลับมาที่โรงแรมตงไห่โดยเร็ว ทันทีที่มาถึงลานจอดรถใต้ดิน เธอก็พบรถจากัวร์ของจ้าวเฉียนกำลังจอดรออยู่ เขาเปิดประตูรถเดินออกมาทักให้เธอเปิดประตูรถ หลังจากเข้าไปในรถหวานเจียงเสร็จสรรพ เธอก็กวาดสายตาไปเห็นเศษแก้วไวน์และจานอาหารบางส่วนถูกเก็บใส่ถุงอย่างดี และเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังขึ้นว่า
“แล้วนายจะพิสูจน์ได้ยังไงว่า ของพวกนี้มาจากห้องอาหารของฉัน?”
จ้าวเฉียนกลอกตาใส่ กล่าวติดตลกกลับไปทันที
“เห็นคราบอาหารบนจานไหม? คงไม่ใช่ปลาทองที่ความจำสั้นจนจำไม่ได้นะว่ากินอะไรลงไป? เธอนี่มันใส่ร้ายฉันไม่ดูตาม้าตาเรือเลยจริงๆ! ถ้ายังไม่เชื่ออีกก็ตรวจสอบลายนิ้วมือได้ด้วยเลยไหม?”
หวานเจียงมุ่นคิ้วเล็กน้อย เอ่ยตอบไปว่า
“พรุ่งนี้ฉันจะไปกับนายด้วย ต้องรู้ให้ได้ว่าผลการทดสอบมันจะออกมาเป็นยังไง หวังว่านายจะยอมนะ?”
สิ่งที่จ้าวเฉียนต้องการคืน การทำให้เธอยอมแพ้และยอมรับความจริงให้ได้ว่า เพื่อนเธอจากอเมริกานั้นแหละที่เป็นคนวางยาเธอ ถ้าได้เห็นผลลัพธ์กับตาตัวเอง บางทีเธออาจจะยอมแต่โดยดี
“เข้าใจแล้ว เจอกับที่หน้าโรงพยาบาลเหรินหมิน เก้าโมงเช้า หวังว่าพอได้เห็นผลการทดสอบกับตาตัวเองแล้วจะหายโง่ขึ้นมาบ้างนะ?”
หวานเจียงตอบสวนกลับไปว่า
“ได้! อย่าให้รู้ว่านายเล่นไม่ซื่อ ไม่งั้นฉันไม่ยกโทษให้แน่!”
จ้าวเฉียนแสะยิ้มแสนหยามเหยียด เอ่ยสวนว่า
“ไม่ต้องกังวล เรื่องนี้ฉันเป็นคนเสียหาย ไม่มาเสียเวลากับเธอหรอก”
จากนั้นเขาก็ลงจากรถเธอไป หวานเจียนเข้าเกียร์Dและบึ่งรถกลับโดยตรง
เห็นอีกฝ่ายขับออกไปดังนั้น จ้าวเฉียนก็หยิบมือถือโทรหาหยานซ่ง
“หยานซ่ง มาหาฉันที่ลานจอดรถใต้ดินของโรงแรมตงไห่เดี๋ยวนี้เลย”
หยานซ่งรีบขับไปหาโดยเร็วที่สุด จ้าวเฉียนจะต้องมีปัญหาอยู่แน่นอนในขณะนี้ พอมาถึง จ้าวเฉียนก็ยื่นถุงเก็บหลักฐานให้และสั่งให้เขาส่งมันไปที่บริษัทตรวจสอบของเอกชนก่อน เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เจือปนอยู่ในของพวกนี้เป็นยาชนิดใด
หยานซ่งพยักหน้าตอบและรีบโทรนัดหมายกับทางบริษัทดังกล่าวทันที พอคุยกันเสร็จ เขาก็หันมาพูดกับจ้าวเฉียนว่า
“คุณชายจ้าว ผมนัดกับทางนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว”
“เชื่อถือได้ใช่ไหม?”
“เชื่อถือได้แน่นอนครับ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องคนสนิทของผมเอง แถมตอนที่อยู่หน่วยพิสูจน์หลักฐาน พวกเราก็ทำงานร่วมกันเสมอมา แต่ยังไงก็ต้องรอให้เขาจัดการงานตรงหน้าให้เสร็จก่อน ถึงจะมาช่วยคุณชายจ้าวได้ครับ”
“ช้าหน่อยไม่เป็นไร ตราบเท่าที่เชื่อใจได้ก็พอ นายขับนำทางไปเลย เดี๋ยวฉันขับตามไปเอง”
หยานซ่งพยักหน้าตอบและขึ้นรถขับนำทางออกไป
หลังจากผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็มาถึงบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
จ้าวเฉียนไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้หยานซ่งประสานงานเดินเรื่องเอง
สี่ชั่วโมงต่อมา ผลการทดสอบก็ออกมา
หยานซ่งหยิบเอกสารรายงานผลส่งให้จ้าวเฉียน
จ้าวเฉียนอ่านเอกสารเหล่านั้นก็พลันรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ในขั้นต้น แผนการแรกของเขาคือ ตรวจหายาที่เจียงเสี่ยวปิงลอบวางในแก้วไวน์เขา และสั่งให้หยางหู่ไปซื้อยาชนิดนั้นกลับมา เพื่อเอามาใส่ในจานอาหารที่หวานเจียงกินเข้าไป เพื่อใส่ร้ายเพื่อนจากอเมริกันของเธอ
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไป และไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย เพราะปรากฏว่า หวานฮันซูเองก็แอบใส่ยาลงในจานอาหารของหวานเจียงจริงๆ แถมยังเป็นยาชนิดเดียวกับที่เจียงเสี่ยวปิงใช้กับเขาด้วย
“หุหุ…ดูเหมือนว่าสหายเพื่อนจากอเมริกันของเธอจะไม่ไร้เดียงสาอย่างที่คิดไว้จริงๆ!”
จ้าวเฉียนพึมพำกับตัวเอง และตัดสินใจเดินทางไปพบเพื่อนของหวานเจียงคนนั้นเป็นการส่วนตัว