บทที่ 255

คงจะต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่ทั้งผู้ว่ามณฑลที่เหลือจะมาถึงเมืองฮวยหยาง ทว่าในช่วงเวลานี้ถังหยินก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เช่นกัน ด้วยเขาได้สั่งให้กองทัพชานชุย และกองทัพกองอื่น ๆ ส่งรายชื่อจำนวนหนึ่งมา เพื่อทำการคัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสม สำหรับตำแหน่งแม่ทัพ รองแม่ทัพ และตำแหน่งอื่น ๆ ที่ขาดหายไป

ในขณะที่เขาพักอยู่ในเมืองฮวยหยาง ก็ได้มีขุนนางท้องถิ่นจำนวนมากมาเยี่ยมทุก ๆ วัน ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลผ่านประตูโรงเตี๊ยมอย่างไม่ขาดสาย ทว่าด้วยถังหยินเป็นคนสบาย ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ชอบพิธีรีตอง และทำการผลักดันให้ทุกคนที่มาตกเป็นหน้าที่ของซงหยวนที่เข้ารับหน้าแทน

ท้ายที่สุดซงหยวนทำงานที่เมืองฮวยหยางตั้งแต่แรกและคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเป็นอย่างดี

แม้ว่าผู้ว่ามณฑลจะยังคงเป็นยู่เต๋า แต่ผู้ที่มีอำนาจที่แท้จริงคือถังหยิน ! ดังนั้นแล้วจึงเป็นธรรมดาที่จะมีคนแวะเวียนมามากขนาดนี้

และในช่วงที่ถังหยินไม่ได้มองนี่เอง ก็เป็นซงหยวนที่รับมือกับขุนนางมากมาย ซึ่งขุนนางบางคนก็ถึงกับมอบเงินให้เพื่อเป็นสินบนแก่ถังหยิน

ซงหยวนยอมรับเงินทองพวกนั้นมาก็จริง หากแต่เขาไม่ได้นำมามอบให้ถังหยิน แต่เลือกที่จะเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างเงียบเชียบ !

เมื่อเป็นแบบนั้น ในช่วงบ่ายวันนั้นเอง เฉิงจินก็ได้เข้ามาหาชายหนุ่ม ก่อนจะทำท่าเหมือนจะเล่าอะไรบางอย่าง

ชายหนุ่มถามเฉิงจินด้วยความสงสัย “มีปัญหาอะไรไหม”

ใบหน้าของเฉิงจินเปลี่ยนไป เขาดูจริงจังและพูดอย่างวิตกกังวล “เกี่ยวกับซงหยวนขอรับ ข้าจับได้ว่าอีกฝ่ายแอบรับเงินสินบน แต่กับเรื่องอื่น ๆ แล้วนั้น เขาไม่มีปัญหาใดเลยขอรับ”

ถังหยินผงกศีรษะ ด้วยแม้ว่าเฉิงจินจะโหดเหี้ยม แต่เขาก็เป็นคนตรงไปตรงมามาก และหากไม่มีหลักฐานเพียงพอ เขาก็จะไม่พูดอะไรมั่ว ๆ

ชายหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นก็พลันก้มหัวลงและคิดอยู่นาน ซึ่งก็ไม่เพียงแต่เขาไม่โกรธ ทว่าเขายังหัวเราะออกมาและพูดว่า “คนคนนี้อาจได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เหมาะสม”

“ขอรับนายท่าน” เฉิงจินโค้งคำนับก่อนจากไป

เมื่อรู้ว่าซงหยวนรับสินบนเป็นการส่วนตัว ถังหยินไม่เพียงแต่ไม่โกรธ เขายังเชื่อใจซงหยวนมากขึ้นอีกด้วย

มนุษย์มีความชอบของตนเอง ตราบใดที่ใครคนหนึ่งรู้ถึงความชอบของเขา อีกฝ่ายก็จะควบคุมเขาได้ง่ายขึ้น และในเมื่อซงหยวนเป็นคนโลภมาก งั้นแล้วมันก็แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นมีความทะเยอทะยานที่ไม่ได้ใหญ่โต และเรื่องน่ากลัวอย่างการแทงข้างหลังก็คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

นี่นับได้ว่าเป็นความเชี่ยวชาญของซงหยวน

เขารู้ดีว่าเป็นเรื่องยากนักที่จะได้รับความไว้วางใจจากถังหยิน ดังนั้นแล้ว เขาจึงจงใจแสดงท่าทีโลภมากออกมา เพื่อปัดเป่าความสงสัยของถังหยินและแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ทะเยอทะยาน หรือเป็นถัยคุกคาม

ถังหยินมีที่ปรึกษามากมายภายใต้คำสั่งของเขา ทั้งชิวเจิ้น หยวนจี้ และคนอื่น ๆ แต่ในระยะยาวแล้ว มันก็ไม่มีใครสามารถที่จะทัดเทียมกับซงหยวนได้เลย และการใช้คนให้ถูกกับงาน ก็ถือได้ว่าเป็นหลักการที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

10 วันต่อมา หยวนจี้และคนอื่น ๆ ที่อยู่ไกลจากเมืองฮวยหยางก็ได้มาถึง

ในเวลานี้ผู้ว่ามณฑลทั้ง 3 ได้มาถึงทั้งหมดแล้ว

และที่จวนผู้ว่านี่เอง ยู่เต๋าก็ได้เตรียมงานเลี้ยงอันหรูหราเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับถังหยินและผู้ว่ามณฑลคนอื่น ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เป็นคนจากเทียนหยวนทั้งหมด 3 คน จากกวนหนาน 3 คน และจากจิงกวงอีก 4 คน นับรวมเป็นทั้งหมด 10 คน ทำให้ทั้งสองด้านของห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยข้ารับใช้และคนสนิทของผู้ว่ามณฑลเต็มไปหมด

และมันก็เป็นไปตามที่ถังหยินต้องการ ด้วยที่งานเลี้ยงนี้มีแม้แต่ลูกแกะย่างทั้งตัวตั้งอยู่กลางห้องโถง ที่กำลังส่งกลิ่นหอมของเนื้อให้อบอวลไปทั่วทั้งห้อง !

นับเป็นเรื่องยากที่คนจากมณฑลทั้ง 3 จะมาสังสรรค์กันด้วยความสนิทสนมแบบนี้ และด้วยมีพวกเขาหลายคนไม่รู้จักกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มจากแลกเปลี่ยนคำทักทายกันเล็กน้อย ทำให้ห้องโถงใหญ่มีชีวิตชีวาและคึกคักไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ

แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผู้คนจะไม่รู้ว่าใครคือเจ้าภาพของงานเลี้ยงนี้ ดังนั้นจึงมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เข้าล้อมรอบถังหยินเป็นวงกลมขนาดใหญ่

ไม่ว่าถังหยินมีความอดทนมากเพียงใด ทว่าเขาก็ไม่สามารถรับมือคนจำนวนมากได้ และเมื่อเห็นว่ามันเหมือนจะไม่จบลงเสียที เขาก็พลันยืนขึ้นและโบกมือก่อนกล่าวว่า “กรุณาอยู่ในความสงบสักครู่ ข้ามีเรื่องที่อยากจะพูดสักหน่อย !”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ไม่รอช้า รีบกลับไปที่ที่นั่งของพวกเขาทันทีเพื่อรอให้ชายหนุ่มพูด

ถังหยินยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่ทุกคน จากนั้นก็หัวเราะพลางหยิบมีดบนโต๊ะและเดินไปที่กลางห้องโถง ทำการตัดเนื้อแกะออก จากนั้นก็ยัดเข้าปาก และหลังจากเคี้ยวครั้งสองครั้ง เขาก็พลันหัวเราะ “รสชาติดี !” ในขณะที่พูดนั้น สายตาของชายหนุ่มก็หันไปทางยู่เต๋าและกล่าวว่า “ขอขอบคุณท่านยู่ที่ให้ความร่วมมือในการขับไล่พวกหนิงออกไปได้ในครั้งนี้ !”

“โอ้ ท่านถังกล่าวมากเกินไปแล้วขอรับ แหะ ๆๆ!” ยู่เต๋ารู้สึกท่วมท้นด้วยความยินดีที่ไม่คาดคิด จากนั้นจึงทำการโค้งคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกับแสดงสีหน้าอิ่มเอมใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง

ถังหยินกล่าวว่า “ถ้าท่านยู่ไม่เข้าช่วยเหลือ แนวรบด้านหลังของพวกเราก็คงไร้ซึ่งผู้นำทัพไปแล้ว เราคงไม่สามารถชนะศึกได้ง่ายดายเพียงนี้” เขายิ้มและถามว่า “ท่านยู่ต้องการสิ่งใดตอบแทนหรือไม่ ?”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ยู่เต๋าก็รีบออกมาทันที “การช่วยขับไล่พวกหนิงเป็นหน้าที่ขอข้าอยู่แล้ว ข้าไม่ปรารถนารางวัลใด ๆ หรอกขอรับ !”

คำนี้พูดน่าฟังยิ่ง ! ทำให้ถังหยินหัวเราะออกมา ก่อนที่จะส่ายหัวและพูดว่า “ในเมื่อเจ้ามีผลงาน งั้นแล้วข้าก็ต้องตอบแทนกลับไป นี่คือกฎของแคว้นเฟิง ดังนั้นท่านยู่ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว” พอพูดแบบนั้น ชายหนุ่มก็พลันหันมองไปที่คนอื่น ๆ ที่พากันมองไปที่ยู่เต๋า ก่อนจะพูดว่า

“ซ่งเทียนก่อกบฏครั้งใหญ่ สังหารนายของตัวเองและชิงบัลลังก์ไป ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฆ่าเขา งั้นแล้วตอนนี้เราก็ควรที่จะยืนหยัดต่อสู้กับซ่งเทียนสิ หรือพวกเจ้าคิดว่ายังไง ?”

“ท่านพูดถูกแล้ว !” ทุกคนโดยรอบตอบรับ

ถังหยินที่ได้ยินก็พยักหน้าและยิ้มให้ยู่เต๋า ก่อนพูดออกมา “ข้าคิดออกวิธีหนึ่ง และนั่นก็คือการควบรวมตำแหน่ง ด้วยการมีผู้ว่ามณฑลถึง 3 คนนั้นมันเป็นการสิ้นเปลืองเกินไป ไม่สู้ยุบรวมกันให้เหลือเพียง 1 เล่า แล้วก็ให้เจ้าที่มีความสามารถขึ้นครองไปเลย ?”

“นั่นมัน….?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของยู่เต๋าก็พลันเปลี่ยนไปทันที ด้วยเขานั้นหาได้มีอำนาจที่แท้จริงไม่ ทำให้การรับหน้าที่นี่คงมีแต่จะเป็นภาระก็เท่านั้น

ยู่เต๋าหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างรีบร้อนเพื่อพูดว่า “ท่านถัง ข้าคิดว่ามันคงจะดีกว่าที่คนอื่น ๆ จะได้ตำแหน่งนั้นไป !”

ถังหยินยิ้ม แล้วจึงถามออกมา “ท่านยู่ไม่พอใจกับความคิดของข้าอย่างนั้นเหรอ ?”

“ไม่ ไม่ ไม่ ข้าคนนี้ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าแค่รู้สึกว่าข้าไม่คู่ควรเท่านั้น ข้ารับผิดชอบหนักขนาดนี้ไม่ไหวหรอก !”

โดยไม่รอให้เขาพูดจบ ถังหยินก็พลันโบกมือและหัวเราะ “ท่านยู่ ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวไป ข้านั้นได้ตัดสินใจแล้วว่าตำแหน่งผู้นำ 3 มณฑลจะเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน !”

“ตัดสินใจแล้ว ?”

“นี่ไม่ใช่เรื่องตลก ดังนั้นแล้วเมื่อข้าได้พูดออกไป มันก็ถือได้ว่าสิ้นสุด ท่านยู่ไม่จำเป็นพูดอีกต่อไปให้เปลืองน้ำลาย” ถังหยินกล่าวอย่างยิ้มแย้ม พลางใช้ดวงตาจ้องมองไปที่ใบหน้าของยู่เต๋า ทำให้อีกฝ่ายตัวสั่นและไม่กล้าที่จะพูดคำใดออกมาอีก

ในจังหนะนั้นเอง ก็เป็นผู้ว่าเขตคนหนึ่งที่ลุกขึ้น เขามีอายุ 40 เศษ มีปากแหลมและแก้มคล้ายลิงที่กล่าวว่า “การจัดเตรียมของท่านถัง มันไม่เหมาะสมจริง ๆ!”

“โห ?” ถังหยินหันไปมองเขาและถามว่า “ว่ามาสิ ?”

“แม้ว่าท่านถังจะให้การยกย่องอย่างแก่ท่านยู่ ทว่าการกระทำของท่านนั้น มันก็ดูจะเป็นการผลักออกไปให้พ้นทางเช่นกัน ที่ท่านทำเช่นนี้ ไม่กลัวที่จะถูกคนอื่นล้อเลียนเอาหรือ ?”

คำพูดของเขาหนักหน่วงและตรงประเด็น ไม่มีการไว้หน้าถังหยินเลยแม้แต่น้อย

และแม้ว่ายู่เต๋าจะไม่ได้พูดอะไร ทว่าเขาก็แอบมีความสุขอยู่ลึก ๆ ด้วยสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นได้แทนความในใจของเขาทั้งหมดแล้ว

การที่มีคนผู้เช่นนี้ มันก็ทำให้บรรยากาศในห้องโถงเย็นเยียบลงทันที ไม่มีใครกล้าหายใจ ได้แต่ใช้สายตาของพวกเขาทั้งหมดหันไปทางถังหยิน !!!