บทที่ 81.1 ทักษะสะบัดปีกเฉือน! (1)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

บทสนทนาไม่ได้มีแค่บนแท่นนั่งของผู้ชมระดับสูงเท่านั้น กลุ่มนักรบอื่นๆ ต่างก็กระซิบกระซาบกันไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มตัวเต็งทั้งหลาย สำหรับ 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น ผู้ที่มี 2 ทักษะธาตุอาจไม่ถือได้ว่าหายาก แต่สำหรับทักษะธาตุที่เป็นมหาทักษะธาตุทั้งคู่นั้นถือว่าเป็นคุณสมบัติชั้นยอดที่หาได้ยากมาก แน่นอนว่ามันหายากเช่นเดียวกับขนนกฟีนิกซ์และเขากิเลน อย่างไรก็ตาม เหล่ากลุ่มตัวเต็งเพียงแค่เพิ่มความสนใจในตัวโจวเหว่ยชิงมากขึ้นอีกนิดหน่อยเท่านั้น ในฐานะจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุด พลังของอีกฝ่ายยังคงไม่เพียงพอจะคุกคามพวกเขาได้

แสงสีดำของชิงเฉียนพุ่งเข้าใส่โจวเหว่ยชิงได้อย่างไร้ปัญหา เมื่อเห็นว่าคำสาปเฉื่อยชาของเธอพุ่งใส่เขาได้อย่างง่ายดาย สายตาของชิงเฉียนก็ฉายแววดูถูกดูแคลน ส่วนโจวเหว่ยชิงกลับง้างธนูเข้าใส่เธออย่างใจเย็นและไม่รีบร้อน

ไม่นานก็เกิดเหตุประหลาดขึ้นกับโจวเหว่ยชิงผู้ซึ่งถูกคำสาปเฉื่อยชาเล่นงาน ในขณะที่แสงสีดำมาถึงศีรษะของเขาและกำลังจะรวมตัวกันกลายเป็นสัญลักษณ์คำสาปบนหน้าผาก จู่ๆ แสงสีดำเหล่านั้นก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆเหมือนฟองสบู่แตก ไม่น่าเชื่อว่าด้วยระดับมณี 5 ชุดของชิงเฉียน คำสาปเฉื่อยชาของเธอไม่ส่งผลต่อโจวเหว่ยชิง!

ทักษะกักเก็บธาตุมืด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะประเภทคำสาปทุกชนิดมีโอกาสล้มเหลวได้น้อยมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อความแตกต่างระหว่างระดับพลังของทั้งสองฝ่ายมีมากขนาดนั้น มันจึงแทบจะรับประกันความสำเร็จได้อย่างเต็มร้อย ด้วยเหตุนี้ชิงเฉียนจึงไม่คาดคิดว่าคำสาปเฉื่อยชาของเธอจะล้มเหลวไปได้

ในขณะนั้นเอง โจวเหว่ยชิงก็ได้ปลดปล่อยการโจมตีของเขาออกไปด้วยธนูราชันย์พร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังสนั่น

ลูกศร 2 ดอกพุ่งออกจากคันธนูมุ่งไปยังทิศทางที่ต่างกัน ดอกหนึ่งลอยไปทางชิงเฉียน ในขณะที่อีกดอกพุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้าไปในทิศของหลางเซี่ย

โจวเหว่ยชิงเอาชนะคำสาปเฉื่อยชาได้ แต่หลางเซี่ยอีกด้านหนึ่งกลับไม่อาจป้องกันทักษะคำสาปลงทัณฑ์ของโจวเหว่ยชิงได้ ทันใดนั้นก็เกิดสัญลักษณ์ 3 สีที่แตกต่างกันเหนือศีรษะของเขา ไม่นานหลางเซี่ยก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นแปลกๆ ในร่างกายของตนเอง

ทักษะคำสาปลงทัณฑ์ทำให้พลังป้องกันของเขาอ่อนแอลง ทั้งยังโจมตีใส่เขาและเพิ่มความรู้สึกเจ็บปวดของเขา แม้กระทั่งทักษะระดับมณี 3 ชุดก็ยังสามารถส่งผลกระทบต่อหลางเซี่ยได้เป็นเวลานานถึง 10 วินาที

ทันทีที่ทักษะคำสาปลงทัณฑ์มีผล หลินเทียนอ้าวก็รู้สึกถึงความแตกต่างเมื่อรับรู้ว่าการโจมตีของศัตรูกำลังอ่อนกำลังลง

เขาจึงฉวยโอกาสนี้ลงมือทันที เท้าของหลินเทียนอ้าวก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเป็นกระบวนท่าที่สลับซับซ้อน โล่หนักในมือพุ่งออกไปเหมือนกำแพงที่โอบล้อมเข้าหาอีกฝ่ายจากหลายๆ มุม เขากำลังเปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นการรุก!

ชิงเฉียนหายจากอาการตกใจอย่างรวดเร็ว และไม้คฑาสีดำของเธอก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ ในมือขวา ในเวลาเดียวกัน ชุดเกราะสีดำที่ปกคลุมด้วยเกล็ดเป็นริ้วๆ ก็ปรากฏขึ้นรอบแขนขวา ไหล่ขวา และหน้าอกของเธอ เช่นเดียวกับมงกุฎสีดำสนิทที่ฝังทับทิมสีแดงเข้มไว้ตรงกลาง

ไอความมืดหนาทึบระเบิดออกมาทันทีขณะที่ชิงเฉียนเรียกศาสตรามณียุทธ์ทั้งหมดออกมา จากนั้นเธอก็โบกไม้คฑาในมือขึ้น แสงสีดำพุ่งเข้าหาลูกศรที่โจวเหว่ยชิงปล่อยเข้าใส่เธอ ในเวลาเดียวกัน แสงสีดำนั้นก็แยกออกเป็นสองส่วน พุ่งออกไปยังลูกศรอีกดอกที่กำลังตรงเข้าหาหลางเซี่ยเช่นกัน และลูกศรเหล่านั้นก็ถูกทำลายอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าลูกศรทั้งสองจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ทักษะที่ฝังอยู่ภายในก็ถูกเปิดใช้งานเช่นกัน หนวดสีดำ 12 เส้นกระจายตัวออกมาด้านนอกทันที พวกมันทะยานเข้าหาชิงเฉียนและหลางเซี่ยภายในพริบตาเดียว และนี่ก็เป็นเพียงลูกศรดอกแรกที่ยิงไปทางชิงเฉียนเท่านั้น สำหรับลูกศรดอกที่ 2 ขณะที่มันระเบิดกลางอากาศก็เกิดแสงสีเงินสว่างวาบขึ้นมาทันที มันร่วงหล่นลงสู่พื้นและฉีกตัวออกเล็กน้อย อากาศพลันปริแยกออกจากกัน มันคือทักษะกระชากมิตินั่นเอง!

ขณะที่มันกำลังสร้างรอยแยกกลางอากาศก็ดูเหมือนว่ามิติกระชากของโจวเหว่ยชิงจะไร้ประโยชน์อย่างยิ่ง ทว่าเมื่อถึงเวลานี้ ลูกศรดอกที่ 3 ของเขาก็มาถึงแล้วเช่นกัน

แน่นอนว่าลูกศรดอกนี้ได้ยิงออกไปทางมิติกระชากนั้น! ท่ามกลางแสงสีเงินหนาแน่น มิติกระชากก็เคลื่อนย้ายพริบตากลางกลางอากาศอย่างเงียบๆ…และไปปรากฏตัวด้านหลังของหลางเซี่ยทันที

แน่นอนว่านี่เป็นการปรับใช้ทักษะประสานในระดับสูงสุด ใครจะเดาได้ว่าโจวเหว่ยชิงจะแสดงการประสานระหว่างทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาและทักษะกระชากมิติอีกครั้งด้วยความแม่นยำระดับนี้ และเขาก็ยังใช้ลูกศรอีกด้วย!

มีเพียงเหล่าผู้ทรงพลังเท่านั้นที่สามารถมองเห็นความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังลูกศรทั้ง 3 ดอกของโจวเหว่ยชิงได้อย่างแท้จริง ความจริงแล้วทักษะสัมผัสมืดคือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่เพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้ามหรือทำให้พวกเขาขยับไม่ได้ เพราะด้วยระดับพลังปราณของเขา ทักษะเหล่านี้แทบจะคุกคามอีกฝ่ายไม่ได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว แต่ทว่าพลังพิเศษอีกอย่างของมันคือการเพิ่มระยะการรับรู้ของเขา นี่เป็นสาเหตุที่โจวเหว่ยชิงสามารถควบคุมลูกศรทั้ง 2 ดอกและทักษะของเขาได้ในระดับที่น่าทึ่ง

นอกจากนี้ เสี้ยววินาทีที่ทักษะสัมผัสมืดคุกคามศัตรูก็เป็นกุญแจสำคัญเช่นกัน เพื่อที่จะต่อต้านมัน ชิงเฉียนต้องหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ออกมาเพื่อปกป้องตัวเอง ในเวลาเดียวกัน นั่นก็จะทำให้เธอไม่สามารถช่วยเหลือหลางเซี่ยได้ในตอนนั้น และเสี้ยววินาทีนั้นก็ได้เปิดโอกาสให้หลินเทียนอ้าวลงมือ

หลินเทียนอ้าวไม่ได้โดดเด่นในเรื่องความเร็ว แต่ถึงกระนั้นสติสัมปชัญญะและทักษะในการต่อสู้ของเขาก็ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่โจวเหว่ยชิงเคยเห็นมา ในช่วงเวลาที่ร่างของหลางเซี่ยแข็งทื่อไปชั่วขณะ หลินเทียนอ้าวก็เปิดใช้งานทักษะโจมตีของโล่แล้ว เมื่อได้อาบย้อมแสงสีเหลืองเจิดจ้า ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจขณะพุ่งเข้าใส่หลางเซี่ยอย่างโหดเหี้ยม

*เคร้ง* ร่างกายของหลางเซี่ยถูกกระแทกไปข้างหลังทันที และขณะที่กำลังล่าถอยไปด้านหลังนั้นเอง เขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่แผ่นหลังของเขา พลังปราณสวรรค์ของเขาสูญเสียการควบคุมและพุ่งทะลักออกมาจากแผ่นหลังของเขาทันที นั่นคือมิติกระชากซึ่งถูกส่งไปอยู่ด้านหลังของเขาเพราะทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาของโจวเหว่ยชิง การทำงานประสานกันเป็นกลุ่มของโจวเหว่ยชิงและหลินเทียนอ้าวอาจกล่าวได้ว่าเป็นงานที่สมบูรณ์แบบในทุกรายละเอียด หากบอกผู้ชมที่กำลังดูอยู่ว่าพวกเขาไม่เคยฝึกซ้อมกันมาก่อนก็คงจะไม่มีใครยอมเชื่อ

ความจริงการทำงานประสานที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ไม่ได้นำโดยโจวเหว่ยชิงแต่เป็นหลินเทียนอ้าว สิ่งที่โจวเหว่ยชิงทำคือพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมคู่ต่อสู้และทำให้มิติกระชากไปปรากฏตัวที่นั่น ความร่วมมือที่แยบยลอย่างแท้จริงเกิดจากจิตใต้สำนึกในการต่อสู้ของหลินเทียนอ้าวต่างหาก นั่นทำให้เขาสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และด้วยการลงมืออย่างถูกที่ถูกเวลา เขาจึงผลักให้หลังของหลางเซี่ยชนเข้ากับมิติกระชากได้สำเร็จ

แน่นอนว่าหลางเซี่ยนั้นคู่ควรกับการเป็นผู้นำกลุ่มป่ายต้า เป็นเสาหลักของคนในกลุ่มอย่างแท้จริง ทันทีที่เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่นหลังและพลังปราณสวรรค์ที่กำลังรั่วไหลออกมา เขาก็ตอบสนองได้อย่างไม่มีท่าทีตื่นตกใจ อย่างไรก็ตาม เพราะระดับการฝึกปราณและพลังของโจวเหว่ยชิงนั้นต่ำกว่าเขามาก แม้ว่าเขาจะไม่มีพลังป้องกันใดๆ แต่พลังปราณสวรรค์ขั้นทะลวงพิภพระดับ 9 ที่ทรงพลังของเขาก็ยังช่วยให้เขาป้องกันตัวเองได้ในระดับหนึ่ง

เมื่อกระบองหนามขนาดใหญ่เปล่งแสงสีเขียวเจิดจ้าขึ้น หลางเซี่ยก็คว้าหมับเข้าที่ด้านหน้าของมันด้วยมือซ้ายของเขา เขากัดฟันข่มความเจ็บปวดรุนแรงจากแผ่นหลัง จากนั้นก็ใช้กระบองหนามตรงหน้าเขาเป็นฐานจับ บิดร่างกายด้วยพลังทั้งหมดเป็นครึ่งวงกลม บังคับไถลร่างตัวออกและเบี่ยงหลบการโจมตีของหลินเทียนอ้าว การใช้แรงหมุนนี้ทำให้เขาสามารถแยกตัวออกมาและป้องกันไม่ให้ร่างถูกมิติกระชากหั่นออกจากกันได้

เมื่อหลางเซี่ยได้รับบาดเจ็บหนัก โจวเหว่ยชิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ไม่ได้ยิงธนูอีกต่อไป ในทางตรงกันข้าม เขากลับทำให้ทุกคนประหลาดใจด้วยการพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย ร่างกายของเขาดูเหมือนจะเร่งความเร็วขึ้นเมื่อแสงสีเขียวเข้มข้นตรงเข้าปกคลุมร่างกายของเขา ราวกับหมีตัวใหญ่ที่พุ่งเข้าหาชิงเฉียน

บนแท่นนั่งของผู้ชมระดับสูง ใบหน้าที่สงบนิ่งของหัวหน้าวังกักเก็บทักษะอย่างซ่างกวนหลงหยินก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาเห็นสิ่งนั้น เขาอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “ทักษะธาตุลม! เขามีทักษะธาตุที่ 3!”

เมื่อซ่างกวนหลงหยินมองไปที่ซ่างกวนเทียนซิน เขาก็เห็นแสงสว่างวาบในดวงตาของผู้เป็นราชา ทั้งสองคนรู้ดีว่าแม้ระดับพลังปราณของโจวเหว่ยชิงจะไม่สูงนัก แต่ด้วยความสามารถเช่นนี้ การมีทักษะธาตุทั้ง 3 ชนิดของเขาจะเป็นพลังที่ทุกคนต้องเกรงกลัวทันทีที่เขาไปถึงระดับมณี 6 ชุดหรือสูงกว่านั้น

สิ่งที่โจวเหว่ยชิงใช้คือทักษะพายุสลาตันที่กักเก็บจากหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็งของเขา แรงระเบิดของมันทำให้เขาพุ่งไปข้างหน้าได้ในแทบจะทันที และในเวลาเดียวกันเขาก็ปลดปล่อยลูกศรอีกดอกออกมา คราวนี้เป็นลูกศรเพียงดอกเดียว และด้วยทักษะการยิงธนูอันเป็นเอกลักษณ์ของมู่เอิน นั่นคือการยิงธนูแบบบิดสาย ลูกธนูจึงพุ่งเข้าหาชิงเฉียนด้วยความเร็วระดับทะลุทะลวง

แสงเยียบเย็นผุดขึ้นมาในดวงตาของชิงเฉียน เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตัวเองและหลางเซี่ยจะเกิดปัญหาใหญ่เช่นนี้ได้เพราะเจ้ามณีสวรรค์ระดับมณี 3 ชุด พวกเขาทั้งคู่เกือบจะถูกโจวเหว่ยชิงกำจัดไปแล้วด้วยซ้ำ หลางเซี่ยกำลังได้รับบาดเจ็บและความโกรธในใจของชิงเฉียนก็พุ่งขึ้นเกือบจะถึงจุดเดือด นอกเหนือจากการตายของสวี่ชวนก่อนหน้านี้ จิตวิญญาณการต่อสู้ของเธอกำลังเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุดแล้ว

ชิงเฉียนหันหน้าไปทางโจวเหว่ยชิง ยกไม้คฑาสีดำขึ้นอีกครั้ง พายุหมุนสีดำขนาดมหึมาปรากฏขึ้นต่อหน้าและเคลื่อนตัวไปหาโจวเหว่ยชิงโดยมีลูกศรดอกนั้นคั่นกลางเอาไว้ ทันทีที่เธอเปิดใช้งานทักษะนี้ เธอก็ดีดตัวขึ้นไปในอากาศและพุ่งไปทางหลินเทียนอ้าวทันที

เมื่อโจวเหว่ยชิงเห็นพายุหมุนสีดำ เขาก็ประหลาดใจเช่นกัน นี่ไม่ใช่ทักษะธาตุมืดธรรมดาทั่วไป แต่เป็นทักษะผสานระหว่างธาตุมืดและธาตุลม! อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นว่าชิงเฉียนจะต้องมีทักษะธาตุ 2 ชนิด ถึงอย่างไรไม้คฑาของเธอก็สามารถกักเก็บพลังธาตุลมเอาไว้ได้อยู่แล้ว และนั่นทำให้เธอสามารถผสมผสานพลังของมันเข้ากับทักษะกักเก็บของตนเองเพื่อสร้างทักษะผสานที่ทรงพลังขึ้นมาได้เช่นนี้

ราวกับว่าพายุหมุนสีดำนี้มีดวงตา มันพัดเข้าหาโจวเหว่ยชิงทันที

แสงสีเงินสว่างวาบอีกครั้งขณะลูกศรของโจวเหว่ยชิงหายไปกลางอากาศ มันคือทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา! ลูกศรพุ่งเข้าใส่ชิงเฉียนอย่างรุนแรง ทำให้เธอต้องตกใจขึ้นมากะทันหัน

แม้ว่าชิงเฉียนจะมีพลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาล แต่มันก็ลดลงไปมากเพราะเย่เป่าเปาในการต่อสู้ครั้งแรก และแน่นอนว่าถึงตอนนี้มันก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ในเวลาเดียวกัน เธอก็ได้เผาผลาญพลังปราณสวรรค์ไปเป็นจำนวนมากในการต่อสู้ครั้งนี้ ดังนั้นแม้ว่าเธอจะพยายามตอบสนองต่อลูกศรประหลาดนี้อย่างรวดเร็ว หลบหลีกมันอย่างสุดความสามารถ มันก็ยังสามารถกระแทกเข้าที่ไหล่ของเธอได้อย่างโหดเหี้ยม

พลังการระเบิดคู่ของธนูราชันย์และการยิงธนูแบบบิดสายเปิดก่อให้เกิดแรงระเบิดที่ทรงพลังมากกว่าผลรวมของแต่ละส่วน ชิงเฉียนเปล่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาขณะพลังปราณสวรรค์ที่ปกป้องไหล่ของเธอแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และไหล่ของเธอก็กลายเป็นเนื้อแหลกเหลวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ทักษะการยิงธนูและการควบคุมของโจวเหว่ยชิงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เห็นได้ชัดเมื่อมันปะทะเข้าที่ไหล่ซ้ายซึ่งไร้การป้องกันของเธอ

ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ถึงเวลาแล้วที่หลุมบรรจุมณีหลุมที่ 2 บนธนูราชันย์จะแสดงพลังที่แท้จริงของมันออกมา นอกจากทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาแล้วยังมีทักษะที่ 2 ฝังอยู่ภายใน และมันก็เพิ่งถูกปล่อยออกมา ณ เวลานี้นี่เอง!

เมื่อลูกศรระเบิดออก แสงสีเขียวเงินสว่างก็ปรากฏขึ้นทันที สิ่งนั้นเล็กมาก มันยาวเกือบเท่านิ้วชี้และไร้เสียง แสงสีเขียวเงินปรากฏขึ้นเพียงเสี้ยววินาที แต่ร่างของชิงเฉียนกลับแข็งทื่อขึ้นมาในพริบตา…

………………………………………………………..