บทที่ 169
ซุนจิ้งไฉมองมู่หรงยานเอ๋อร์ ครั้งนี้ เขาไม่ห้ามแล้ว
แม้ตอนนี้เขาไม่ชอบเฉินโม่ แต่คนที่ทำให้จินเพ่ยอวิ๋นปฏิบัติขนาดนี้ได้ ต้องมีจุดที่ไม่ธรรมดา
ความคิดของเจิ้งว่านหาว โดนมู่หรงยานเอ๋อร์จับได้ หน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที
ตอนนี้เจิ้งว่านหาวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ประธานบริษัทมีทรัพย์สินเป็นร้อยล้านอย่างเขา ขอโทษยอมรับผิดกับเด็กม.ปลาย อายุ 17-18 ปี พูดออกไป เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
แต่ถ้าไม่ขอโทษ จะล่วงเกินตระกูลจิน ไม่ต้องคิดถึงผลที่ตามมาเลย!
ขณะที่เจิ้งว่านหาวกำลังลำบากใจ เว่ยจื่อหยุนที่ยืนข้างจินเพ่ยอวิ๋น เอ่ยขึ้นมาว่า “ผมว่าเรื่องนี้จบแค่นี้เถอะ ในเมื่อประธานเจิ้งยอมรับผิดแล้ว ทำไมน้องชายคนนี้ ถึงไม่ยอมปล่อยเขาไปล่ะ”
เว่ยจื่อหยุนพูดออกมา ทุกคนในงานอึ้งไปเล็กน้อย
แม้พละกำลังของตระกูลเว่ย ในบรรดาคนพวกนี้ อยู่ในระดับกลางเท่านั้น แต่ตระกูลเว่ยเป็นผู้มีอิทธิพลของเมืองซาเหอ โบราณกล่าวไว้ว่า มังกรแข็งแกร่ง ไม่กดดันงูเจ้าถิ่น แม้จินเพ่ยอวิ๋นอยู่ในอำเภอเฮยสุ่ย ก็ต้องไว้หน้าเว่ยจื่อหยุน เว่ยจื่อหยุนอาศัยสิ่งเหล่านี้ จึงกล้าตามจีบจินเพ่ยอวิ๋นอย่างไม่เกรงกลัว ถึงแม้จินเพ่ยอวิ๋นรังเกียจเขามาก แต่ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นคล้อยตาม ไม่สามารถปฏิเสธออกไปตรงๆ
เจิ้งว่านหาวมองเว่ยจื่อหยุนอย่างตื่นเต้น แล้วพูดว่า “ขอบคุณครับคุณชายเว่ย ที่ขอร้องแทนผม ต่อไปว่านหาว กรุ๊ปจะทำตามตระกูลเว่ยเท่านั้น!”
ทุกคนพากันดูหมิ่นเจิ้งว่านหาวที่เกาะตระกูลเว่ยทันที!
จินเพ่ยอวิ๋นมองเว่ยจื่อหยุน ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่ไม่ได้อาละวาด ล่วงเกินเว่ยจื่อหยุน ในถิ่นเมืองซาเหอ ไม่ดีสำหรับเธอ
แต่ถ้าให้เลือกระหว่างเฉินโม่กับตระกูลเว่ย จินเพ่ยอวิ๋นเลือกเฉินโม่อย่างไม่ลังเล
จินเพ่ยอวิ๋นไม่พูดอะไร แต่เฉินโม่โมโหแล้ว เพราะได้ยินเสียงเว่ยจื่อหยุน ทำให้เขานึกถึงบทสนทนาที่ได้ยินเมื่อคืน รู้ว่าเว่ยจื่อหยุนปล่อยข่าวลือ เรื่องที่ว่ามียาวิเศษบนเขาหลิงอู่ จิตใจชั่วร้ายจริงๆ!
เจิ้งว่านหาวมองเว่ยจื่อหยุนอย่างตื่นเต้น แล้วพูดว่า “ขอบคุณครับคุณชายเว่ย ที่ขอร้องแทนผม ต่อไปว่านหาว กรุ๊ปจะทำตามตระกูลเว่ยเท่านั้น!”
เฉินโม่มองเว่ยจื่อหยุนนิ่งๆ พูดอย่างเย็นชาว่า “นายเป็นใครไม่ทราบ! กล้ามายุ่งเรื่องฉัน”
ทุกคนอึ้งไป มองเฉินโม่อย่างตกใจ เฉินโม่เป็นคนแรก ที่กล้าไม่ไว้หน้าตระกูลเว่ย ในถิ่นเมืองซาเหอ
ซุนจิ้งไฉมองเฉินโม่ ส่ายหน้าเงียบๆ “ไม่ว่าเด็กคนนี้มีเบื้องหลังอย่างไร ล่วงเกินตระกูลเว่ย ในถิ่นเมืองซาเหอ ไม่ใช่การกระทำที่ชาญฉลาด ยังเด็กเกินไป! เทียบกับเด็กอย่างซิงกั๋ว ยังห่างชั้นกันมาก!”
จินเพ่ยอวิ๋นมองเฉินโม่เช่นกัน แววตาสับสน เธอไม่คิดว่าเฉินโม่จะโกรธขนาดนี้ เพราะคำพูดของเว่ยจื่อหยุนเพียงประโยคเดียว
รอยยิ้มบนใบหน้าเว่ยจื่อหยุนชะงักไป มองเฉินโม่อย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “เด็กน้อย รู้ไหมว่านายกำลังพูดกับใคร ฉันไม่สนใจว่าเบื้องหลังนายเป็นใคร กล้าดูหมิ่นฉันในถิ่นเมืองซาเหอ ก็คือการดูหมิ่นตระกูลเว่ย! นายรับผลของมันไม่ไหวหรอก!”
เฉินโม่สีหน้าราบเรียบ พูดอย่างเย็นชาว่า “ตระกูลเว่ยในสายตาฉัน แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น!”
เว่ยจื่อหยุนโมโหมาก ชี้หน้าเฉินโม่แล้วด่าว่า “เด็กน้อย นายรนหาที่ตาย!”
เห็นทั้งสองคนกำลังจะลงมือ จินเพ่ยอวิ๋นไม่ทนอีกแล้ว แผดเสียงดังออกมาว่า “หุบปาก เว่ยจื่อหยุน ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ ถ้าคุณยังล่วงเกินแขกของฉัน เชิญคุณออกไปเลย!”
“จินเพ่ยอวิ๋น คุณ……” มองแววตาเย็นชาของจินเพ่ยอวิ๋น เว่ยจื่อหยุนไม่ได้พูดต่อ เขามองออกว่าจินเพ่ยอวิ๋นเอาจริง แม้ในเมืองซาเหอ ตระกูลเว่ยของเขา ไม่กลัวจินเพ่ยอวิ๋น แต่เขาไม่กล้าเป็นปรปักษ์กับตระกูลจิน
ดวงตาเฉินโม่ฉายแววปลาบปลื้ม ถ้าจินเพ่ยอวิ๋นยังเลือกไม่ได้ งั้นต่อไปเขาคงมองตระกูลจิน เป็นแค่คนที่เดินผ่านมาเท่านั้น!
เว่ยจื่อหยุนสีหน้าเคร่งขรึม ไม่กล้าพูดอะไร มองเฉินโม่ด้วยสีหน้าร้ายกาจ : จินเพ่ยอวิ๋นไม่คำนึงที่จะแตกหักกับฉัน เพราะเด็กคนนี้ ดูเหมือนความสัมพันธ์กับเด็กคนนี้ จะไม่ธรรมดามาก ต่อไปฉันจีบจินเพ่ยอวิ๋น ไอเด็กคนนี้ต้องเป็นอุปสรรคใหญ่แน่นอน!