ตอนที่ 160 จักรพรรดิที่สวรรค์ส่งมา

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง “ฮองเฮาเรียกพบข้ารึ ?”

ก่อนหน้านี้มู่เฉียนซีนางเคยอ่านพระราชประวัติของฮองเฮามา เดิมทีพระองค์เป็นน้องสาวของผู้นำตระกูลโอวหยาง มีนามว่าโอวหยางหว่าน

ฮองเฮาได้มีสถานะสูงส่งเช่นทุกวันนี้ เป็นเพราะการสนับสนุนจากตระกูลโอวหยางเมื่อครั้งอดีต พระองค์จึงกลายเป็นฮองเฮา อีกทั้งนางยังให้กำเนิดพระราชโอรสเพื่อสืบทอดเป็นองค์รัชทายาทต่อไปด้วย

แต่เป็นเพราะเมื่อสิบหกปีก่อน พระองค์แท้งโอรสพระองค์ที่สอง หลังจากนั้นมา พระองค์จึงไม่สนใจเรื่องบ้านเมืองอีกเลย ได้แต่ใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อศึกษาธรรมะ ไหว้พระสวดมนต์ตลอดมา

ปัจจุบันตระกูลโอวหยางถูกทำลายล้าง ฮองเฮาโอวหยางหว่านจึงเป็นตระกูลโอวหยางพระองค์เดียวที่มีชีวิตรอดอยู่  วันนี้ พระองค์ทรงเรียกตัวมู่เฉียนซีเข้าวัง

มีสัญญาณบางอย่างบ่งบอกว่าตระกูลมู่เป็นผู้ลงมือทำลายล้างตระกูลโอวหยาง ฮองเฮาเรียกตัวนางไปเข้าเฝ้า พระองค์คิดจะทำการใด ?

แม้ว่ามู่เฉียนซีจะไม่อาจคาดเดาได้ว่าฮองเฮาผู้มีจิตใจศึกษาธรรมะมาตลอดพระองค์นี้คิดทำการใด ทว่าการเรียกตัวเข้าวังหลวงครานี้ นางจำต้องไปเผชิญหน้าดูสักครา

ข่าวเรื่องที่ฮองเฮาเรียกตัวมู่เฉียนซีเข้าเฝ้าในวังหลวง เป็นเรื่องที่ทำให้เหล่าบรรดาขุนนางและเหล่าไพร่ฟ้าตกตะลึง

ซวนหยวนจือกล่าวขึ้น แววตาเขาแฝงความประหลาดใจยิ่ง “ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ฮองเฮามิเคยเรียกข้า มาวันนี้กลับเรียกตัวนางเด็กมู่เฉียนซีเข้าเฝ้า ช่างแปลกนัก”

“เสด็จแม่เรียกตัวมู่เฉียนซีเข้าเฝ้า พระองค์อยากเจอนางด้วยเรื่องอันใดกัน ?” ซวนหยวนหลี่ซางแปลกใจไม่แพ้บิดา

ส่วนซวนหยวนชิงอวิ๋นรีบออกจากจวนอวิ๋นอ๋อง กล่าวว่า “ข้าจะเข้าวังหลวง”

เวลานี้อวิ๋นอ๋องผู้รักความสงบตลอดมา กลับตื่นตระหนกเล็กน้อย

ตำหนักเฟิงหลวนเป็นตำหนักของฮองเฮา  ตำหนักถูกปรับปรุงจัดแต่งให้เป็นอารามแห่งหนึ่ง

“ท่านผู้นำตระกูลมู่ เชิญด้านใน” จางกงกงเป็นกงกงของตำหนักเฟิงหลวน เขาพามู่เฉียนซีเข้าไปในอุโบสถที่องค์ฮองเฮาประทับอยู่  มู่เฉียนซียืนอยู่ที่ประตูอุโบสถ เห็นแผ่นหลังอันงามสง่าประทับอยู่ในอุโบสถ

จางกงกง “องค์ฮองเฮา ท่านผู้นำตระกูลมู่มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ซีเอ๋อร์มาแล้วหรือ ?” พระสุรเสียงของฮองเฮาไพเราะดุจดั่งเสียงนกไนติงเกลที่กำลังขับร้องยามรัตติกาล พระองค์ค่อย ๆ ลุกขึ้น หันมาอย่างเชื่องช้า ฉลองพระองค์สีดำของพระองค์ดูสง่างาม ทว่ามิอาจปกปิดพระพักตร์ที่ชั่วร้ายดั่งปีศาจของพระองค์เอาไว้ได้

ฮองเฮามีพระชนมายุมากแล้ว ทว่ายังคงรักษารูปลักษณ์สง่างามเช่นนี้ได้อย่างดี  ขณะที่มู่เฉียนซีกำลังกวาดสายตามองรูปลักษณ์ที่สง่างามของฮองเฮาอยู่นั้น พระองค์ก็กวาดสายตามองรูปลักษณ์ของ ‘เด็กสาว’ ที่อยู่ตรงหน้านี้เช่นเดียวกัน

เด็กสาวที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าสวมชุดสีม่วงยาว รัดเข็มขัดหยกที่เอวแสดงให้เห็นส่วนเว้าโค้งอันสวยงาม

ดวงตาดำขลับวันนี้กลมโตดุจดั่งพระจันทร์เต็มดวง ริมฝีปากแดงระเรื่อ ดวงตาสดใสคู่หนึ่งราวน้ำค้างในยามรุ่งสางก็มิปานมองใบหน้าของฮองเฮา

เมื่อเห็นมู่เฉียนซี พระเนตรสงบของฮองเฮาฉายแววตื่นเต้นขึ้นมาทันที ร่างที่ยืนอยู่ในอุโบสถค่อย ๆ เดินอย่างเชื่องช้ามาที่มู่เฉียนซี สีหน้าแห่งความชื่นชอบปรากฏขึ้นบนพระพักตร์ของพระองค์  บ่นพึมพำกับตัวเองว่า “อา… ซีเอ๋อร์ ข้าไม่คิดเลย กาลเวลาผ่านมายาวนานกว่าสิบหกปี ซีเอ๋อร์ช่างดูโดดเด่นยิ่งนัก นับวันเจ้ายิ่งเหมือน…”

ทันใดนั้นนิ้วอันเรียวยาวของพระองค์ยื่นออกไปจะสัมผัสแก้มนุ่มของมู่เฉียนซี ถึงแม้ความรักและความเมตตาของพระองค์จะดูเป็นจริง มิได้ดูเสแสร้งแกล้งทำ ทว่ามู่เฉียนซีไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องใบหน้าของนาง นางจึงหันไปด้านข้างเพื่อเลี่ยงมือนั้น

พระหัตถ์ฮองเฮาแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ พระเนตรคู่นั้นเผยให้เห็นร่องรอยความผิดหวังเคล้าเศร้าพระทัยเล็กน้อย

มู่เฉียนซี “องค์ฮองเฮา ข้าไม่ชอบให้ใครสัมผัสใบหน้า โปรดประทานอภัยให้ข้าด้วย”

ฮองเฮาแย้มสรวลอ่อนโยนราวบุปผานับร้อยเบ่งบาน “ไม่เป็นไร  ซีเอ๋อร์ เราเข้าไปนั่งคุยกันในตำหนักจะดีกว่า” สิ้นวาจา พระหัตถ์ยื่นออกไปเพื่อที่จะจับแขนมู่เฉียนซีอีกครั้ง นางรู้สึกกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมากในเวลานี้  ทว่าไม่แปลก ก่อนหน้านี้ตระกูลมู่ของนางและตระกูลโอวหยางวางตัวเป็นศัตรูกันอย่างเห็นได้ชัด

เรื่องที่ตระกูลโอวหยางถูกทำลายล้าง ตระกูลมู่น่าสงสัยที่สุด  เพราะเหตุใดเวลานี้ฮองเฮาจึงดูรักใคร่เอ็นดูนางเช่นนี้ ทั้งยังดูเหมือนว่าต้องการสนิทสนมกับนางอย่างมาก

หากมู่เฉียนซีไม่รู้ว่าท่านแม่ของนางเป็นใคร คงคิดว่าฮองเฮาเป็นท่านแม่ของนางไปแล้ว

มู่เฉียนซีเอียงตัวหลบ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตามที่องค์ฮองเฮาต้องการ เราไปนั่งคุยกันที่ตำหนักเถอะเจ้าค่ะ” มู่เฉียนซีหลบเลี่ยงสัมผัสจากองค์ไทเฮาสองครั้งสองครา ทว่าฮองเฮามิคิดโกรธเคือง ยังคงมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาอ่อนโยนเช่นเดิม

ฮองเฮาสั่งให้ข้ารับใช้นำชาที่ดีที่สุดและสำรับของว่างที่ดีที่สุดมาต้อนรับมู่เฉียนซี โดยปกติแล้ว หากฮ่องเต้มายังตำหนักเฟิงหลวน ดีที่สุดก็ได้ดื่มชาที่เย็นชืดแล้วเท่านั้น  กับมู่เฉียนซีกลับปฏิบัติอย่างดี ต้อนรับนางอย่างเยี่ยมเช่นนี้ ข้ารับใช้รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

การปฏิบัติเช่นนี้ของฮองเฮา ทำให้พวกเขารู้สึกว่าท่านผู้นำตระกูลมู่ต่างหากที่เป็นบุตรสาวที่แท้จริงของพระองค์  องค์รัชทายาทเปรียบดั่งบุตรนอกไส้

ฮองเฮาดีกับมู่เฉียนซีเกินไป นางรู้สึกอึดอัดนักจึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “องค์ฮองเฮา มิทราบว่าพระองค์เรียกข้ามา มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ ?”

ฮองเฮาขมวดคิ้ว กล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ เรียกว่าองค์ฮองเฮาช่างดูห่างเหิน เรียกเสด็จป้าหว่านเถอะ ข้ากับท่านพ่อของเจ้ารู้จักกันมานมนาน”

มู่เฉียนซียิ้มจาง ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “องค์ฮองเฮา ข้ามิบังอาจ”

“อา… เด็กน้อย นับวันเจ้ายิ่งเหมือนเฟิงอวิ๋นไม่มีผิด” ฮองเฮาทอดถอนใจ ทว่าท่าทางนางยังเต็มไปด้วยความรักความเอ็นดู

มู่เฉียนซี “องค์ฮองเฮา หากพระองค์เรียกข้ามาถามไถ่เรื่องครอบครัว ข้ามิอาจกล่าวอะไรได้มาก ความจำข้าไม่สู้ดีนัก มักจะเลอะเลือนไปบ้างบางครั้งบางครา”

ฮองเฮายิ้มพลางกล่าว “ซีเอ๋อร์ เจ้าช่างเป็นเด็กน่าสงสารยิ่งนัก ข้าเอ็นดูเจ้าเหลือเกิน” นัยน์ตานุ่มนวล เวลานี้สามารถบีบน้ำตาให้ไหลออกมาได้ “ซีเอ๋อร์ ข้าเรียกเจ้ามาในวันนี้ อยากจะพบเจอเพียงเท่านั้น ในวันนี้ซีเอ๋อร์กลายเป็นสตรีผู้แกร่งกล้าในแคว้นจื่อเยี่ยแล้ว อีกทั้งยังเติบโตขึ้นมาก ข้าไม่ดีเอง วัน ๆ เอาแต่สวดมนต์ศึกษาธรรมมะ พลาดไปหลายเรื่อง”

มู่เฉียนซี “องค์ฮองเฮาไม่ต้องเป็นกังวลเลยเจ้าค่ะ ข้ามู่เฉียนซีสุขกายสบายดี”

“ยังกลางวันอยู่ ซีเอ๋อร์คงไม่ถือสาที่จะนั่งคุยเป็นเพื่อนข้าใช่หรือไม่ ?”

มู่เฉียนซีพยักหน้า “ไม่เลยเจ้าค่ะ! มิทราบว่าพระองค์ประสงค์สนทนาเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ ? เรื่องที่พวกเราไปแข่งขันประลองที่แคว้นชิง หรือว่า…”

ฮองเฮาส่ายพระพักตร์ก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ดีกว่า! คุยเรื่องท่านพ่อของเจ้าดีกว่า”

“เรื่องท่านพ่อข้า ?” มู่เฉียนซีแปลกใจ ทว่านางก็สนใจในตำนานของท่านพ่อเช่นกัน นางไม่มีความทรงจำเมื่อสามปีก่อน และนางได้ยินเรื่องของท่านพ่อมาเพียงผิวเผิน อีกอย่าง ความแข็งแกร่งของนางยังไม่มากพอ  เห็นได้ชัดเจนว่าท่านอาไม่ค่อยเล่าอะไรให้นางฟังมากนัก

ฮองเฮา “อืม… อีกไม่นานซีเอ๋อร์ก็จะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว  คิด ๆ ดูแล้วเฟิงอวิ๋นจากแคว้นจื่อเยี่ยไปก็นานนับสิบหกปีแล้ว”

“เมื่อสิบเก้าปีก่อน เขาปรากฏตัวขึ้นในแคว้นจื่อเยี่ย เข้าวังหลวงมารักษาอาการประชวรของฮ่องเต้ นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นท่านพ่อของเจ้า ในตอนนั้น ข้าไม่คิดฝันมาก่อนว่าใต้หล้านี้จะมีบุรุษเก่งกาจเช่นท่านพ่อเจ้าอยู่…” ท่าทีของพระองค์ดูเหมือนนางมารที่กำลังตกอยู่ในภวังค์

มู่เฉียนซีได้รู้ถึงเรื่องราวท่านพ่อของตนเอง ทว่าดวงตาที่ร้อนแรงของฮองเฮาทำให้นางขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิด

“เกียรติยศของเขานั้นมิอาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เขาเป็นเหมือนจักรพรรดิที่สวรรค์ส่งมา สายเลือดอันสูงส่งสามารถยอมจำนนต่อเขาได้ …และเจ้า  ซีเอ๋อร์  เจ้านับวันยิ่งเหมือนท่านพ่อของเจ้ามาก”

ดูเหมือนว่าฮองเฮาตกอยู่ในภวังค์ของความทรงจำอันยาวนาน จ้องมองมู่เฉียนซีด้วยความหลงใหลหมกมุ่น

เวลานี้ มู่เฉียนซีเกิดความรู้สึกสงสัยระคนแปลกใจ ในใจก็ได้แต่ร้องโหยหวน ‘ท่านพ่อ! ท่านหว่านเสน่ห์ให้สตรีแล้วทิ้งให้นางตกอยู่ในภวังค์เช่นนี้รึ ?’

สายตาที่หลงใหลประหนึ่งสตรีบ้าบุรุษเช่นนี้ มู่เฉียนซีนางคุ้นเคยดี

“ใต้หล้านี้นอกจากเขา ก็ไม่มีบุรุษผู้ใดที่มีค่าพอ เขาเป็นบุรุษที่ดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว”

— ปัง! —

ทันใดนั้นประตูตำหนักถูกผลักอย่างรุนแรง ฮ่องเต้ในฉลองพระองค์ลายมังกรทองพรวดพราดเข้ามา อารมณ์โกรธกรุ่นปรากฏบนใบหน้า ตะเบ็งเสียงกล่าวว่า “พอได้แล้ว!”

.