เพราะการตายของกวนหลงเซิงทำให้ทหารเหรียญทองและทหารเหรียญเงินไม่มีใจจะสู้ต่อ ต่างพากันคุกเข่าร่ำร้องด้วยสีหน้าซีดเผือด “ท่านราชทูตใหญ่…ท่านตายอย่างน่าเศร้ายิ่งนัก!”

“พวกเจ้าจะร้องไห้ทำไมกัน?!”

เซี่ยโหวซางคลานออกมาพร้อมกับชูหอกขึ้น “วางอาวุธเสียแล้วข้าจะไว้ชีวิต หรือไม่ก็ตายตามหัวหน้าพวกเจ้าไป!”

“เรายอมแพ้แล้ว…”

สมาชิกสำนักอัศวินวางอาวุธลงด้วยไม่อยากถูกสังหาร

“เราจะทำอย่างไรต่อไปขอรับท่าน?” ฉีหยิงคำนับพลางเอ่ยถาม “ข้าคิดว่าในเมื่อเรายึดภูเขาได้อีกทั้งพวกมันก็ยอมแพ้แล้ว เท่านี้ภารกิจก็เสร็จสิ้นแล้วใช่หรือไม่ขอรับ? เช่นนั้นเราน่าจะรีบลงเขาไปแต่โดยเร็ว?”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “แม่ทัพฉีหยิงนำทหารม้าทะลวงนภาลงเขาไปรอข้าก่อนได้เลย”

“ขอรับ!”

ฉีหยิงขึ้นควบม้าและจากไป

เว่ยโฉวถาม “แล้วเราทำอย่างไรต่อขอรับ?”

“เรียกรวมกำลังพลที่เหลือแล้วตามข้ามา”

“ขอรับ!”

เสียงขุดดังอย่างต่อเนื่องจากทางเหมืองภูเขาขวานไฟ เมื่อทหารรับจ้างมังกรผงาดกว่าพันคนพร้อมอาวุธครบมือปรากฏกายขึ้น ทหารชำนาญการที่อยู่บริเวณนั้นต่างตกตะลึงและยอมแพ้โดยทันใด คนเหล่านี้เข้าร่วมสำนักอัศวินเพียงเพื่อต้องการชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้นอกจากคนที่ไร้จริยธรรมแล้วสามารถเปลี่ยนมาเข้าร่วมกับกลุ่มมังกรผงาดได้

หลินมู่อวี่ที่สวมชุดศึกเทวะกระชับกระบี่แล้วเดินนำเว่ยโฉว เซี่ยโหวซางและคนอื่นๆ เข้าไปในเหมือง ต้านู๋เมื่อเห็นหลินมู่อวี่ก็เบิกตาโพลงจำได้ทันที “เจ้า…เจ้าคือน้องหลินจื้อมิใช่หรือ?”

เว่ยโฉวเอ็ด “เสียมารยาท ท่านผู้นี้คือผู้บัญชาการองครักษ์อินทรีหลินมู่อวี่ และล่าสุดเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพองครักษ์ทิศใต้!”

“อะไรกัน…”

ต้านู๋รีบคุกเข่าด้วยความสั่นกลัว “ยินดีที่ได้พบขอรับ…ข้าน้อยไม่รู้ว่าท่านคือ…เป็นความผิดข้าเอง โด้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”

หลินมู่อวี่คลี่ยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปพยุงต้านู๋ขึ้น “พี่ต้านู๋ หลินจื้อก็คือชื่อข้าเหมือนกันดังนั้นอย่าได้กลัวไปเลย ทหารจักรวรรดิหาใช่ข้ารับใช้ชอบเข่นฆ่าเช่นพวกท่านกล่าวหาไม่ หากท่านยอมแพ้แล้วก็จงมาเข้าร่วมกับเรา หรือหากไม่ต้องการก็รับเหรียญทองแล้วกลับบ้านไปเสีย หากมีข้าจะไม่มีผู้ใดกล้าแตะท่านแม้ผมเส้นเดียว!”

ต้านู๋นิ่งค้างราวน้ำแข็งด้วยความตกใจ เว่ยโฉวแอบหัวเราะ “คนโง่ก็คือคนโง่จริงๆ”

เซี่ยโหวซางมองไปโดยรอบ “พระเจ้า นี่มันเหมืองทองชัดๆ ไอ้พวกสำนักอัศวินแอบมาขุดแร่ทองแล้วไม่จ่ายให้กรมหลวง…”

“นกตายเพื่ออาหารฉันใดคนก็ตายเพื่อเงินฉันนั้นเป็นธรรมชาติ” หลินมู่อวี่กล่าว

หลินมู่อวี่หรี่ตาลงก่อนจะกล่าวต่อ “แต่ข้าเกรงว่าความจริงคงไม่ง่ายดายเพียงนั้น แร่ทองนี้เป็นของหูเถี่ยหนิง หากดูจากนิสัยของเขาแล้ว…คงไม่ยอมรับผิดในเรื่องนี้อย่างแน่นอน”

หลินมู่อวี่หันมากล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “ฟังข้าให้ดี! แร่ทองพวกนี้ถูกกวนหลงเซิงแห่งสำนักอัศวินชางหนานลักลอบขุดขึ้นมา มิได้เกี่ยวข้องอันใดกันหูเถี่ยหนิงแห่งเมืองห้าหุบเขา ฉะนั้นหากใครก็ตามกล้าใส่ความเขา…ข้าจะตัดหัวมันเอง!”

หลัวอวี่ เว่ยโฉวและคนอื่นๆ ประหลาดใจ “ท่าน…แบบนี้มัน…”

เฟิงสี่ยิ้มและคำนับ “ปราดเปรื่องยิ่งขอรับ!”

ในที่สุดทุกคนก็ลงมาถึงชั้นล่างสุดของเหมืองโดยใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง กระทั่งพบแร่เพชรขาวอยู่เบื้องหน้า

“หินพวกนี้คือ…เพชรหรือ?” เว่ยโฉวถามด้วยความใคร่รู้

หลินมู่อวี่พยักหน้า “หลัวอวี่และเฟิงสี่ รีบสั่งให้ทหารมังกรผงาดลงมาและเก็บเพชรสีขาวนี้ให้หมดแล้วนำไปยังเขาผามังกร”

หลัวอวี่ยิ้มรับ “ขอรับ!”

หลินมู่อวี่เดินไปก่อนจะหยุดแล้วใช้กระบี่วิญญาณมังกรของตนขุดพื้นเหมืองดู ก่อนจะพบว่ามีแร่เพชรสีขาวอยู่จำนวนมาก ทว่าหากขุดลึกไปจะเป็นแร่ทอง

เว่ยโฉวที่เข้าใจการกระทำของหลินมู่อวี่ได้เอ่ยขึ้น “เพชรสีขาวจะถูกพบในชั้นที่มีพลังวิญญาณมากและที่เห็นนี้คือทั้งหมดแล้ว ซึ่งขุดได้มากเช่นนี้ก็นับว่าโชคดียิ่งขอรับ แค่นี้ก็มีมูลค่ามากกว่าครึ่งของเบี้ยเลี้ยงทั้งจักรวรรดิแล้ว”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “อืม เท่านี้ก็พอ เช่นนั้นก็รีบเก็บแล้วไปกันเถิด”

เซี่ยโหวซางสับสน “ท่าน…แล้วแร่ทองเล่าขอรับ?”

“การแอบขุดแร่ทองนั้นมีโทษถึงประหารชีวิต” หลินมู่อวี่หันไปพูดกับเซี่ยโหวซางด้วยรอยยิ้ม “เซี่ยโหวซาง…เจ้าอยากปหกกฎอาณาจักรรึ?”

“ข้า…” เซี่ยโหวซางได้แต่ยืนยิ้ม “ท่านนี่ช่างฉลาดจริงเชียว…”

หลินมู่อวี่ยังไม่ไปไหนและนั่งมองหลัวอวี่ เว่ยโฉวกับคนอื่นๆ ขุดหาเพชรสีขาวอยู่ในเหมือง กระทั่งเรียบร้อยเขาก็นำแร่เพชรใส่ในถุงสรรพสิ่งจนเต็มอย่างรวดเร็ว โดยสามารถจุไว้ในถุงสรรพสิ่งได้แปดร้อยชิ้น ส่วนที่เหลืออีกเจ็ดร้อยแบ่งใส่ในย่ามเดินทางของทหารรับจ้างมังกรผงาด

จู่ๆ หัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ของกลุ่มมังกรผงาดก็เข้ามาคำนับพร้อมเอ่ยขึ้น “ท่านผู้นำ…มีคนจากค่ายเขาเหินมาและบอกว่าหากเราไม่ออกจากถ้ำพวกมันจะโจมตี แม่ทัพฉีหยิงแห่งกองทัพทะลวงนภาแทบจะต้านไม่อยู่แล้ว รีบออกไปดูเถิดขอรับ!”

“หืม?”

หลินมู่อวี่ตาลุกโชน “ในที่สุดหลงเซียนหลินก็มาถึงแล้วรึ?”

“หลงเซียนหลินคือแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งมณฑลชางหนาน เราไม่มีคนมากพอจะต่อต้านขอรับท่าน…” หลัวอวี่เปรยขึ้น

“ข้ารู้” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “พวกเจ้ามากับข้า ส่วนคนที่เหลือขุดเหมืองต่อไป”

“ขอรับ!”

หลินมู่อวี่ออกจากเหมืองควบม้านำทัพมังกรผงาดสามพันคนลงเขาไป รุ่งสางมาเยือนพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่เริ่มสาดส่องไปทั่วจนย้อมภูเขาขวานไฟเป็นสีแดง เมื่อลงมายังตีนเขาก็พบว่ามีรอยเลือดเกาะหญ้าเป็นหย่อมๆ กระทั่งมาถึงทางขึ้นเขาที่มีการต่อสู้นองเลือดอยู่ ทั่วพื้นที่กระจัดกระจายไปด้วยศพ

เกราะรบของฉีหยิงชุ่มโชกไปด้วยเลือดขณะควบม้ามาพร้อมกับหอกยาวในมือ “ข้าได้เข้าปะทะกับหลงเซียนหลินและถูกตีกลับด้วยขบวนหอกจากกลางเขาขอรับ…”

“นี่เจ้า!”

หลินมู่อวี่พยายามระงับความโกรธและพูดขึ้นอย่างใจเย็น “จะแพ้หรือชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญ มากับข้า”

“ขอรับท่าน…”

มีศพนอนก่ายกองบริเวณไหล่เขาราวห้าร้อยศพ สี่ร้อยในนั้นเป็นทหารจากทัพทะลวงนภา ที่เหลือเป็นของค่ายเขาเหิน ทั้งสองฝั่งยังคงปะทะกันอยู่ ณ ป้อมปราการพังที่ถูกซ่อมแซมจนกลับมาใช้ได้ใหม่

หลินมู่อวี่เห็นสถานการณ์ทั้งหมดก่อนจะเอ่ยขึ้น “เว่ยโฉว นำพลธนูไปที่ป้อมปราการและดักยิงพวกค่ายเขาเหินที่ผ่านมาโดยเล็งไปที่ตาและคอเป็นหลัก”

“คอยดูได้เลยขอรับ!”

หลินมู่อวี่กล่าว “หลัวอวี่ ส่งทหารมังกรผงาดที่ร่างกายกำยำตามไปที่ป้อมด้วย หากศัตรูโผล่มาให้ใช้ก้อนหินทุ่มใส่พวกมัน”

“รับทราบขอรับ!”

“เฟิงสี่ สั่งให้คนลงจากม้าและใช้โล่กันธนู”

“ขอรับ!”

หลังจากออกคำสั่ง หลินมู่อวี่ก็ไปยังประตูเล็กพร้อมกับกระบี่วิญญาณมังกร เมื่อหันมองโดยรอบจึงพบว่าทั้งภูเขาขวานไฟถูกล้อมไว้หมดแล้ว มีกองทัพอย่างต่ำสามพันนายอยู่ตีนเขา พร้อมกับทหารชั้นยอดของค่ายเขาเหินที่นำโดยหลงเซียนหลิน แม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งชางหนาน แทบไม่มีโอกาสชนะในศึกนี้…

หลินมู่อวี่ใช้ปราณยุทธ์ช่วยกระจายเสียงให้ได้ยินไปทั่ว “ท่านหลงเซียนหลิน ตั้งแต่ที่เมืองห้าหุบเขา ข้าไม่คิดเลยว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนี้”

ณ ขบวนทหารม้า ชายสวมเกราะดำคนหนึ่งถือหอกก้าวออกมา “ท่านหลินมู่อวี่ ข้า…หลงเซียนหลินก็ไม่คิดว่าเราจะได้เจอกันเช่นนี้ กระทั่งท่านได้ลักลอบนำทหารเข้ามณฑลชางหนานแล้วเข่นฆ่าทหารอวิ้นจงกว่าร้อยคน ตอนนี้ท่านเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะทรยศ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจากล้อมเขานี้ไว้”

หลินมู่อวี่หัวเราะ “แม่ทัพหลงเซียนหลินคิ้วแทบไม่ขยับเลยนะขอรับเวลาพูดโกหก ช่างสมกับเป็นดาราแห่งยุคจริงเชียว เหตุใดข้าจึงขึ้นมายังภูเขาแห่งนี้ และเหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่ แม่ทัพหลงเซียนหลินไม่นึกสงสัยบ้างหรือขอรับ?”

หลงเซียนหลินหัวเราะอย่างเย็นชา “ท่านหลินมู่อวี่เป็นถึงหนึ่งในสี่วีรบุรุษแห่งเมืองหลันเยี่ยนที่องค์จักรพรรดิแต่งตั้งและมีชื่อเสียงไปทั่วอาณาจักร อีกทั้งยังได้รับสมญาว่าแม่ทัพองครักษ์ทิศใต้ที่ถูกจดจำในฐานะแม่ทัพผู้มีอนาคตไกลที่สุดในอาณาจักร หลงเซียนหลินผู้นี้รู้สึกโชคดีมากที่ได้มีโอกาสลิ้มลองทักษะของท่านเสียที ว่าอย่างไรกล้าพอจะสู้กับข้าหรือไม่?”

“เชิญเข้ามา” หลินมู่อวี่กล่าว

“ชิ้ง!”

หลงเซียนหลินชูดาบขึ้นพลางตะโกน “โจมตี!”

กองทัพค่ายเขาเหินหนึ่งพันคนเข้าจู่โจมด้วยรูปแบบกวาดล้าง พวกเขายกโล่ขึ้นป้องกันตนเองและพรรคพวกเมื่อเข้าสู่ระยะยิง เดินหน้าด้วยโล่เหล็กอย่างไม่เกรงกลัว

หลินมู่อวี่แอบยกย่องการจัดทัพของกองทหารนี้ หลงเซียนหลินช่างปราดเปรื่องสมฉายาแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงแห่งยุคมืด ทุกคนในทัพเองก็ช่ำชองการรบไม่ต่างจากผู้นำของพวกเขาที่ฝีมือเก่งกาจยิ่งกว่าที่เล่าขานกันมา

“ยิง!”

เมื่อได้ยินคำสั่งจากเว่ยโฉวธนูพันดอกก็ถูกยิงจากกำแพงหิน พลธนูของทหารจักรวรรดิและกลุ่มมังกรผงาดต่างระดมยิง ฝนธนูพุ่งปักโล่เหล็ก บ้างก็โดนเบ้าตาและลำคอของทหารค่ายเขาเหิน เสียงร้องระงมดังไปทั่วเมื่อหลายคนถูกธนูแหลมปลิดชีพ กระทั่งขบวนโล่เริ่มมีช่องโหว่

หลงเซียนหลินร่นไปอยู่หลังขบวนทหารม้าก่อนจะชูดาบขึ้นพร้อมออกคำสั่ง “ขว้างหอก!”

“เคร้ง…เคร้ง…”

โล่ในมือถูกลดระดับลงในทันใด ทหารค่ายเขาเหินกว่าพันคนตั้งท่าขว้างหอกจากหลังม้าก่อนจะขว้างมันออกไป!

“หมอบลง!”

หลินมู่อวี่ตะโกนสั่งให้ทุกคนหมอบลงใต้กำแพง ทว่ายังมีคนที่หลบไม่ทันถูกหอกขว้างปัก เพียงพริบตาเดียวก็มีคนถูกฆ่าและบาดเจ็บอีกเป็นสิบ

……………………