ตอนที่ 846 ต่อให้ฟ้าถล่ม ผมก็จะโอบกอดคุณไว้!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

หลังจากพาลูกทั้งสองคนเข้านอนแล้ว โม่ถิงก็ช้อนตัวถังหนิงขึ้นในอ้อมแขนพลางสาวเท้าตรงไปที่เตียงนอน จากนั้นจึงเอนตัวตามไปคร่อมช่วงบนของร่างเธอ ก่อนกดจมูกลงกับอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่าย

 

 

“คุณดูสนุกแต่บางทีคุณก็ไม่สนใจสามีของตัวเองเลยนะครับ…”

 

 

“นี่…” ถังหนิงอยากจะเอ่ยปฏิเสธ ผู้ชายคนนี้กำลังกล่าวหาเธอ เห็นกันอยู่ว่าเธอต้องการเขาอยู่ทุกคืน อย่างนี้จะนับว่าเธอทำเมินเขาได้อย่างไรกัน

 

 

ทว่าก่อนที่เธอจะได้เรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง โม่ถิงก็ปิดปากเธอด้วยจูบของเขา

 

 

เสียงเดียวที่ตามมาหลังจากนั้นคือเสียงชุดนอนของเธอที่ถูกถอดทิ้งไป

 

 

แม้ว่าโม่ถิงจะมีอายุสามสิบสี่แล้วแต่เธอพบว่าตัวเองกลับยิ่งหลงใหลร่างกายของอีกฝ่ายอย่างอธิบายไม่ถูก โดยเฉพาะบริเวณลำคอ และคงเป็นนิสัยที่ไม่มีทางแก้ได้…

 

 

“ไม่ว่าคุณจะทำอะไรผมก็จะช่วยคุณ ต่อให้ฟ้าถล่มผมก็จะโอบกอดคุณไว้!”

 

 

นั่นเป็นคำที่โม่ถิงกระซิบบอกข้างหูถังหนิงก่อนที่พวกเขาจะหลับไป

 

 

เป็นจังหวะเดียวกับที่ถังหนิงพ่นลมหายใจฮึดฮัดออกมาเบาๆ จึงได้ยินสิ่งที่เขาพูดได้ไม่ชัดเจนนัก หากแต่เธอก็กระชับแขนโอบรอบเอวของเขาอย่างไม่รู้ตัวและผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

ซิงหลานผ่านเข้ารอบไปอย่างสวยงาม ส่วนลัวเซิงมีโอกาสได้ทำงานใหญ่

 

 

ถังหนิงได้เปลี่ยนโชคชะตาของพวกเขาไปโดยสิ้นเชิงและกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของจู้ซิงมีเดีย

 

 

ด้วยเหตุนี้คนที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองต้องการความช่วยเหลือจึงไม่อาจโกหกตัวเองได้อีก พวกเขาติดต่อถังหนิงผ่านทางหลงเจี่ย ด้วยหวังว่าจะได้เข้าสังกัดจู้ซิงมีเดียและได้รับการฝึกฝน

 

 

“ฮ่าๆ ในที่สุดคนพวกนี้ก็รู้ตัวว่าเล่นอยู่กับใครสักที” หลงเจี่ยปัดตกคำร้องขอเหล่านั้นโดยไม่คิดแม้แต่น้อย “ถ้าพวกเขาไม่รู้ว่าจะใช้โอกาสของตัวเองให้เป็นประโยชน์ยังไง ยังจะคิดจริงๆ เหรอว่าจะได้เข้าสังกัดจู้ซิงมีเดียมาง่ายๆ น่ะ เราไม่ได้มีเวลาคุยกับพวกเขาหรอกนะ”

 

 

“คนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วต้องอยากดังขึ้นไปอีกอยู่แล้วล่ะ” ถังหนิงตอบ

 

 

“ถ้าอย่างนั้น คุณจะตอบรับคำเชิญสัมภาษณ์ของคอลัมน์ดาวเด่นหรือเปล่าคะ” หลงเจี่ยถามขณะโบกจดหมายเชิญไปมาตรงหน้าถังหนิง

 

 

“มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับการเป็นผู้จัดการไม่ใช่เหรอ ฉันจะปฏิเสธใครตามใจตัวเองก็ได้” ถัง

 

 

หนิงเอ่ยพลางเลิกคิ้วขึ้น “บอกพวกเขาว่าฉันตัดสินใจทำงานเบื้องหลังแล้วและไม่อยากปรากฏตัวบนหน้าจออีก”

 

 

ความจริงแล้ว ถังหนิงกำลังยุ่งกับการค้นหาศิลปินคนอื่นๆ อยู่ต่างหาก!

 

 

เธอไม่ต้องเป็นห่วงลัวเซิงอีกแล้วและซิงหลานก็ดูท่าจะไปได้สวย เธอจึงไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงกับพวกเขาอีกต่อไป

 

 

ทว่าในครั้งนี้กลับมีบางอย่างเล็กๆ แทรกเข้ามาเสียก่อน

 

 

มีใครบางคนต้องการพบถังหนิงและพวกเขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดโดยขอนัดพบในเวลากลางคืนเท่านั้น

 

 

หลังจากที่เธอถอนตัวจากการเป็นนักแสดง ถังหนิงก็มีอิสระขึ้นมาก อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องแสดงแล้วจึงไม่ต้องกังวลกับสื่ออีก

 

 

หลังจากวันนั้นถังหนิงและหลงเจี่ยจึงมาถึงสถานที่นัดพบ แน่นอนว่าคนที่ต้องการพบเธอไม่ใช่ศิลปินหน้าใหม่ หากจะพูดให้ถูกเธอไม่ใช่คนที่ไม่มีชื่อในวงการนัก หากแต่ความโด่งดังของเธอมาจากชื่อเสียงด้านแย่ๆ ของเธอเสียมากกว่า พูดอีกอย่างคือเธอต้องการให้ถังหนิงกอบกู้ภาพลักษณ์ให้นั่นเอง

 

 

“ฉันคิดว่าเธอคงมาหาผิดคนแล้วล่ะ…” ถังหนิงตอบกลับ

 

 

“ทำไมล่ะคะ คุณช่วยกู้ภาพลักษณ์ของทั้งลัวเซิงและซิงหลาน ทำไมถึงช่วยฉันไม่ได้ล่ะคะ” ท่าทางของหญิงสาวดูผิดหวัง “ฉันนอนไม่หลับทุกคืนเพราะข่าวลือและเรื่องซุบซิบที่กระจายไปทั่ว ฉันไม่ได้นอนหลับสนิทมานานแล้วค่ะ”

 

 

“ฉันไม่ได้ลบล้างความผิดอะไรเลย พวกเขาไม่ได้ทำผิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ถังหนิงว่าขึ้นพร้อมเลิกคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอส่งสัญญาณบอกว่าหญิงสาวคนนี้แตกต่างจากซิงหลานและลัวเซิง

 

 

ถังหนิงได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเธอมาแล้ว เมื่อก่อนเธอทำเรื่องโง่ๆ มามาก และในสายตาคนอื่น เธอทั้งดูเสแสร้งและมีชงักติดหลังไม่น้อย ช่วงหลายปีมานี้เธอจึงติดอันดับดาราที่ถูกเกลียดมากที่สุด

 

 

“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยค่ะ” เธอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

 

 

ถังหนิงมองเข้าไปในแววตาของเธอ พวกเธอจ้องกันและกันอย่างไม่ละสายตาอยู่ราวสิบวินาที ทว่าเธอกลับไม่ได้หลบตาถังหนิงตลอดช่วงเวลานี้แม้แต่น้อย นี่มันหมายความว่าอะไรกัน

 

 

มันหมายความว่าเธอไม่ได้โกหก

 

 

“นี่คงเป็นความท้าทายสำหรับคุณเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ ถ้าคุณสามารถกู้ชื่อเสียงของฉันได้ มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุณสามารถทำให้ใครดังขึ้นมาก็ได้”

 

 

“ฉันต้องขอประเมินสถานการณ์ก่อน” ถังหนิงตอบกลับไปตามตรง “ฉันยังไม่เชื่อคุณร้อยเปอร์เซ็นต์ ขอฉันสืบเรื่องนี้ก่อนถ้าจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันจะติดต่อคุณไปเอง”

 

 

“สัญญาของฉันกับเอเจนซี่ปัจจุบันกำลังจะหมด แม้ว่าชื่อเสียงของฉันจะไม่ค่อยดีนักแต่ฉันก็ทำเงินให้พวกเขาได้ไม่น้อย อย่างที่คุณรู้นั่นแหละค่ะ ว่าใครที่ไม่มีค่าในวงการนี้แล้วเอเจนซี่ก็จะลอยแพพวกเขาไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี”

 

 

ถังหนิงมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย ตะขิดตะขวงอยู่ในใจว่าทำไมแววตาของเธอถึงได้มากวนใจเธอนัก

 

 

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทำให้เธอนึกถึงตัวเอง…

 

 

ถังหนิงและหลงเจี่ยออกจากโรงแรมในเวลาถัดมา อย่างไรก็ตามระหว่างทางกลับบ้านถังหนิงเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ

 

 

หลงเจี่ยไม่รู้ว่าถังหนิงกำลังคิดอะไรจึงได้แต่บอกในสิ่งที่อยู่ในใจของตัวเอง “เดิมทีเราสร้างจู้ซิงมีเดียเพราะเราอยากสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการบันเทิง และทำให้นักแสดงใส่ใจกับการแสดง ให้ศิลปินผลิตผลงานเพลงอย่างมืออาชีพให้มากขึ้นนะคะ

 

 

“แม้ว่าสมองจะห้ามไม่ให้ฉันเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้ แต่ในใจฉันกลับบอกให้ช่วยเธอ เหมือนอย่างที่ฉันช่วยคุณเอาไว้เมื่อก่อน…

 

 

“ทั้งคุณและฉันรู้ว่าวงการนี้มันโหดร้ายแค่ไหน บางคนโชคดี ได้อยู่ในเอเจนซี่ที่รู้ว่าจะช่วยให้พวกเขามีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมได้ยังไง แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่เป็นแบบนั้น คนที่เข้ามาวงการมาอย่างไม่บริสุทธิ์ใจ สนใจแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง ฉันมั่นใจว่าคุณรู้เรื่องนี้ดีกว่าฉันเพราะคุณได้สัมผัสมันมาแล้ว…

 

 

“ฉันไม่อยากไปยุ่มย่ามกับการตัดสินใจของคุณนะคะ แต่ยังไงการเซ็นสัญญากับศิลปินคนนี้ก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงไม่น้อย และอาจจะทำลายชื่อเสียงของเราไปตลอดกาล…

 

 

“เพราะฉะนั้นทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะคะ…”

 

 

ถังหนิงก้มหน้าลงอย่างครุ่นคิด ผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดเธอก็เอ่ยขึ้น “หาข้อมูลเกี่ยวกับเธอเท่าที่จะหาได้มาให้ฉันที ถ้าเจอเรื่องผิดปกติฉันจะไม่รับพิจารณาเธอทันที”

 

 

“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะตรวจสอบทุกอย่างอย่างละเอียด”

 

 

การทำให้ซิงหลานและลัวเซิงโด่งดังขึ้นมาเป็นเรื่องง่าย หากแต่…การกอบกู้ภาพลักษณ์ของใครสักคนที่มีความผิดติดตัวมาตลอดนั้น…

 

 

…ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากไปสักหน่อย มันแตกต่างจากการรักษาหน้าที่การงานของตัวเองอยู่มากโข

 

 

เหมือนการบังคับใครสักคนให้กลับมาชอบคนที่เกลียดในทันที บางทีการล้างความทรงจำอาจจะเป็นทางเดียวที่จะพลิกกระดานนี้ได้

 

 

หลังจากกลับมาถึงบ้าน ถังหนิงจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้โม่ถิงฟัง

 

 

หลังจากได้ยินเรื่องทั้งหมดโม่ถิงก็ระบายยิ้มให้ “ท่าทางของคุณบอกผมว่าคุณวางแผนปูทางให้เธอในใจแล้วนะครับ…”

 

 

“ดูออกขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ถังหนิงถาม

 

 

“ก็ไม่ขนาดนั้นครับ ผมแค่เข้าใจคุณน่ะ นี่เป็นความท้าทายครั้งใหญ่และผมก็รู้ว่าคุณชอบความตื่นเต้น…” พูดจบโม่ถิงก็รั้งถังหนิงเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน “ยอมรับซะเถอะคุณนายโม่ ว่าคุณชอบความรู้สึกเวลาโน้มน้าวคนอื่นได้สำเร็จน่ะ…

 

 

“แต่ถ้าคุณอยากเซ็นสัญญากับศิลปินคนนี้จริงๆ คุณจะเปิดเผยกับสื่อไม่ได้ ไม่อย่างนั้นความตั้งใจของคุณก็จะสูญเปล่า”

 

 

ความพยายามล้างมลทินของคนคนหนึ่งอย่างจงใจเป็นเรื่องที่โจ่งแจ้งเกินไป

 

 

“เข้าใจแล้วค่ะ คุณโม่” ถังหนิงเอ่ยขณะประกบจูบลงบนริมฝีปากโม่ถิง