ตอนที่ 236 เมื่อปรมาจารย์กลายเป็นหินใต้เท้า

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ชายที่นั่งโต๊ะคอมถัดจากถังชิงได้แต่มองเธออย่างอ้าปากค้าง “คุณถัง?”

 

 

ถังชิงไม่ตอบอะไร หลังจากลบโค้ดหมด เธอก็ดันเก้าอี้ลุกขึ้น พลางมองรอบๆ เห็นทุกคนกำลังศึกษาโค้ดกันอย่างตื่นเต้น

 

 

ในตอนนี้เธอก้มหน้าด้วยความหงุดหงิดมากกว่าเดิม ก่อนยื่นมือไปปิดคอม จากนั้นเดินออกจากหน่วยข่าวกรองไป

 

 

คนส่วนมากกำลังศึกษารหัสโค้ดอยู่ จึงไม่ได้สนใจที่ถังชิงเดินออกไป

 

 

มีเพียงเจอร์รี่เท่านั้นที่เห็น

 

 

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกนาย?” เก้าวันผ่านไปเจอร์รี่ที่ไม่ได้ใช้ไม้ค้ำแล้วเดินเข้าไปถามสมาชิกคนนั้นที่นั่งข้างถังชิง

 

 

ชายคนนั้นได้ยินจึงรีบลุกขึ้นตอบว่า “คุณถังลบรหัสโค้ดบนคอมออกหมดแล้วลุกออกไปเลยครับ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าคุณถังต้องการทำอะไร”

 

 

ฟังคำบอกกล่าวจบ ระหว่างคิ้วของเจอร์รี่ก็ย่นเข้าหากัน

 

 

เขาไม่เข้าใจเรื่องนี้ละเอียดนัก เพียงส่ายหัวพูดว่า “ช่างเถอะ เธออยากลบก็ให้เธอลบไป”

 

 

เมื่อเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง เขาจึงส่งข้อความหาเฉิงหั่วเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

 

**

 

 

ในตอนนี้เฉิงหั่วกำลังไปห้องสมุดกับฉินหร่าน

 

 

เขากำลังเดินขึ้นบันไดขณะได้รับข้อความ หลังจากนั้นทุกการเคลื่อนไหวของร่างกายก็หยุดชะงักลง

 

 

“ทำไมเหรอ?” อุณหภูมิในตัวปราสาทเก่าค่อนข้างสูง ฉินหร่านเอ่ยพลางแกะกระดุมเสื้อกันหนาวออก เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากเธอจึงหยุดเดินไปด้วย พลางเอียงตัวมองเล็กน้อย

 

 

เฉิงหั่วส่งข้อความตอบกลับไป ‘ไม่ต้องสนใจเธอ’

 

 

จากนั้นเงยหน้าส่งยิ้มให้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เจอร์รี่เพิ่งส่งข้อความมาถามผมน่ะ”

 

 

เฉิงหั่วไม่ได้นำเรื่องนี้มาพูดกับฉินหร่าน

 

 

ฉินหร่านเป็นคนเขียนโค้ดเอง เฉิงหั่วไม่คิดจะปิดบังเรื่องนี้กับคนของหน่วยข่าวกรอง แต่ถังชิงกลับลบโค้ดทิ้งไปแล้ว หากเรื่องดันนี้เกิดขึ้นกับตัวเฉิงหั่วเอง เขาคงรู้สึกไม่ยินดีอย่างแน่นอน

 

 

ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องบอกเรื่องนี้แก่ฉินหร่านให้เธอรู้สึกรำคาญใจ

 

 

ทั้งสองเดินไปห้องสมุด เฉิงหั่วรายงานความก้าวหน้าล่าสุดให้เฉิงเจวี้ยนฟัง

 

 

ในตอนท้าย กล่าวเสริมอีกประโยคหนึ่งว่า “นายท่าน เรื่องของถังชิง ผมตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยให้เธอเข้าร่วมการทดสอบเหมือนเดิมตามข้อบังคับที่กำหนดไว้ครับ”

 

 

แต่แรกในตอนที่เฉิงหั่วกลับมาก็ไม่ได้ให้ถังชิงเข้าร่วมการทดสอบ

 

 

ถังชิงเป็นสมาชิกคนใหม่ของสมาคมแฮ็กเกอร์ ก่อนหน้านี้เฉิงหั่วและถังชิงทำงานร่วมกัน ทักษะด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ของเธอไม่อาจมองข้ามได้ ถึงแม้นิสัยจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่นิสัยของมนุษย์ย่อมมีข้อเสียกันทั้งนั้น

 

 

ในตอนนั้นเฉิงหั่วให้ความสำคัญกับเธอเป็นพิเศษ

 

 

ทว่ากว่ายี่สิบวันที่เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ เฉิงหั่วถึงได้รู้ความจริงว่าความหยิ่งผยองของเธอนำมาซึ่งมุมมองการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้อย่างง่ายดาย

 

 

ทั้งนิสัยใจร้อนและหลงตัวเองจนเกินตัว ใช้อารมณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะระยะหลังมานี้ที่แสดงความขี้อิจฉาเด่นชัดที่สุดในกลุ่ม

 

 

แน่นอนว่านี่เป็นจุดด้อยที่สุด ยังมีก่อนหน้านี้อีกสองครั้งที่ถังชิงขัดจังหวะอย่างไร้เหตุผลในขณะที่ฉินหร่านกำลังพูด

 

 

เขาแอบคิดอยู่ในใจ ถ้าหากวันนั้นไม่ถูกถังชิงขัดจังหวะ ฉินหร่านคงบอกเขาเร็วกว่านี้ไปแล้วหรือเปล่า?

 

 

ระยะหลังมานี้ใครบ้างไม่พูดถึงเรื่องคุณชายลู่ ทว่าเฉิงหั่วและใครอีกหลายคนรู้อยู่แก่ใจว่าแท้จริงแล้วคุณชายลู่มาเพื่อใครกันแน่

 

 

“อืม” เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า เขาวางเอกสารในมือไว้อีกฝั่ง ก่อนมองเฉิงหั่ว “นายไปรายงานกับเฉิงสุ่ยเถอะ”

 

 

เฉิงหั่วตอบรับก่อนเดินออกจากห้องสมุด

 

 

ฉินหร่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งของเธอ มือข้างหนึ่งเท้าคาง อีกข้างพลิกดูหนังสือ

 

 

รอเฉิงหั่วเดินออกไปแล้ว ถึงพูดกับเฉิงเจวี้ยนว่า “คุณเรียกหาฉันทำไม?”

 

 

“หลังจากทดสอบเสร็จวันพฤหัส ก็เหลืออีกไม่กี่วันจะปีใหม่แล้ว” เฉิงเจวี้ยนเงยหน้ามองฉินหร่าน ลังเลอยู่ชั่วหนึ่งก่อนตัดสินใจพูดออกไป “เธอจะไปหากู้ซีฉือหลังสอบเสร็จหรือว่าจะรอหลังปีใหม่ หรืออยากจะไปช่วงบ่ายแล้วกลับพรุ่งนี้?”

 

 

ปีใหม่ที่ผ่านมาเฉิงเจวี้ยนไม่ได้ตัดสินใจกลับอวิ๋นเฉิงและไม่ได้ตัดสินใจกลับเมืองหลวง

 

 

ยาของกู้ซีฉือยังอยู่ในช่วงการทดลองอีกสักพักใหญ่ การทดลองนี้เป็นอีกขั้นของความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์วงการแพทย์ อีกทั้งยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนที่ต้องอยู่ในองค์กรการแพทย์

 

 

จากปีที่แล้วจนถึงปีนี้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

 

“งั้นก็เป็นบ่ายนี้ละกัน” ฉินหร่านเท้าคาง ตัดสินใจโดยไม่ต้องคิด

 

 

“ได้” เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า เป็นไปตามที่เขาคาดไว้

 

 

เขาส่งข้อความหากู้ซีฉือ เรื่องที่จะไปองค์กรการแพทย์

 

 

เมื่อส่งข้อความหากู้ซีฉือเสร็จ เฉิงเจวี้ยนเอนตัวลงเก้าอี้พลางมองฉินหร่าน

 

 

“อะไร?” ฉินหร่านเงยหน้า

 

 

เฉิงเจวี้ยนมองด้วยสายตาอ่อนโยน น้ำเสียงกล่าวด้วยรวมยิ้มที่ปนไปด้วยความสดใส “ฉันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้…เพื่อให้การทดสอบสนุกยิ่งขึ้น ให้ฉันใส่ชื่อของเธอลงไปในรายการด้วยดีไหม? ระดับน่าจะไม่ต่างกับเฉิงสุ่ยมาก”

 

 

สำหรับการทดสอบ ผู้ที่ถูกรวมอยู่ในรายการการทดสอบจะสามารถตอบรับการแข่งขันหรือเริ่มท้าแข่งกับคนอื่นได้

 

 

มีรายชื่อของเฉิงสุ่ยรวมอยู่ด้วยทุกปี แต่ก็ไม่มีใครกล้าท้าแข่งกับเฉิงสุ่ย

 

 

เฉิงสุ่ยที่เพิ่งเข้าประตูมาเฉิงสุ่ยเพื่อเตรียมส่งรายชื่อปีนี้ให้แก่เฉิงเจวี้ยน “…”

 

 

**

 

 

ณ องค์กรการแพทย์

 

 

กู้ซีฉือที่ถือปากกากับกระดาษอยู่ กำลังจดบันทึกลักษณะของหนูขาวและตรวจสอบอาการต่างๆ เหมือนเช่นเคย

 

 

“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชายสูงวัยสวมแว่นตาสายตายาวยืนถามด้วยน้ำเสียงจริงจังอยู่ด้านข้าง

 

 

กู้ซีฉือจดข้อมูลสุดท้ายเสร็จก่อนนำสมุดส่งให้ชายสูงวัยอ่าน เขากดคิ้วอยู่ชั่วครู่ “อาจารย์ดูเอาเองเถอะ”

 

 

เพื่อผลการทดลองของโครงการนี้ กู้ซีฉือแทบจะไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว

 

 

โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาร้องแจ้งเตือน เขาจึงก้มดูทีหนึ่ง

 

 

ข้อความจากเฉิงเจวี้ยนส่งมาบอกว่าบ่ายนี้จะพาฉินหร่านไปหา

 

 

กู้ซีฉือเอนตัวพิงเก้าอี้ ก่อนเอามือลูบคิ้วพลางยิ้ม เขาไม่ได้เจอฉินหร่านมานานมากแล้วจริงๆ

 

 

ขณะที่ถัดไปด้านข้างมีคนคอยบริการน้ำอุ่นให้

 

 

กู้ซีฉือเอนตัวพิงเก้าอี้พลางยื่นมือรับ เขาดื่มน้ำหมดครึ่งแก้วแล้วเงยหน้ามองเจียงตงเยี่ย “นายไม่ต้องเสียเวลามาอยู่กับฉันก็ได้ ช่วงนี้ฉันกลับเมืองหลวงไม่ได้ชั่วคราว”

 

 

เจียงตงเยี่ยไม่ได้ตอบอะไร เพียงเลิกคิ้วถาม “นายควรนอนก่อนมั้ย?”

 

 

การทดลองครั้งนี้นับว่าคืบหน้าอย่างมาก ชายสูงวัยที่อยู่ด้านข้างดูข้อมูลเรียบร้อยก่อนคืนสมุดบันทึกให้กู้ซีฉือ ยิ้มตอบด้วยความพอใจว่า “เสี่ยวฉือเอ๋ย มีเรื่องดีอะไรเกิดขึ้นรึ?”

 

 

เมื่อครู่เขาเห็นกู้ซีฉือก้มดูโทรศัพท์ เหมือนจะยิ้มออกมาด้วย

 

 

“เป็นข่าวดีน่ะ” กู้ซีฉือไม่ตอบเจียงตงเยี่ย เขาหันมองชายสูงวัยตอบด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน “รุ่นพี่กับหรานหร่านจะมาที่นี่บ่ายนี้”

 

 

หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าชายสูงวัยจะลืมเรื่องเฉิงเจวี้ยนไปเสียสนิท

 

 

เมื่อได้ยินกู้ซีฉือพูดขึ้น ใบหน้าของเขาที่ยิ้มดีใจเรื่องเนื้อหาผลการทดลองหายไปอย่างกะทันหัน “ตอน…ตอนบ่าย?”

 

 

กู้ซีฉือพยักหน้า

 

 

ชายสูงวัยไม่พูดอะไรสักคำ รีบไปที่ข้างโต๊ะทำงานของตนทันที ก่อนหยิบวิทยานิพนธ์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับทฤษฎีทั้งหมดขึ้นมาวาง

 

 

“รุ่นพี่ อาจารย์เป็นอะไรไป?” นักศึกษาใหม่ของปีนี้กำลังนำหลอดทดลองที่มีของเหลวสีฟ้าหลอดหนึ่งส่งให้กู้ซีฉือ

 

 

เขาอยู่ที่องค์กรการแพทย์ได้ครึ่งปีแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นอาจารย์ดูลุกลี้ลุกลนเช่นนี้เลย

 

 

กู้ซีฉือนำผ้าห่มวางไว้อีกฝั่ง ก่อนบิดเอวอย่างเกียจกร้าน จากนั้นมองนักศึกษาคนนั้นคราหนึ่งพลางพูดด้วยความเห็นอกเห็นใจว่า “พ่อนายจะมาหาตอนบ่ายน่ะ”

 

 

ใบหน้าของนักศึกษาตื่นตกใจอย่างยิ่ง พ่อของเขาไม่ใช่อยู่ในประเทศรึ?

 

 

**

 

 

ในเวลาเดียวกัน ณ คฤหาสน์รัฐ M

 

 

ด้านนอกลานฝึกซ้อมที่ใหญ่ที่สุดได้ปิดประตูลงแล้ว มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งจัดเตรียมสนามสอบอยู่ด้านในเพื่อเตรียมการทดสอบในวันพรุ่งนี้

 

 

ทุกคนทำได้เพียงอาศัยอยู่บริเวณสองห้องด้านนอกลานฝึกซ้อมเพื่อฝึกซ้อมได้เล็กน้อย

 

 

แน่นอนว่าถังชิงก็อยู่ด้วย สองวันนี้เธอไม่ได้ไปที่หน่วยข่าวกรอง แต่ตั้งใจอยู่ที่ลานฝึกซ้อม ค่าพลังหมัดเธออยู่ในระดับสูง แต่ว่ายังขาดทักษะ

 

 

หนึ่งเดือนมานี้ หลังจากรู้ว่าตัวเองต้องเข้าร่วมการทดสอบ เธอจึงมีเวลาไปปรึกษากับคนที่ฝ่ายยุติธรรม

 

 

คนของฝ่ายยุติธรรมรู้ว่าถังชิงคือสมาชิกของสมาคมแฮ็กเกอร์ เดิมเฉิงหั่วก็แสดงท่าทีให้ความสนใจแก่ถังชิง ย่อมต้องปฏิบัติต่อเธออย่างเต็มที่

 

 

คนของฝ่ายยุติธรรมที่อยู่ด้านนอกล้วนเป็นยอดฝีมือ

 

 

มาคฤหาสน์ได้เดือนหนึ่ง ก็มีคนจำนวนหนึ่งคอยช่วยเหลือ ทำให้ทักษะของถังชิงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

 

 

เธอวัดค่าพลังหมัดของตัวเอง

 

 

ได้752

 

 

ตอนนี้ค่าพลังหมัดของเธอเป็นอันดับสูงสุด

 

 

คนของฝ่ายยุติธรรมที่อยู่ถัดไปถึงกับร้องตกใจ “คุณถัง คุณหนูก้าวหน้าได้ไวมาก!”

 

 

ค่าแรงห่างกันจากเดิมประมาณ30 เป็นการพัฒนาที่มากจริงๆ

 

 

ถังชิงเก็บหมัด สัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมาพลางส่งยิ้มให้ ก่อนหันไปทางผู้กองลั่ว

 

 

อาศัยในคฤหาสน์ได้เดือนหนึ่ง เธอย่อมรู้ว่าถึงแม้คนพวกนี้คือคนจากคฤหาสน์ แต่แบ่งออกเป็นหลายระดับ

 

 

สูงสุดคือเฉิงเจวี้ยน รองลงมาคือเฉิงสุ่ย จากนั้นคือหัวหน้าของแต่ละฝ่าย ถึงเป็นผู้กองลั่วบุคคลสำคัญของทุกฝ่าย สุดท้ายคือสมาชิกธรรมดา

 

 

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ถังชิงหันไปมองผู้กองลั่ว

 

 

ผู้กองลั่วก็มองมายังเธอพอดี ดูเหมือนสายตาส่องประกายเล็กน้อย

 

 

จากนั้นรีบเดินมาหาเธออีกฝั่งอย่างรวดเร็ว

 

 

ถังชิงตะลึงงัน แม้จะตกใจ แต่เธอก็ไม่รู้สึกประใจเท่าไหร่นัก มือของเธอยังวางอยู่บนเครื่องวัดแรงหมัด ด้วยท่าทีเย็นชายิ่ง

 

 

ทว่าสำหรับผู้กองลั่วที่อยู่อีกฝั่ง ใบหน้าหล่อเหลายิ้มมุมปากเล็กน้อย

 

 

ไม่ต้องรอให้เธอกล่าวคำทักทาย ผู้กองลั่วก็เดินเฉียดเธอก่อนอ้อมหลังเธอแล้วเดินจากไป

 

 

ทั้งยังได้ยินผู้กองลั่วพูดอย่างดีอกดีใจว่า “คุณหนูฉิน คุณหนูฉิน!”

 

 

ใบหน้าของถังชิงแข็งเป็นหิน มองจากทางด้านหลัง ลานฝึกซ้อมแห่งนี้อยู่ห่างจากสวนดอกไม้ไม่มาก ฉินหร่านถือบัวรดน้ำกำลังรดน้ำดอกไม้สีเหลืองแปลงหนึ่งอยู่

 

 

สวนดอกไม้มีกระจกกั้นอยู่หนึ่งชั้น แม้ไม่ใช่กำแพงเก็บเสียง แต่สามารถได้ยินเสียงพูดคุยจากด้านนอก

 

 

ทั้งลานฝึกซ้อมขนาดเล็กแห่งนี้อยู่เป็นหลุมลึก พละกำลังของผู้กองลั่วแข็งแกร่งมาก เขากระโดดข้ามจากด้านบนไปหาฉินหร่าน

 

 

ไม่กี่วันมานี้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ฉินหร่านก็กลายเป็นคนดังในคฤหาสน์

 

 

ถังชิงมองฉินหร่านที่ถือฝักบัวรดน้ำต้นไม้อยู่ ก่อนถามประโยคหนึ่งออกมาว่า “ปีนี้คุณหนูฉินหร่านคนนั้นได้เข้าร่วมการทดสอบไหม?”

 

 

“น่าจะนะ? เหมือนฉันจะได้ยินหัวหน้าเข้าพูดกัน” คนที่อยู่ด้านข้างตอบ

 

 

“งั้นก็ดี” ถังชิงผงกหัว

 

 

วิธีที่เร็วที่สุดในการตั้งหลักในสถานที่แห่งหนึ่ง คือหาคนที่โดดเด่นที่สุด แล้วเหยียบย่ำมันให้จมดิน เท่านี้ก็สามารถเชิดหน้าชูตาได้อย่างภาคภูมิ และกลายเป็นหินที่โดนเหยียบขึ้นด้านบน

 

 

ดวงตาสีน้ำเงินที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันของถังชิงมองฉินหร่านที่อยู่อีกฝั่งอย่างอาฆาตมาดร้าย น่าเสียดายที่คุณหนูฉินผู้นี้จะกลายเป็นหินใต้เท้าของนาง