จูบอย่างกะทันหันนี้ทำให้ซูฉิงคาดไม่ถึง
เธอตัวแข็งทื่อ สมองก็พลันขาวโพลน
กว่าเธอจะตอบสนองก็ผ่านไปหลายวินาที
ฮ่อหยุนเฉิงจะทำอะไรน่ะ?!
พวกเขายกเลิกการหมั้นไปแล้ว และระหว่างเธอกับฮ่อหยุนเฉิงก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ทำไมเขาถึงมาล่วงเกินเธอแบบนี้?
หัวใจเต้นรัว ฟันอันแหลมคมของเธอจึงกัดลงไปที่ริมฝีปากของอีกนอย่างแรง
ควบคู่ไปกับกลิ่นเลือด ความเจ็บปวดแผ่เข้ามาในริมฝีปาก จอฮ่อหยุนเฉิงปล่อยซูฉิงโดยไม่รู้ตัว
หน้าอกของซูฉิงกระเพื่อมอย่างรุนแรงด้วยความอับอายและโกรธ เธออ้าปากหอบและกล่าวว่า “ฮ่อหยุนเฉิง นายพอได้แล้ว!”
ฮ่อหยุนเฉิงหน้าดำหน้าแดง และความหนาวเหน็บแผ่ออกมาจนทำให้คนหวาดหวั่น
ตอนนี้อากาศเหมือนจะกลายเป็นน้ำแข็ง
ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้วเรียว ใบหน้าตึงเครียด ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย และจ้องไปที่ซูฉิง
เธอเกลียดการสัมผัสของเขามากสินะ?
แต่ก่อนตอนอยู่ด้วยกันเธอยังชอบจูกของเขาชัดๆ
ไม่รู้ว่าต้องผ่านไปนานแค่ไหน ใบหน้าเย็นชาก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม “ซูฉิง เธอคบกับเฉินจุนเหยียนจริงเหรอ?”
ซูฉิงขมวดคิ้ว
“เป็นเพราะเฉินจุนเหยียน เธอถึงได้ยกเลิกงานหมั้นใช่ไหม?” เมื่อเห็นซูฉิงเงียบ ใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิงก็ยิ่งเคร่งขรึม
เพราะเฉินจุนเหยียน?
เหอะ ฮ่อหยุนเฉิงเป็นพวกไม่รู้ตัวหรือไง?
เป็นเพราะถังถังชัดๆ!
ทันใดนั้นซูฉิงก็มองดวงตาที่เย็นชาของเขา “ฮ่อหยุนเฉิง ได้โปรดอย่ามาใส่ร้ายฉันกับเฉินจุนเหยียน นายยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าทำไมฉันถึงยกเลิกการหมั้น?”
“ฉันไม่รู้น่ะสิ!” ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงมืดมนก่อนจะโมโห “บอกฉันทีว่าทำไม”
วันนี้เขาต้องการฟังซูฉิงพูดเองกับปาก
ซูฉิงแสยะยิ้ม “ในเมื่อยังเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ งั้นได้ ฉันจะอธิบายให้กระจ่างเอง”
สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงและพูดต่อ “ฉันเคยบอกนายตั้งนานแล้วว่าฉันมีนิสัยรักความสะอาด สามีในอนาคตของฉันต้องรักฉันสุดหัวใจ และในใจเขาต้องรักฉันคนเดียวเท่านั้น
แต่นาย เห็นได้ชัดว่าในใจนายมีแต่ถังถังเท่านั้น”
“เพราะถังถัง เธอถึงได้ยกเลิกงานหมั้นไป?” ฮ่อหยุนเฉิงเลิกคิ้วขึ้น อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นมาทันที
ไม่ใช่เพราะเฉินจุนเหยียน แต่เป็นเพราะถังถัง…หมายความว่าซูฉิงยังคงสนใจในตัวเขาอยู่?
เธอยกเลิกงานหมั้นเพียงเพราะเธอหึง
“ใช่” ซูฉิงพยักหน้า
ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงมืดลงก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้ม “ถ้าอย่างนั้นถ้าฉันบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับถังถังไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขา เธอจะกลับมาเคียงข้างฉันไหม?”
“นายคิดว่าฉันจะเชื่อหรือไง?” ริมฝีปากของซูฉิงโค้งอย่างประชดประชัน
ฮ่อหยุนเฉิงมองเธออย่างลึกซึ้ง “ทำไมถึงไม่เชื่อ?”
“ในวันสำคัญอย่างพิธีหมั้นของเรา นายเพิกเฉยต่อความรู้สึกของฉันไปจนหมดและหายตัวไป ติดต่อยังไงก็ไม่ได้
ฉันนึกว่าจะประสบอุบัติเหตุจนออกตามหานายอย่างบ้าคลั่ง แล้วนายล่ะ?
นายไปอยู่กับถังถัง
มันชัดแล้วว่าในใจของนาย ถังถังสำคัญกว่าฉัน
หรือฉันควรจะพูดว่าตั้งแต่เริ่ม คนที่นายรักก็มีแค่ถังถัง
ในเมื่อเป็นแบบนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะต่อสัญญาการแต่งงานที่ไม่ควรมีอยู่ตั้งแต่แรก”
ฮ่อหยุนเฉิงหรี่ตา “ฉันไม่ได้เมินความรู้สึกของเธอ วันนั้นฉันไม่ได้ส่งข้อความบอกเธอว่าจะไปรับช้าหน่อยเหรอ?”
ข้อความ?
ซูฉิงตกลึง
เขาส่งข้อความหาเธอเมื่อไหร่?
“ฉันไม่เห็นข้อความอะไรทั้งนั้น” ซูฉิงพูดประชด
ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้ว วันนั้นโทรศัพท์เขาแบตหมดและถังถังเป็นคนส่งข้อความ
ทำไมซูฉิงถึงไม่ได้รับล่ะ?
ปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่?
เมื่อเห็นฮ่อหยุนเฉิงเงียบ ซูฉิงจึงถามอย่างเย็นชา “ฮ่อหยุนเฉิง ยังกล้าพูดอีกนะ ไม่ใช่ว่านายรักถังถังมาตั้งหลายปีหรือไง? ในใจนาย คนที่นายเอาแต่คิดถึงไม่ใช่ถังถังหรือไงกัน?”
“ซูฉิง ฉันไม่ปฏิเสธว่าฉันมีความรู้สึกพิเศษกับถังถัง แต่มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเลยนะ” ฮ่อหยุนเฉิงพูดอย่างระมัดระวัง เขาไม่รู้จะอธิบายกับซูฉิงยังไง
สำหรับถังถังแล้ว สำคัญต่อเขามากจริงๆ
เขาเคยคิดว่า ที่เขาตามหาถังถังมาตลอดเพราะเขารัก
แต่ต่อมาเขาได้เจอกับซูฉิง เขาค่อยๆ ถูกเธอดึงดูดจนเขาเอนเอียงไปทางซูฉิง
เมื่อเขาได้เจอกับถังถัง เขากลับพบว่าเขาไม่ได้รู้สึกถึงอาหารใจเต้นกับถังรั่วอิง ใจเขามีคนที่ต้องการอยู่แล้ว และยังคงเป็นซูฉิง
เพียงแค่ว่า ถังถังได้เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาไว้และเข้าไม่ใช่ประเภทคนลืมบุญคุณคน
ดังนั้นเวลาถังถังร้องขออะไร เขาก็จะตกลงอย่างไม่ลังเล
ซูฉิงกัดริมฝีปากและนิ่งเงียบ
หัวใจกลับหวั่นไหว
คำพูดของฮ่อหยุนเฉิงจะน่าเชื่อถือแค่ไหนกัน?
“ฉันอธิบายเรื่องถังถังให้ฟังแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เธอต้องอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉินจุนเหยียนว่ามันคืออะไรได้แล้วใช่ไหม?” เมื่อนึกถึงฉากที่เห็นตรงชั้นล่าง หัวใจเขาก็ยังติดๆ จัดๆ
แต่ซูฉิงกลับถาม “ฮ่อหยุนเฉิง นายแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าถังรั่วอิงคือถังถัง?”
“แน่นอน” ฮ่อหยุนเฉิงตอบโดยไม่ลังเล
“ทำไมถึงมั่นใจนักล่ะ?” ซูฉิงถาม
ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงฉายแววครุ่งคิด “ซูฉิง เธอกำลังสงสัยอะไรอยู่?”
ซูฉิงเม้มริมฝีปากและขณะกำลังจะพูด โทรศัพท์มือถือของฮ่อหยุนเฉิงดังขึ้น
ฮ่อหยุนเฉิงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าและมองลงไปก็พบว่าเป็นสายของถังรั่วอิง
เมื่อเห็นคำว่า ถังถัง กระพริบบนหน้าจอ ใบหน้าของซูฉิงก็นิ่งมากขึ้น
นิ้วเรียวของฮ่อหยุนเฉิงกดรับสาย “ถังถัง?”
เสียงตื่นตระหนกของถังรั่วอิงดังขึ้นจากปลายสาย “พี่เฉิง ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย!”
“ถังถังเธอเป็นอะไรไป?” น้ำเสียงของฮ่อหยุนเฉิงฉายแววความกังวล
“อย่าเข้ามานะ โอ๊ย…พี่เฉิง ช่วยด้วย!!!” เสียงของถังรั่วอิงกำลังร้องไห้ราวกับมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น
“ถังถัง? ถังถัง? เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ฮ่อหยุนเฉิงถามอย่างตื่นตระกหนก
แต่ว่าสายกลับตัดไปแล้ว
ฮ่อหยุนเฉิงโทรกลับก็ไม่มีใครรับสาย
“ซูฉิง ถังถังอาจตกอยู่ในอันตราย ฉันจะไปดูก่อนนะ” ฮ่อหยุนเฉิงมองซูฉิงอย่างเคร่งขรึม
ไม่รอให้ซูฉิงได้พูดอะไร เขาก็ตรงไปที่ประตูและเดินออกไป
มองตามหลังฮ่อหยุนเฉิงที่เร่งรีบจากไป หัวใจซูฉิงก็ดำดิ่งลงทีละน้อย
เมื่อกี้ยังพูดอยู่เลยว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อถังรั่วอิงไม่ใช่อย่างที่เธอคิด
แต่ทันทีที่เขาได้รับสายจองถังรั่วอิง เขาก็รีบวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง
แบบนี้ไม่เรียกว่าไม่มีความรู้สึกอะไรงั้นเหรอ?
ความจริงอยู่ตรงหน้าแล้ว ในสายตาของฮ่อหยุนเฉิงก็ยังเป็นถังถังที่สำคัญกว่าเธอ…