ช่างเถิด
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เขายังรอคอยที่จะอยู่ข้างกายคนที่ตนรัก แม้ไม่ได้เป็นคนรัก เป็นพี่น้องกันจะเป็นไรไป!
พอคิดตรงนี้ได้ ตงฟางไป๋จึงรู้สึกดีขึ้น ความขมขื่นในใจมีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะเยียวยาได้
…
เรื่องเล่อเหยาเหยาคือน้องสาวของตงฟางไป๋ หลังผ่านการพิสูจน์ด้วยหยดเลือด และสัญลักษณ์บนร่างกายของเล่อเหยาเหยา จึงถูกยืนยันว่าคือความจริง
และสัญลักษณ์นี้ คือปานสีแดงบนก้นของเล่อเหยาเหยา
แม้จะรู้สึกเขินอาย แต่เล่อเหยาเหยาหลังตรวจสอบก้นของตนเสร็จ พบว่ามีปานแดงอยู่ด้านบนนั้น เอ่ยยืนยันกับตงฟางไป๋อย่างหน้าแดง
และภายในสมองอดนึกถึงห้าปีก่อนนี้ไม่ได้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็เอ่ยถึงเรื่องปานแดงบนก้นเธอมาก่อนเช่นกัน ยามนั้นเขายังสงสัยว่าปานแดงนี้คุ้นตายิ่ง คล้ายมีผู้ใดมีสิ่งนี้บนก้น ท่าทางสงสัยนั้น เล่อเหยาเหยาต่างคิดถึงอย่างมาก
เวลานี้คนเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา สวรรค์เล่นตลก สูญเสียชายคนรักของตน แต่กลับมีพี่ชายเพิ่มขึ้นมา
หลังตงฟางไป๋ยืนยันสถานะของเธอเรียบร้อย พลันเขียนจดหมายให้คนขี่ม้าเร็วไปส่งข่าวที่หมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งในภูเขา
เพราะบิดามารดาของตงฟางไป๋ยังมีชีวิตอยู่ และไม่เคยละทิ้งการตามหาบุตรสาวของตนมาโดยตลอด
เวลานี้ยี่สิบแปดปีผ่านไป สวรรค์ไม่กลั่นแกล้งคนที่ยึดมั่น ในที่สุดครอบครัวพวกเขาสามารถรวมตัวกันได้อย่างครบสมบูรณ์
ดังนั้นตงฟางไป๋จึงชักชวนเล่อเหยาเหยาและเหลิ่งอวี้เซวียนกลับไปกราบไหว้บรรพชน
เล่อเหยาเหยาได้ยิน ก็ไม่ได้คัดค้าน
เพราะเธอคิดว่าการกราบไหว้บรรพชนนี้เป็นเรื่องที่เหมาะสม ผู้อื่นต่างตามหาเธอมากว่ายี่สิบเอ็ดปี ไม่ง่ายกว่าจะพบตัวเธอ เธอย่อมควรกลับไปเยี่ยมเยียนพวกเขา
และห้าปีมานี้ เธออยู่ในวังหลวงของต้าเซี่ยมาโดยตลอด แม้วังหลวงจะหรูหราดีเลิศ คนภายในวังโดยเฉพาะฮ่องเต้และฮองเฮาต่างดีกับเธอ แต่บางเวลาพวกเขาห่วงใยเธอเกินไป มักทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
เธอทราบดีว่าพวกเขาห่วงใยตน และกลัวเธอจะเสียใจที่สูญเสียเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไป
แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว
อาจต้องออกไปผ่อนคลาย เผื่ออารมณ์ของตนจะดีขึ้น
หลังคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาหารือกับฮ่องเต้และฮองเฮา ซึ่งทั้งสองพระองค์ต่างตอบตกลง
ต่อมาหลังจากถงหย่าเอ๋อร์ ทราบเรื่องนี้ จึงโวยวายจะร่วมเดินทางไปด้วย แต่ตอนนี้ถงหย่าเอ๋อร์ กำลังตั้งครรภ์ครั้งที่สองได้สามเดือนแล้ว หนานกงจวิ้นซีกังวลเป็นที่สุด โดยเฉพาะหลายเดือนนี้ทารกในครรภ์ยังไม่แน่นอน ดังนั้นไม่ว่าถงหย่าเอ๋อร์ จะออดอ้อนเช่นไร หนานกงจวิ้นซีก็ใจแข็งไม่อนุญาตให้ถงหย่าเอ๋อร์ ติดตามไป
สุดท้ายถงหย่าเอ๋อร์ จึงจนใจ ถูกชายหนุ่มที่รักภรรยาดุจชีวิตนี้กักขังอยู่ภายในวังหลวง
สำหรับเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยายังเอ่ยแซวอยู่ครู่หนึ่ง
ไม่เคยรู้เลยว่าหนุ่มเจ้าสำราญเช่นหนานกงจวิ้นซี เมื่อรักหญิงสาวผู้หนึ่งจะทุ่มเทหมดทั้งหัวใจเช่นนี้ ทำให้คนรอบข้างต่างอิจฉา
สำหรับเรื่องที่หนานกงจวิ้นซีเคยรักตน ถงหย่าเอ๋อร์ ก็รับรู้
ก่อนหน้านี้ถงหย่าเอ๋อร์ ยังเอ่ยถามเล่อเหยาเหยาว่ารู้สึกเสียใจภายหลังหรือไม่
หากตอนแรกเธอเลือกหนานกงจวิ้นซี ผลสรุปของตนอาจจะยอดเยี่ยม ชีวิตก็จะมีแต่ความสุข
เมื่อได้ยินคำพูดของถงหย่าเอ๋อร์ เล่อเหยาเหยากลับส่ายหน้า เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หากย้อนเวลากลับไปได้ การตัดสินใจของเธอยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เธอรักอวี๋ คือเรื่องจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต
สำหรับคำตอบของเล่อเหยาเหยา ถงหย่าเอ๋อร์ นอกจากซาบซึ้งแล้ว ยังโล่งอกเป็นที่สุด
เพราะต่างคือผู้หญิง สำหรับหญิงสาว เรื่องของคนที่สามีของตนเคยรัก ต้องรู้สึกสนใจไม่มากก็น้อย
ตอนนี้ได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ถงหย่าเอ๋อร์ ย่อมโล่งอก
เวลานี้เล่อเหยาเหยาเพราะจะกลับไปหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งกับตงฟางไป๋ จึงให้คนจัดเตรียมเสื้อผ้าในการเดินทาง จากนั้นก็พาบุตรชายออกเดินทางสู่หมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งอย่างคึกคัก
จากวังหลวงของต้าเซี่ยถึงหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งแห่งเทียนหยวน ต้องใช้เวลาราวครึ่งเดือน
ทุกวันเล่อเหยาเหยานั่งอยู่ภายในรถม้า มองดอกหญ้าระหว่างเดินทาง ทิวทัศน์ดุจบทกวีภาพวาด ภูเขาสลับทับซ้อน เขาเขียวน้ำใส ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่าย
หากเบื่อหน่ายก็มีเหลิ่งอวี้เซวียนเด็กน้อยน่ารักอยู่ข้างกาย คำพูดของเด็กน้อยนั้น มักทำให้คนสรวลเสเฮฮา
หรือไม่ก็อ่านตำราวรยุทธ์ที่นักพรตเทียนซานทิ้งไว้ให้หลายเล่ม
นักพรตเทียนซานเวลานี้อายุหนึ่งร้อยสิบปีแล้ว แต่ยังแข็งแรง เดินทางรอนแรมไม่เคยว่างเว้น
หลังสอนวรยุทธ์แก่เล่อเหยาเหยา ก็ออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วหล้าอีกครั้ง
เมื่อเห็นท่าทางสง่างามเช่นนี้ของนักพรตเทียนซาน เล่อเหยาเหยามักอิจฉาไม่หยุด
ไม่รู้ว่าเวลาใด เธอจะวางเรื่องทุกอย่างลงได้ เดินจากเจียงหูได้อย่างสง่างาม!
ทว่าเธอทราบดี ชีวิตนี้ของเธอมีเรื่องมากมายที่ไม่อาจวางมือลงได้
เวลาครึ่งเดือน จะพูดว่ายาวนานก็ยาว จะพูดว่าสั้นก็สั้น ไม่นานพวกเล่อเหยาเหยาจึงกลับมาถึงเทียนหยวน
เมื่อเหยียบแผ่นดินอันคุ้นเคยแต่แปลกใหม่นี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาทอดถอนใจไม่หยุด
แม้เธอจะอยู่ในเทียนหยวนเพียงเวลาสั้นๆ แต่ที่นี่กลับเกิดเรื่องขึ้นมากมายที่ทำให้เธอไม่สามารถลืมเลือนไปได้ตลอดชีวิต
มีทั้งความสุข มีทั้งความทุกข์ทรมาณ
ที่นี่เธอเคยทั้งรัก ร้องไห้ และเจ็บปวด
ได้รับและสูญเสียไป
เพราะเทียนหยวนเกิดความทรงจำมากมายที่เธออยากลืมเลือน ดังนั้นเมื่อเล่อเหยาเหยามาถึงเทียนหยวน จึงเกิดความรู้สึกคิดถึงบ้านเกิดขึ้นมา
แต่ว่าสถานที่ที่พวกเขาไปเป็นแห่งแรก ไม่ใช่เมืองหลวง แต่เป็นหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่ง
หมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งคือหมู่บ้านหนึ่งของเทียนหยวน และเป็นหมู่บ้านของแพทย์มาหลายช่วงอายุคน ภายในหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งทุกรุ่นจะมีผู้ที่โดดเด่นปรากฎตัวขึ้น และยินยอมช่วยเหลือผู้คน ดังนั้นผู้คนของหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่ง ไม่ว่าจะไปที่ใดต่างได้รับความเคารพเลื่อมใสจากผู้คน
โดยเฉพาะตงฟางไป๋ที่เป็นผู้สืบทอดรุ่นปัจจุบัน!
อายุน้อย แต่ถูกนับถือให้เป็นหมอเทวดา
หน้าตาโดดเด่น อ่อนโยนงามสง่า จิตใจเมตตากรุณา ดังนั้นคนที่เข้ามาขอร้องให้เขาช่วยชีวิต จึงเหมือนข้ามแม่น้ำไหลผ่านมาอย่างไม่ขาดสาย
เวลานี้ตงฟางไป๋อายุยี่สิบหกแล้ว แต่ยังคงครองตนเป็นโสด
ดังนั้นเรื่องการแต่งงานของเขา จึงทำให้คนในครอบครัวกังวล ทุกวันจึงมักส่งจดหมายไปเร่งรัดตงฟางไป๋
ตงฟางไป๋มักอ้างเรื่องตามหาน้องสาวเพื่อยืดเวลาออกไป
เวลานี้ในที่สุดตามหาน้องสาวพบแล้ว คนในครอบครัวตงฟางไป๋จึงดีอกดีใจ ก่อนตงฟางไป๋กลับมาพลันให้แม่สื่อรีบร้อนคัดเลือกสาวงามหน้าตาโดดเด่นมากมายมา
สำหรับชื่อของตงฟางไป๋ ไม่ว่าเทียนหยวนหรือต้าเซี่ยต่างชื่อเสียงโด่งดัง
ดังนั้นสำหรับหญิงสาวทั้งปวง ไม่ว่าจะยังไม่ได้ออกเรือนหรือออกเรือนไปแล้ว ต่างยินยอมพร้อมใจ
เมื่อรถม้าของพวกเล่อเหยาเหยามาถึงหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่ง
เห็นเพียงหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่ครอบคลุมทั่วเขาหนึ่งลูก
และรอบทิศของหมู่บ้านบนภูเขาเป็นทางเดินกว้าง มีพวกร้านค้าเรียงราย ริมทางเดินปลูกดอกไม้ใบหญ้ามากมาย
เมื่อรถม้าของพวกเล่อเหยาเหยาเข้ามาบนถนนใหญ่ที่กว้างขวางนั้น สิ่งที่มาต้อนรับพวกเธอกลับไม่ใช่บ่าวไพร่ในหมู่บ้าน แต่เป็นเหล่าหญิงสาวที่ประทิมโฉมงดงาม แต่งกายอย่างสวยงามเย้ายวนใจ
เห็นเพียงเหล่าหญิงสาวต่างแต่งกายอย่างประณีต เมื่อเห็นรถม้าของพวกเล่อเหยาเหยาเข้ามา ต่างร้องตะโกนเข้ามาในรถม้าไม่หยุด
“หมอเทวดาไป๋ หมอเทวดาไป๋”
“หมอเทวดาไป๋ ข้าชื่ออวี๋ชุนเอ๋อร์ หมอเทวดาไป๋จดจำไว้นะ!”
“หมอเทวดาไป๋ ท่านหล่อเหลายิ่ง ข้าต้องให้แม่สื่อส่งเทียบไปแน่นอน”
“หมอเทวดาไป๋”
สำหรับเสียงต้อนรับดังกระหื่มด้านนอก ฝูงคนมากมาย และกลิ่นฉุนของเครื่องประทินโฉม ทำให้เล่อเหยาเหยาอดนึกถึงกลุ่มแฟนคลับที่บ้าคลั่ง ที่คอยติดตามดาราในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดไม่ได้
ดูแล้วตงฟางไป๋ไม่ว่าไปที่ใด ต่างได้รับการต้อนรับ!
ขณะกำลังคิดในใจ ภายในรถม้ากลับพลันมีร่างสูงใหญ่มุดเข้ามา
เล่อเหยาเหยาตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้าเขินอายตื่นตระหนกของตงฟางไป๋ จึงอดยิ้มไม่ได้
“ท่านพี่ ท่านช่างเป็นที่หมายปองของเหล่าหญิงสาวยิ่งนัก ดูหญิงสาวเหล่านั้นต่างรูปโฉมงดงาม และยังตกหลุมรักท่านอีกด้วย ท่านพี่จะเข้ามาด้านในเพราะเหตุใด รีบออกไปคัดเลือกพี่สะใภ้ให้ข้าเถิด!”
เมื่อเห็นท่าทางเย้าแหย่ของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋กลับแสดงท่าทาง ‘ผู้น้อยหวาดกลัว’ ออกมา ก่อนจะประสานมืออ้อนวอนเล่อเหยาเหยา
“เหยาเหยา ปล่อยพี่ไปเถิด หญิงสาวด้านนอกต่างดุราวกับแม่เสือ ข้าปัดป้องไม่ไหวแล้วจริงๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดอย่างจนใจของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาอดหัวเราะไม่ได้
แม้กระทั่งเหลิ่งอวี้เซวียนด้านข้าง ยังหัวเราะตามออกมา ใบหน้ายิ้มแย้มสดใสดุจเทพเซียนนั้น ช่างน่ารักยิ่งนัก
เมื่อเห็นผู้ใหญ่และเด็กสองคนตรงหน้า อรชรอ้อนแอ้นงดงาม ตงฟางไป๋เพียงลูบจมูก ก่อนยิ้มอย่างจนใจ
แต่ภายในดวงตาดำขลับแสนงดงามนั้น กลับเปล่งประกายความรักใคร่ออกมา
แม้สวรรค์จะเล่นตลก ความรักที่เขารอคอยไม่เคยปรากฎขึ้น แต่สามารถคอยปกป้องคนอยู่ข้างกายสองคนนี้เงียบๆ เขาก็พอใจแล้ว
เพราะรักคนคนหนึ่ง ไม่ได้มีเพียงต้องครอบครอง มิใช่หรือ!
เมื่อคิดได้ตงฟางไป๋พลันกระจ่างในใจ
เวลานี้เขาขอเพียงคนตรงหน้า สามารถยิ้มแย้ม มีความสุขไปชั่วชีวิต
…………………………………………………………………………………..