จิ่นซิ่วพาซานเอ๋อร์มาเล่นในสวนดอกไม้ กล่าวว่าเป็นการมาเล่น ทว่าซานเอ๋อร์เสนอความคิดเห็นว่าต้องการเตะลูกขนไก่ กระโดดตาราง เล่นว่าวอะไรจำพวกนี้ ล้วนถูกจิ่นซิ่วปฏิเสธทุกอย่าง
ซานเอ๋อร์มุ่ยปากน้อยๆ ด้วยความไม่พึงพอใจ “นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ หรือเราจะเล่นแกล้งมดแกล้งแมลงที่นี่หรือ”
จิ่นซิ่วกล่าวอย่างดิบดี “คุณชายซานเอ๋อร์ หากในจวนนี้มีคนป่วยอยู่ ทั้งยังเป็นอาการป่วยที่หนักหนาสาหัส และคนผู้นี้เป็นผู้อาวุโสของพี่หลันเอ๋อร์ของของ ท่านคิดว่า พวกเราเล่นกันโหวกเหวกโวยวายเกินไปจะเหมาะสมหรือไม่เจ้าคะ” ตอนนี้นายหญิงชราอาการไม่สู้ดี นายหญิงสะใภ้รองกล่าวไว้ว่า นายหญิงชราอาจสิ้นลมหายใจไปได้ทุกเมื่อ ระยะนี้ คนในจวนพูดคุยกันก็ต้องส่งเสียงบางเบา บรรยากาศจึงดูอึมครึมเสียยิ่งอะไรดี หากนางพาซานเอ๋อร์ทั้งหัวเราะทั้งส่งเสียงดังอยู่ในสวนดอกไม้ หากจะว่านางไม่รู้จักกฎระเบียบนั่นถือเป็นเรื่องเล็ก แต่เกรงว่าพาลให้นายหญิงสะใภ้รองต้องติดร่างแหไปด้วยน่ะสิ ในเมื่อนางเป็นสาวใช้ของเรือนนายหญิงสะใภ้รอง
ดวงตาซานเอ๋อร์กลอกไปมา แล้วเอ่ยอย่างยอมจำนน “เช่นนั้นเราเล่นซ่อนแอบได้หรือไม่ แบบนี้ไม่ได้เอะอะโวยวายเลยสักนิด”
จิ่นซิ่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แบบนี้ได้เจ้าค่ะ”
ซานเอ๋อร์ปรบมือด้วยความดีใจ “เย้…ได้เล่นซ่อนแอบแล้ว!”
จิ่นซิ่วรีบส่งเสียงชู่ว์ “คุณชายซานเอ๋อร์ เสียงเบาหน่อยเจ้าค่ะ!”
ซานเอ๋อร์หดลำคอลง แล้วหัวเราะคิกคักก่อนเอ่ยขึ้นเสียงบางเบา “เช่นนั้นข้าไปแอบก่อนละ เจ้าปิดตาและนับถึงสิบตรงนี้ ห้ามแอบมองข้าเชียวนะ!”
ท่อนขาน้อยๆ ของซานเอ๋อร์กำลังย่องเบา มุ่งไปหาที่ซ่อนตัวอย่างสนุกสนาน
“พร้อมแล้วหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะเริ่มนับละนะ หนึ่ง สอง สาม…” จิ่นซิ่วปิดตาลงด้วยความซื่อสัตย์ และนับอย่างช้าๆ นางไม่รีบร้อนแต่อย่างใด ในเมื่อสวนดอกไม้นี่เป็นมุมที่นางคุ้นเคยอย่างยิ่ง ไม่ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่ส่วนไหน ข้าก็จับตัวเจ้าออกมาได้อยู่ดี
ซานเอ๋อร์ได้ยินจิ่นซิ่วนับจนเกือบถึงสิบ แต่ยังหาสถานที่ซึ่งสามารถหลบซ่อนมิดชิดไม่ได้ จึงร้อนรนใจอย่างยิ่ง! ทันใดนั้น เขาค้นพบช่องขนาดเล็กบริเวณใต้หินรูปทรงภูเขา ซานเอ๋อร์รีบคลานเข้าไปอย่างรวดเร็ว ช่องนี้พอดีกับเรือนร่างเล็กๆ ของเขา นอกจากนั้นซานเอ๋อร์ยังดึงหญ้ามาปิดปากช่องอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อกลบร่องรอย จากนั้นมอบอยู่ด้านในอย่างสงบเงียบ
“คุณชายซานเอ๋อร์ ข้าน้อยเห็นท่านแล้วนะเจ้าคะ รีบออกมาเถอะเจ้าค่ะ!”
ซานเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก คิดจะหลอกเขาออกไป เขาไม่หลงกลหรอก ซานเอ๋อร์ปิดปากที่กำลังฉีกยิ้มอย่างได้ใจ เมื่อมองผ่านช่องว่างระหว่างพุ่มหญ้า และเห็นว่าจิ่นซิ่วกำลังสำรวจทางทิศตะวันออกจากนั้นจึงเปลี่ยนไปทางทิศตะวันตก
“คุณชายซานเอ๋อร์ ท่านอยู่ไหนหรือเจ้าคะ อย่าขี้โกงโดยการไปแอบนอกสวนดอกไม้นะเจ้าคะ…” จิ่นซิ่วค่อยๆ เคลื่อนออกไปไกลจากบริเวณที่ซานเอ๋อร์ซ่อนตัวระหว่างเอ่ย
ซานเอ๋อร์ชันมือขึ้นเท้าพวงแก้มด้วยความเบื่อหน่าย พลางพึมพำภายในใจ จิ่นซิ่วช่างไม่ได้เรื่องจริงๆ เดิมผ่านหน้าเขาสามครั้งแล้วแท้ๆ แต่ดันไม่สังเกตเห็นเขา ซานเอ๋อร์เม้มริมฝีปากอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นจิ่นซิ่วเดินห่างไปไกล จิ่นซิ่วคงต้องกำลังแสร้งจงใจเดินไปไกล จะได้หลอกเขาให้ออกไปสินะ
หลังรอคอยอยู่ชั่วขณะหนึ่งกลับไร้วี่แววว่าจิ่นซิ่วจะเดินวกกลับมา ซานเอ๋อร์จึงเกิดความร้อนใจ จิ่นซิ่ว เจ้านี่ช่างเซ่อจริงๆ เลย!
จริงๆ แล้วนี่จะโทษจิ่นซิ่วคงไม่ได้ เป็นความจริงที่นางคุ้นเคยกับที่นี่ ทว่านางดันมองข้ามไปว่าซานเอ๋อร์เป็นเด็กตัวน้อยนิด ที่ที่นางแอบซ่อนได้ ซานเอ๋อรก็แอบซ่อนได้เช่นกัน ที่ที่ซานเอ๋อร์แอบซ่อนได้ กลับไม่แน่ว่านางจะเข้าไปแอบซ่อนได้
ซานเอ๋อร์รอแล้วรอเล่า ทว่ายังคงไร้วี่แววจิ่นซิ่ว ขณะคิดจะคลานออกมา กลับได้ยินเสียงฝีก้าว ซานเอ๋อร์จึงรำพึงรำพันภายในใจขึ้นมาทันที จิ่นซิ่วเจ้าช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ ที่แท้แอบรอให้เราติดกับดักมาโดยตลอดสินะ! ซานเอ๋อร์จึงหดศรีษะกลับเข้าไปอีกครั้ง
“ฮูหยินใหญ่ นี่…มันด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” คนผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“ด้วยเรื่องอันใดน่ะหรือ ที่ข้าตบรางวัลให้เจ้า เจ้าแค่รับไว้ก็เป็นพอ เจ้าทุ่มเทแรงกายแรงใจปรนนิบัติเหล่าไท่ไทถึงเพียงนี้ รางวัลนี่จึงคู่ควรแก่เจ้า เมื่อก่อนข้าก็คิดว่าเจ้าดูไม่เลวทีเดียว ทำเรื่องอันใดก็ทำอย่างจริงจัง จัดการปัญหาอย่างแน่วแน่มั่นคง ข้าน่ะ! ก็แค่ชอบคนอย่างเจ้าเท่านั้นเอง”
ที่มาเยือนไม่ใช่จิ่นซิ่วนี่…ซานเอ๋อร์แหวกพุ่มหญ้ามองออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาเห็นเพียงสองชายกระโปรงที่หนึ่งคนสีน้ำเงิน อีกหนึ่งคนสีขาว
“ฮูหยินใหญ่ ท่านกล่าวชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยเพียงแค่ปฏิบัติตามหน้าที่ของข้าน้อยก็เท่านั้นเจ้าค่ะ”
“ใช่ๆๆ ที่ข้าชอบเจ้าก็เพราะเป็นสาวใช้ประเภทรู้จักปฏิบัติตามหน้าที่ของตนนี่ละ ชุนซิ่งอ่า! ข้ามีความคิดหนึ่ง ข้าคิดว่า หลังเหล่าไท่ไทเสียชีวิตก็จะรับเจ้ามาอยู่ด้วย เจ้าตามข้ากลับไปบ้านเกิด เจ้าวางใจได้ ข้าไม่ให้เจ้าเสียเปรียบเป็นแน่”
“คือว่า…” สาวใช้ที่นามว่าชุนซิ่งดูลังเลใจเล็กน้อย
“ชุนซิ่งอ่า! ข้าปรารถนาดีต่อเจ้า เจ้าลองคิดดูนะ เดิมเจ้าเป็นคนที่ปรนนิบัติข้างกายนางฮาน นางฮานสร้างความโกรธเคืองให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายไม่น้อย ตอนนี้นางฮานถูกขับไสไล่ส่งออกจากบ้าน เจ้าก็ขาดที่พึ่งพิง เอ้อร์เส้าหน่ายนายนั่นยังจะเห็นความสำคัญของเจ้าอีกหรือ ทั้งหมดทั้งมวลที่เอ้อร์เส้าหน่ายนายยังให้เจ้าอยู่ที่นี่ มิใช่เพราะขาดแคลนคนปรนนิบัติเหล่าไท่ไทหรอกหรือ ทันทีที่เหล่าไท่ไทจากไปแล้ว ไม่แน่ว่าเอ้อร์เส้าหน่ายนายจะขับไล่เจ้าออกไปด้วยก็เป็นได้! วัยเจ้าในตอนนี้ว่ากันตามหลักก็ควรมีคู่ครองได้แล้ว เมื่อถึงเวลา นางเลือกคู่ครองงูๆ ปลาๆ ให้เจ้า ชีวิตนี้ของเจ้าจะมิเป็นอันจบสิ้นแล้วหรือ”
ชุนซิ่งอ้ำอึ้งด้วยน้ำเสียงบางเบา “เอ้อร์เส้าหน่ายนายปฏิบัติต่อข้ารับใช้ทุกคนอย่างดียิ่ง…”
“นั่นเป็นเพราะนางแสร้งทำ หากนางเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา นางฮานจะเป็นอันจบสิ้นด้วยน้ำมือนางหรือ ชุนซิ่ง เจ้าต้องตาสว่างเข้าไว้หน่อย ตระกูลหลี่มีเรื่องราวมากมายเพียงนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่นางก่อขึ้น นางก็แค่คนประเภทหน้าเนื้อใจเสือ อำมหิตเสียยิ่งอะไรดี นางปฏิบัติต่อข้ารับใช้อย่างดี นั่นเป็นแค่คนการปฏิบัติอย่างดีต่อคนที่ปรนนิบัติข้างกายนางเท่านั้น ใครจะมาสนใจความเป็นความตายของพวกเจ้าหรือ”
ซานเอ๋อร์กระชับมือน้อยๆ จนเป็นกำหมัดแน่น และกัดฟันด้วยความโกรธเกรี้ยว นังป้าชราผู้นี้ กล้าดีถึงขั้นพูดให้ร้ายพี่สาวของเขา
ฮูหยินใหญ่กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าปรนนิบัติเหล่าไท่ไทอย่างสุดแรงกายแรงใจเพียงนี้ ข้าเห็นอยู่ในสายตา และจดจำไว้ในหัวใจ ขอเพียงเจ้าพยักหน้า เรื่องที่เหลือ ข้าจะจัดการเอง และจะไม่ให้เจ้าขาดทุนอย่างแน่นอน”
ชุนซิ่งนิ่งเงียบ คงต้องกล่าวว่าคำพูดของฮูหยินใหญ่มันช่างตรงใจนางจริงๆ เพราะนางก็กำลังกังวลอนาคตของตนเองอยู่เช่นกัน ตอนนี้ สาวใช้ที่อยู่ในจวนลองนับๆ ดูแล้วก็นางนี่ละที่อายุมากที่สุด ตามกฎระเบียบของจวน นางควรมีคู่ครองตั้งแต่ปีที่แล้ว เพียงแต่ ปัญหาในจวนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใครจะมัวสนใจเรื่องของสาวใช้คนหนึ่งหรือ ตอนแรกที่ตระกูลหลี่ถูกค้นบ้านยึดทรัพย์ นายหญิงสะใภ้รองก็เคยกล่าวว่า หากต้องการจากไปก็ไปได้ และคืนสัญญาซื้อขายตัวให้ พร้อมให้เงินจำนวนหนึ่ง นางก็มีความนึกคิดที่จะเลือกเช่นนั้น ทว่า นางถูกคนเขาซื้อตัวมาตั้งแต่เด็กๆ จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าบ้านอยู่แห่งหนใด แล้วจะไปไหนได้หรือ จึงทำได้เพียงอยู่ต่อ นางยอมคิดว่านายหญิงสะใภ้ใหญ่และนายหญิงสะใภ้รองล้วนเป็นคนดีมีเมตตา ภายภาคหน้ายังหวังพึ่งพาได้ ตอนนี้พอได้ยินฮูหยินใหญ่กล่าวเช่นนี้ กลับรู้สึกว่าที่ฮูหยินใหญ่พูดก็มีเหตุผลเช่นกัน แต่นางก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ฮูหยินใหญ่ไม่มีทางแสดงความประสงค์ดีต่อนางโดยไม่หวังประโยชน์อะไรแน่นอน
“ฮูหยินใหญ่ ท่าน…อยากให้ชุนซิ่งทำอันใดหรือเจ้าคะ” ชุนซิ่งกล่าวหยั่งเชิง
ฮูหยินใหญ่แสร้งกล่าวอย่างไม่พึงพอใจ “ชุนชิ่ง ข้าอยากช่วยเจ้าอีกแรงด้วยใจจริง มิใช่มาแลกเปลี่ยนกับเจ้า ในเมื่อเจ้าคิดเยี่ยง เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ถือเสียว่าข้าไม่เคยพูดมาก่อนแล้วกัน”
ชุนซิ่งรีบกล่าวทันควัน “ฮูหยินใหญ่ใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ ชุนซิ่งมิได้หมายความเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่ถอดหายใจออกมา “ข้ารู้ดีว่าเจ้ามิได้หมายความเช่นนั้น ช่างเถอะ เรื่องนี้เจ้าไตร่ตรองให้ดีๆ แล้วกัน ไตร่ตรองเรียบร้อยแล้วก็บอกกล่าวข้า”
ซานเอ๋อร์มองเห็นชายกระโปรงสีน้ำเงินเคลื่อนออกไป จากนั้นชายกระโปรงสีขาวส่ายไปมาอยู่สองสามทีแล้วจึงหายลับตาไป ซานเอ๋อร์รออีกชั่วครู่หนึ่ง เมื่อมันใจแล้วว่าด้านนอกปราศจากผู้คนถึงคลานออกจากช่อง แล้วปัดๆ ฝ่ามือน้อย ดวงหน้าเล็กๆ ครุกรุ่นด้วยความอารมณ์โกรธเกรี้ยวจนกลายเป็นซาลาเปาลูกโต
จิ่นซิ่วเดินวกไปวนมาอยู่ในสวนดอกไม้ แต่กลับหาตัวคุณชายน้อยซานเอ๋อร์ไม่พบ จึงไปตามหาในบริเวณอื่นอยู่พักหนึ่ง ซึ่งยังคงหาไม่พบเช่นเดิม จากนั้นจึงวิ่งกลับไปยังสวนดอกไม้อีกครั้งด้วยความกระวนกระวายใจอย่างยิ่ง ระหว่างนั้นนางเผชิญหน้ากับฮูหยินใหญ่ที่เดินออกมาจากด้านในสวนพอดิบพอดี
จิ่นซิ่วรีบย่อเข่าลงและกล่าวคารวะ “ฮูหยินใหญ่”
นางอวี๋ไม่หือไม่อือใดๆ ทำเพียงกวาดสายตามองจิ่นซิ่วอย่างเรียบเฉย พร้อมกับสบถ ฮึ เหยียดหนาม แล้วเชิดหน้าใส่ก่อนเดินจากไป
เดิมจิ่นซิ่วอยากถามไถ่ฮูหยินใหญ่ว่าเห็นซานเอ๋อร์บ้างหรือไม่ ทว่าเห็นท่าทางของฮูหยินใหญ่เสมือนไม่แยแส จึงกลืนคำถามกลับลงไปแล้วตัดสินใจหาด้วยตนเองจะดีกว่า!
เมื่อเข้าไปในสวน จิ่นซิ่วเห็นเงาเรือนร่างคนผู้หนึ่งเคลื่อนไหวไปมาด้านหลังหินรูปทรงภูเขา ท่าทางลับๆ ล่อๆ จิ่วซิ่วระแวดระวังขึ้นทันทีทันใด นางปีนป่ายขึ้นไปบนก้อนหินใหญ่รูปทรงภูเขานั่นเพื่อมองดู แต่กลับไม่พบเห็นสิ่งใด นั่นทำให้จิ่นซิ่วประหลาดใจอย่างยิ่ง หรือว่านางตาฝาดไปแล้วหรือ ขณะตั้งใจว่าจะมองสำรวจด้านในโดยรอบ กลับรู้สึกว่ามีคนกระตุกชายกระโปรง จิ่นซิ่วก้มลงมองและกล่าวด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่าเป็นคุณชายซานเอ๋อร์ที่เรือนร่างเต็มไปด้วยฝุ่นดิน “คุณชายซาน…”
ซานเอ๋อร์รีบยกนิ้วมือน้อยๆ จ้ำม่ำจ่อลงบนกลีบปากเล็ก ทำท่าทางให้เงียบๆ เข้าไว้ จากนั้นกวักมือเรียกนาง แสดงความประสงค์ให้นางโน้มตัวลงมา
จิ่นซิ่วโน้มตัวลงไป จากนั้นซานเอ๋อร์ส่งเสียงกระซิบกระซาบข้างใบหูนางอยู่พักหนึ่ง ตามด้วยสีหน้าของจิ่นซิ่วที่แปรเปลี่ยนไปและกล่าวเสียงบางเบา “จริงหรือเจ้าคะ คุณชายซานเอ๋อร์ไม่ได้ฟังผิดแน่นะเจ้าคะ”
ซานเอ๋อร์พยักหน้าอย่างจริงจัง
จิ่นซิ่วรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากล นางดึงมือของซานเอ๋อร์แล้วเอ่ยเสียงบางเบา “คุณชายซานเอ๋อร์ เรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ นำคำพูดที่ท่านได้ยินเมื่อครู่ไปบอกกล่าวเอ้อร์เส้าหน่ายนายกันเจ้าค่ะ”
หลินหลันฟังคำบรรยายของซานเอ๋อร์จนจบ จากนั้นเผยรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อยและช่วยเขาปัดเศษดินที่ติดบนเสื้อผ้า “ครั้งหน้าเล่นซ่อนแอบห้ามไม่ให้เข้าไปให้ช่องในหลุมอะไรอีก เกิดในช่องมีมดแมลงตัวเล็กๆ ออกมากัดเจ้า แล้วเจ้าจะทำเช่นไรหรือ”
ซานเอ๋อร์รู้สึกคันเนื้อคันตัวขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อถูกพี่หลันเอ๋อร์พูดเช่นนี้ ใส่ เขาจึงทำท่าแขยงและกล่าวด้วยความรู้สึกกังวล “มีแมลงจริงๆ หรือขอรับ”
หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ให้จิ่นซิ่วพาเจ้าไปอาบน้ำ ข้าไม่ชอบเด็กที่สกปรกมอมแมมหรอกนะ”
ซานเอ๋อร์พยักหน้าอย่างว่าง่าย แล้วเดินตามจิ่นซิ่วไปอาบน้ำอาบท่า
หลังซานเอ๋อร์เดินออกไปแล้ว สีหน้าของหลินหลันกลับเคร่งขรึมลงพร้อมกับนัยน์ตาที่ฉายให้เห็นความเย็นชา “ป้าสะใภ้ใหญ่คงไม่อยากอยู่อย่างสงบจริงๆ สินะ!”
คำพูดของซานเอ๋อร์ไม่ผิดเพี้ยนอย่างแน่นอน คำพูดเหล่านั้นที่ป้าสะใภ้ใหญ่พูดคุยกับชุนซิ่ง ต่อให้ซานเอ๋อร์อยากจะเรียบเรียงขึ้นมาก็คงเรียบเรียงออกมาไม่ได้เป็นแน่
แม่โจวกล่าวอย่างครุ่นคิด “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย ท่านคิดว่า ฮูหยินหลอกล่อชุนซิ่งเพื่อทำอันใดหรือเจ้าคะ”
หลินหลันแสยะยิ้ม “นางจะทำอันใดได้หรือ ตั้งแต่นางฮานจากไป ชุนซิ่ง ชุ่ยจือแล้วยังมีอวี๋เหลียนที่คอยปรนนิบัติข้างกายเหล่าไท่ไทมาโดยตลอด ป้าสะใภ้ใหญ่นางคิดจะหยิบยกเหล่าไท่ไทมาเป็นตัวชู เพราะต้องการดึงคนที่อยู่ข้างกายเหล่าไท่ไทให้ช่วยเป็นมือเป็นไม้ให้นางได้อย่างแน่นอน อวี๋เหลียนแล้วละคนหนึ่ง ทว่าอวี๋เหลียนเป็นหลานสาวแท้ๆ ของนาง คำที่พูดคงทำให้ผู้คนเชื่อได้ ดังนั้นนางจึงคิดหลอกล่อชุนซิ่งอีกคน”
แม่โจวรู้สึกเป็นกังวลใจยิ่งนัก “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย เช่นนั้นท่านต้องรีบคิดวิธีการรับมือนะเจ้าคะ หากถึงเวลาพวกเขาร่วมมือกันสร้างคำครหาให้พวกเรา หรืออ้างความประสงค์จอมปลอมของเหล่าไท่ไทมากดดันพวกเรา เช่นนั้นคงจัดการได้ยากเสียแล้ว”
หลินหลันบิดผ้าเช็ดหน้าในมือ เดิมหน้านิ่วคิ้วขมวดวกไปวนมาภายในห้องหลายครั้ง แต่แล้วนางก็หยุดชะงักฝีก้าวกะทันหัน ในยามที่เงยหน้าขึ้น ใบหน้ากลับคืนสู่อาการสงบนิ่งดังเดิม และกล่าวอย่างใจเย็น “เช่นนั้น…เรามากมอบแผนการตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลังให้นางกันเถอะ”
แม่โจวงุนงง “อย่างไรหรือเจ้าคะ”
หลินหลันแสดงความประสงค์ให้แม่โจวเขยิบหูเข้ามา แล้วเอ่ยกระซิบข้างใบหูนาง จากนั้นใบหน้าของแม่โจวจึงเคยๆ ปรากฏรอยยิ้มขึ้น ตามด้วยพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
ซานเอ๋อร์นั่งแช่อยู่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่พลางครุ่นคิด นังป้าชรานั่น กล้ากล่าวให้ร้ายพี่สาว จะต้องคิดหาวิธีจัดการนางให้ได้ถึงจะเป็นการดี
จิ่นซิ่วเติมน้ำร้อนลงอ่างน้ำสองกระบวย เห็นคุณชายน้อยซานเอ๋อร์ในลักษณะพวงแก้มกำลังป่องพร้อมกับดวงตาทั้งสองกรอกกลิ้งไปมา ซึ่งชวนขำขันอย่างยิ่ง จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและกล่าว “คุณชายซานเอ๋อร์ กำลังคิดอันใดอยู่หรือเจ้าคะ”
ตอนต่อไป →